เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1617 ภัยพิบัติใหญ่

บทที่ 1617 ภัยพิบัติใหญ่

บทที่ 1617 ภัยพิบัติใหญ่

แก่นแท้อสูรวิญญาณขนาดเท่าไข่ไก่สีน้ำเงินเข้มร่วงหล่นลงบนภูเขาตงฮัน

หลังจากอสูรวิญญาณตาย ศพของพวกมันจะกลายเป็นควันกระจายหายไปและทิ้งไว้เพียงแก่นแท้อสูรวิญญาณเท่านั้น

แก่นแท้อสูรวิญญาณเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ พวกมันคือทรัพยากรอมตะระดับสูง

แก่นแท้อสูรวิญญาณของอสูรวิญญาณธรรมดามีขนาดเท่าเมล็ดข้าว แก่นแท้อสูรวิญญาณระดับหกมีขนาดเท่าไข่ไก่ แก่นแท้อสูรวิญญาณระดับเจ็ดมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย ขณะที่แก่นแท้อสูรวิญญาณระดับแปดมีขนาดเท่ารถม้า

หลังจากพูดคุยเพียงรอบเดียว ตระกูลฟางก็ตกลงให้ความร่วมมือกับฟางหยวนโดยลอบส่งมอบแก่นแท้อสูรวิญญาณให้เขาเป็นจํานวนมาก แก่นแท้อสูรวิญญาณส่วนใหญ่เป็นแก่นแท้อสูรวิญญาณระดับหก มีแก่นแท้อสูรวิญญาณระดับเจ็ดเพียงเล็กน้อย สําหรับแก่นแท้อสูรวิญญาณระดับแปด ไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียว

ฟางหยวนมีแก่นแท้อสูรวิญญาณระดับแปดสองชิ้น แต่เขาต้องการเก็บพวกมันไว้และจะไม่ใช้พวกมันเพื่อสร้างวิญญาณความเด็ดเดี่ยว

ทรัพยากรอมตะระดับแปดมักถูกใช้ในการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดหรือใช้สร้างค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่ การใช้พวกมันเพื่อผลิตวิญญาณความเด็ดเดียวจะทําให้พวกมันสูญเสียคุณค่าที่แท้จริง

ภูเขาตงฮันที่ได้รับแก่นแท้อสูรวิญญาณผลิตผลึกตงฮันออกมาอย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนพยักหน้าเมื่อเห็นฉากนี้ “ด้วยสิ่งนี้ข้าจะสามารถกลับไปบ่มเพาะจิตวิญญาณได้อีกครั้ง”

รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณสําคัญกับฟางหยวนมาก

การกดขี่ทาสพึ่งพารากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ยิ่งรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณแข็งแกร่งเท่าใด ฟางหยวนก็ยิ่งกดขี่ทาสได้มากเท่านั้น

ราชันภูตใช้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชคก็ใช้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ นอกจากนี้ยังมีท่าไม้ตาอมตะนําวิญญาณสู่ความฝัน ฟางหยวนศึกษาท่าไม้ตายนี้อย่างละเอียดแล้วและพบว่าหากรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้ใช้สูงกว่าเป้าหมาย โอกาสประสบความสําเร็จจะเพิ่มขึ้น

ฟางหยวนใช้ชื่อของเขาโดยตรงในจดหมายและละทิ้งชื่อชวนจิน แต่คําตอบของตระกูลฟางก็ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขา

ฟางหยวนเพียงผู้เดียวไม่สามารถยึดครองอาณาเขตของพวกเขา อย่างมากที่สุดเขาก็ทําได้เพียงปล้นสะดมทรัพยากรบางส่วน แต่กองกําลังใหญ่อื่นๆแตกต่างออกไป พวกเขาสามารถฉกชิงอาณาเขตและยึดครองแหล่งทรัพยากรด้วยการส่งกองทัพของพวกเขาออกมา

ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสําหรับตระกูลฟางไม่ใช่ฟางหยวนแต่เป็นกองกําลังฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตกที่กําลังจ้องมองพวกเขาด้วยความโล

“ยิ่งไปกว่านั้นทะเลทรายตะวันตกยังค่อนข้างพิเศษ ผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกมีความประนีประนอมมากที่สุดในห้าภูมิภาค”

นี่ไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นคนอ่อนโยนแต่เป็นเพราะสภาพแวดล้อม

แตกต่างจากภูมิภาคอื่น ทะเลทรายตะวันตกเต็มไปด้วยทะเลทราย หากโอเอซิสถูกทําลายในการต่อสู้ พวกเขาจะไม่เหลือรากฐานสําหรับการอยู่รอดและจะพังพินาศไปพร้อมกัน โอเอซิสแต่ละแห่งผลิตทรัพยากรที่แตกต่างกัน ผู้ใช้วิญญาณต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อชดเชยสิ่งที่พวกเขาขาด ขบวนสินค้าต้องเดินทางไกลท่ามกลางอันตราย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน

ด้วยเหตุนี้ผู้ใช้วิญญาณของทะเลทรายตะวันตกจึงค่อนข้างประนีประนอมเพื่อความอยู่รอด

เมื่อผู้ใช้วิญญาณกลายเป็นผู้อมตะ นิสัยการประนีประนอมก็ยังอยู่และกลายเป็นธรรมชาติของผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกไปในที่สุด

ในชีวิตแรกของฟางหยวน เขาเคยท่องเที่ยวไปรอบๆทะเลทรายตะวันตก เขาตระหนักถึงธรรมชาติของผู้คนในทะเลทรายตะวันตกเป็นอย่างดี

หากฟางหยวน ตะของทะเลทรายตะวันตก กองกําลังฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตกจะประนีประนอมเร็วกว่าภาคใต้

หากฟางหยวนจับตัวผู้อมตะภาคเหนือ มันจะเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป คนเหนือมักเป็นคนกล้าและไม่กลัวตาย พวกเขาอาจคิดว่ามันน่าอับอาย ขณะที่ฟางหยนวนจะรู้สึกปวดหัวกับเชลยมากขึ้น

วันต่อมาฟางหยวนกลับไปบ่มเพาะจิตวิญญาณของเขาอีกครั้งขณะที่เขายังรีดไถกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้และค้นวิญญาณของเชลยต่อไป

เป้าหมายของการค้นวิญญาณในครั้งนี้คือเซี่ยชา

แม้มันจะค่อนข้างยุ่งยากในการค้นวิญญาณของนาง แต่เขาไม่ขาดความอดทน เวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิเดินเร็วมาก ภายใต้ความพยายามอย่างต่อเนื่อง เขาก็ได้รับกําไรในที่สุด

ในไม่ช้าท่าไม้ตายอมตะของเซี่ยชาก็ถูกฟางหยวนปล้นไป

เซี่ยซาคิดค้นท่าไม้ตายอมตะสองชุดที่ใช้วิญญาณฤดูใบไม้ผลิ วิญญาณฤดูร้อน วิญญาณฤดูใบไม้ร่วง และวิญญาณฤดูหนาวเป็นแกนกลาง ท่าไม้ตายอมตะแต่ละชุดมีสี่ท่า

ท่าไม้ตายอมตะชุดแรกใช้สําหรับการต่อสู้ มันประกอบด้วย กรรไกรฤดูใบไม้ผลิ พัดฤดูร้อน สัมผัสแห่งฤดูใบไม้ร่วง และเสื้อคลุมฤดูหนาว

ท่ามกลางพวกมัน ท่าไม้ตายอมตะกรรไกรฤดูใบไม้ผลิและพัดฤดูร้อนเป็นท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีระดับแปด

ท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งฤดูใบไม้ร่วงเป็นท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบ สิ่งนี้สามารถเติมเต็มจุดอ่อนของฟางหยวนได้เป็นอย่างดี

สําหรับท่าไม้ตายอมตะเสื้อคลุมฤดูหนาว มันเป็นท่าไม้ตายอมตะสายป้องกัน

ท่าไม้ตายอมตะชุดที่สองใช้สําหรับจัดการมิติช่องว่างได้แก่ ท่าไม้ตายอมตะเพาะปลูกฤดูใบไม้ผลิ ไถพรวนฤดูร้อน เก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วง และกักตุนฤดูหนาว

ทุกท่าไม้ตายล้วนแยลยลและลึกซึ้ง ส่วนที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือหลังจากใช้ทั้งสี่ท่า ผลลัพธ์จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นอกจากนี้ยังมีท่าไม้ตายอมตะอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายอมตะสายรักษาหรือสายเคลื่อนไหว ทั้งหมดล้วนงดงามและมีประโยชน์ แต่พวกมันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับท่าไม้ตายอมตะสองชุดแรก

ในความเป็นจริงการคิดค้นท่าไม้ตายอมตะเป็นกระบวนการที่ยากลําบากมาก ผู้อมตะจําเป็นต้องมีพรสวรรค์และมีความสามารถที่เพียงพอ

อสูรสายฟ้าของภาคกลางใช้เวลาเกือบสามปีกับการปิดประตูฝึกตนก่อนจะสามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะเทพสายฟ้าและนั่นคือหลังจากที่เขาใช้เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตเป็นข้อมูลอ้างอิง

ภายใต้สถานการณ์ปกติ โดยปราศจากความช่วยเหลือใดๆเกี่ยวกับเส้นทางแห่งปัญญา ผู้อมตะต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าถึงหกปีในการอนุมานและกําหนดแนวทางของท่าไม้ตายอมตะ

การเลือกวิญญาณอมตะที่เหมาะสมก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มีตัวเลือกมามาย กระทั่งท่าไม้ตายอมตะจะถูกคิดค้นขึ้น แต่มันอาจไร้ประโยชน์ในทางปฏิบัติและไม่สามารถใช้งานได้หากผลข้างเคียงรุนแรงเกินไป หลังจากเสร็จสิ้นการคิดค้นท่าไม้ตายอมตะ พวกเขายังต้องทดสอบและปรับปรุงมันซ้ำแล้วซ้ำอีก

ห้าถึงหกปีคือเวลาที่ผู้อมตะต้องจดจ่ออยู่กับการคิดค้นท่าไม้ตายอมตะเพียงอย่างเดียวโดยไม่ทําสิ่งอื่น

หากผู้อมตะมีข้อมูลอ้างอิงหรือมรดกจากคนรุ่นก่อน พวกเขาจะสามารถลดระยะเวลาลงได้

แต่เวลาที่ใช้ยังนับปี

ฟางหยวนสามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะได้อย่างง่ายดายเพราะเขามีแสงแห่งปัญญา หลังจากทั้งหมดวิญญาณสติปัญญาเป็นวิญญาณอมตะระดับเก้า มันไม่สามารถถูกมองข้าม นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอีกประการ นั่นคือเขามีความสําเร็จในหลายเส้นทาง

ท่าไม้ตายอมตะและวิญญาณอมตะสามารถเสริมความแข็งแกร่งในแง่ของเส้นทางแห่งกาลเวลาให้กับฟางหยวนได้เป็นอย่างมาก ความก้าวหน้านี้เหมือนกับการปะทุขึ้นของภูเขาไฟ

อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังเผชิญหน้ากับปัญหาที่ค่อนข้างน่าอึดอัดใจ

“วิญญาณอมตะฤดูใบไม้ผลิและวิญญาณอมตะฤดูร้อนเป็นวิญญาณอมตะระดับแปด พวกมันใช้พลังงานอมตะระดับแปด ข้าเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด ข้าไม่มีคุณสมบัติที่จะใช้พวกมัน”

ดังนั้นข้าจึงต้องก้าวเข้าสู่ระดับแปด!”

“ด้วยวิธีนี้ไม่เพียงข้าจะสามารถใช้วิญญาณอมตะฤดูใบไม้ผลิและวิญญาณอมตะฤดูร้อนแต่ข้ายังสามารถใช้วิญญาณอมตะดาบแห่งปัญญา

ฟางหยวนเริ่มพิจารณาถึงการก้าวเข้าสู่ระดับแปด

หลายวันต่อมาการอนุมานของเขาก็เสร็จสิ้น

การก้าวเข้าสู่ระดับแปดของเขาจําเป็นต้องผ่านภัยพิบัติใหญ่สามครั้ง ภัยพิบัติใหญ่จะทรงพลังขึ้นในแต่ละครั้ง

ปัจจุบันฟางหยวนอยู่ไม่ไกลจากภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่สามซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย

ภัยคุกคามของภัยพิบัติใหญ่ไม่สูงมากนักสําหรับเขา

แม้เจตจํานงสวรรค์จะเพิ่มพลังอํานาจของมันจนถึงขีดสุด แต่ฟางหยวนสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะเผยความลับสวรรค์เพื่อเตรียมตัวรับมือ

สิ่งที่ฟางหยวนกังวลไม่ใช่ภัยพิบัติใหญ่แต่เป็นภัยพิบัติมนุษย์

ในการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติใหญ่ เขาต้องวางมิติช่องว่างลงและเชื่อมต่อกับโลกภายนอกเพื่อดูดกลืนปราณสวรรค์พิภพ

ในเวลานั้นตําแหน่งของเขาจะถูกเปิดเผยโดยตรงต่อเจตจํานงสวรรค์ ขณะเดียวกันผู้อมตะคนอื่นๆก็มีโอกาสประสบความสําเร็จในการอนุมานตําแหน่งของเขามากขึ้น

วังสวรรค์จะไม่ปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไป มีความเป็นไปได้สูงมากที่พวกเขาจะประเมินระดับการบ่มเพาะของฟางหยวนไว้แล้ว

หากฟางหยวนเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่ภาคใต้ เมื่อผู้อมตะภาคใต้ล่วงรู้ข้อมูล พวกเขาจะรีบมาฆ่าฟางหยวน แม้เชลยจะยังอยู่กับเขาก็ตาม

หากพวกเขาสามารถกําจัดฟางหยวน พวกเขาจะไม่พบปัญหาอีกในอนาคต ในระยะยาวผลประโยชน์ที่พวกเขาได้รับจะยิ่งใหญ่กว่า

ธุรกิจปลามังกรของฟางหยวนถูกขัดขวางโดยวังสวรรค์ รายได้ของเขาลดลงอย่างมาก สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าวิ่งสวรรค์สามารถค้นวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เมื่อเวลาผ่านไปวังสวรรค์จะได้รับข้อมูลเพิ่มมากขึ้น มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณจะมีประโยชน์และคุณค่าต่อฟางหยวนน้อยลง

“ตอนนี้วังสวรรค์เป็นศัตรูหลักของข้า กุญแจสําคัญในการต่อสู้กับวังสวรรค์คือวิญญาณชะตากรรม

“หากวังสวรรค์สามารถฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมได้อย่างสมบูรณ์ ข้าจะไม่มีโอกาสชนะอีกต่อไป หากข้าสามารถทําลายวิญญาณชะตากรรม ข้าจะสามารถต่อสู้กับพวกเขาต่อไป”

“กุญแจสําคัญในการทําลายวิญญาณชะตากรรมอยู่ในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง”

ฟางหยวนอนุมานแล้วว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่มรดกของเทพปีศาจบัวแดงจะมีวิธีทําลายวิญญาณชะตากรรม

เพื่อรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ข้าต้องต่อสู้กับวังสวรรค์ในสายธารแห่งกาลเวลา ข้าจะสามารถผ่าแนวป้องกันของพวกเขาได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับภัยพิบัติใหญ่ครั้งนี้

“หากข้าผ่านมันไปได้ ข้าจะกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดและสามารถใช้วิญญาณอมตะระดับแปด พลังการต่อสู้ของข้าจะพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ข้าจะมีโอกาสประสบความสําเร็จในสายธารแห่งกาลเวลา

“หากข้าไม่สามารถก้าวข้าม ข้าก็จะตาย ต่อให้ข้าบังเอิญรอดชีวิต แต่แผนการของข้าก็จะล้มเหลวต่อไปเป็นลูกโซ่ เว้นเพียงวังสวรรค์จะทําพลาดอย่างร้ายแรง มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่ให้โอกาสข้ากลับมาอีก

ฟางหยวนตระหนักถึงสถานการณ์เป็นอย่างดี

สิ่งสําคัญในเวลานี้คือแผนการก้าวเข้าสู่ระดับแปด

วันต่อมานอกเหนือจากการบ่มเพาะจิตวิญญาณ การค้นวิญญาณของเซี่ยชา และการจัดการมิติช่องว่างจักรพรรดิ ฟางหยวนแบ่งเวลาไปสํารวจอาณาจักรแห่งความฝัน ฝึกฝนท่าไม้ตายใหม่ และพัฒนาท่าไม้ตายเดิม

มีความจําเป็นที่ต้องพัฒนาท่าไม้ตายเดิมโดยเฉพาะท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ มิฉะนั้นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณเหล่านั้นจะถูกตอบโต้หรือหยุดยั้งโดยวังสวรรค์อย่างรวดเร็ว

สําหรับท่าไม้ตายใหม่ ฟางหยวนฝึกวิธีใช้งานท่าไม้ตายอมตะของเซี่ยชาเป็นหลัก ปัจจุบันเขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เขาสามารถฝึกท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดที่ใช้วิญญาณอมตะฤดูใบไม้ร่วงและวิญญาณอมตะฤดูหนาวเป็นแกนกลาง

โดยปกติผู้อมตะจะพบสองปัญหาใหญ่ในการฝึกฝนท่าไม้ตาย

หนึ่งคืออาการบาดเจ็บจากความล้มเหลว แต่ฟางหยวนมีร่างทารกอมตะที่ไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งระหว่างพลังงานแห่งเต๋ นอกจากนี้เขายังมีวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า ดังนั้นปัญหานี้จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่

สองคือพลังงานอมตะ หากพลังงานอมตะถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาต้องเปลี่ยนหินวิญญาณอมตะเป็นพลังงานอมตะ ก่อนหน้านี้ฟางหยวนขาดเงินทุน แต่ตอนนี้เขามีธุรกิจมากมายรวมถึงหินวิญญาณอมตะที่รีดไถมา ดังนั้นเขาจึงไม่มีปัญหาเรื่องเงินทุนเช่นกัน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท