เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1610 วิญญาณก่อนหน้า

บทที่ 1610 วิญญาณก่อนหน้า

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1610 วิญญาณก่อนหน้า

ตระกูลเฉิง

“หยกแปดทิศหนึ่งร้อยห้าสิบกิโลกรัม ข้าต้องการมันภายในสามวัน” ฟางหยวนเรียกร้อง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของผู้อมตะตระกูลเฉิงแสดงออกด้วยใบหน้าที่น่าเกลียด “หยกแปดทิศเป็นทรัพยากรอมตะระดับแปด ในสวรรค์สีเหลืองมีหยกแปดทิศไม่เกินห้ากิโลกรัม เป็นเรื่องยากสําหรับตระกูลเฉิงที่จะนํามันออกมาในครั้งเดียว”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเชื่อในความแข็งแกร่งของตระกูลของเจ้า ผู้ใดจะไม่รู้ว่าตระกูลเฉิงเป็นกองกําลังที่ร่ํารวยที่สุดของภาคใต้?” ฟางหยวนเย้ยหยัน ไม่ว่าตระกูลเฉิงจะพยายามเจรจาอย่างไร เงื่อนไขของฟางหยวนก็ไม่เปลี่ยนแปลง

ตระกูลปา

“วารีสมบัติเจ็ดประการของข้าอยู่ที่ใด?” ฟางหยวนกระตุ้น

ผู้อมตะตระกูลปาเร่งตอบกลับ “พวกเรารวบรวมมาแล้ว พวกเราสามารถแลกเปลี่ยนสินค้ากับคนตลอดเวลา”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนหัวเราะอย่างเต็มที่ “ดีมาก เพื่อแสดงความจริงใจของข้า ข้าจะมอบส่วนแรกให้ก่อน”

“นี่คือสิ่งใด?” ผู้อมตะตระกูลปาตกตะลึงและโกรธจัด

“เจ้าไม่รู้งั้นหรือ? นี่คือแขนของผู้อมตะตระกูลปาของพวกเจ้า” ฟางหยวนกล่าวอย่างช้าๆ

“ฟางหยวน! นี้หมายความว่าอย่างไร?”

“อืม! พวกเจ้าคิดว่าเพียงวารีสมบัติเจ็ดประการก็สามารถแลกเปลี่ยนกับผู้อมตะของพวกเจ้าแล้วงั้นหรือ? มันไม่ง่ายเช่นนั้น หากพวกเจ้าไม่พอใจ ข้าก็จะฆ่าเขา โอ้ ถูกต้อง ข้าจะบันทึกภาพ การสังหารเขาเอาไว้และเปิดเผยมันในสวรรค์สีเหลือง หรือบางทีข้าอาจขายคนผู้นี้ให้กับตระกูลวู ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนหัวเราะเสียงดัง

ผู้อมตะตระกูลปากัดฟันแน่นจนกลามแทบหักหลังจากชั่วครู่ผู้อมตะตระกูลปาก็เปิดปากกล่าว “ฟางหยวน เราสามารถพูดคุยเรื่องนี้”

“แน่นอน เราสามารถพูดคุย นั่นไม่ใช่ปัญหา ประการแรก มอบวารีสมบัติเจ็ดประการเพื่อแสดงความจริงใจของตระกูลปา ตระกูลของพวกเจ้าต้องการก้าวข้ามตระกูลรูและกลายเป็นกองกําลังอันดับหนึ่งของภาคใต้ แล้วพวกเจ้าจะยากจนได้อย่างไร? ตระกูลวูไม่ลังเลที่จะจ่ายเพื่อผู้อาวุโสสูงสุดนอกของพวกเขา ขณะที่ตระกูลปาจะปล่อยให้ผู้อมตะสายเลือดบริสุทธิ์ตายงั้นหรือ? ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของพวกเจ้าจะคิดอย่างไร? พวกเจ้าจะเย็นชาและไร้ความรู้สึกได้จริงๆงั้นหรือ?”

ทุกถ้อยคําของฟางหยวนเหมือนมีดที่แทงเข้าไปในหัวใจของผู้อมตะตระกูลปาและทําให้เขาไม่สามารถตอบโต้

ตระกูลลั่ว ตระกูลฮั่ว และตระกูลช่าย เป็นกองกําลังต่อมาที่ถูกฟางหยวนรีดไถ่ สําหรับตระกูลไท่และตระกูวู เขายังไม่ได้ลงมือ

ฟางหยวนเรียกร้องทรัพยากรทุกประเภทจากกองกําลังเหล่านี้ โดยธรรมชาติแล้วเขาต้องเผชิญกับการต่อต้าน แต่ฟางหยวนมีเชลยอยู่ในมือ ขณะที่ตําแหน่งของเขายังเป็นความลับที่ไม่สามารถอนุมาน ดังนั้นเขาจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบ

ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ทําได้เพียงตอบสนองความต้องการของฟางหยวนเท่านั้น

ท่ามกลางพวกเขา ตระกูลเซี่ยแสดงความจริงใจมากที่สุด

แสงเกลียวอรุณสิบชิ้นถูกส่งถือมือฟางหยวนเรียบร้อยแล้ว แม้พวกเขาจะพร่ําบ่นเกี่ยวกับ ความยากลําบากในการรวบรวมมัน แต่ฟางหยวนรู้ว่ารากฐานของกองกําลังใหญ่เหล่านี้แข็งแกร่งเพียงใด

การจัดหาทรัพยากรเหล่านี้ไม่ได้อยู่นอกเหนือความสามารถของพวกเขา พวกเขาเพียงต้องลําบากเล็กน้อยเท่านั้น

แสงเกลียวอรุณ หยกแปดทิศ วารีสมบัติเจ็ดประการ และอื่นๆ

สมบัติเหล่านี้ล้วนเป็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดหรือระดับแปด แต่ทรัพยากรระดับสูงเหล่านี้กลับถูกส่งมาให้ฟางหยวนอย่างต่อเนื่อง

ในไม่ช้าฟางหยวนก็ได้รับทรัพยากรที่จําเป็นส่วนใหญ่ในการสร้างสระแก่นแท้ปี

ความรวดเร็วนี้น่าตกใจมาก

หากฟางหยวนต้องรวบรวมพวกมันด้วยตัวเอง เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปีภายใต้สถานการณ์ที่เขาโชคดี

รากฐานของฟางหยวนลึกซึ้งแต่ในแง่ของการสะสมทรัพยากรอมตะ เขายังไม่สามารถเปรียบเทียบกับกองกําลังใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์มานานนับพันหรือหมื่นปี

ในความเป็นจริงทรัพยากรที่ฟางหยวนเรียกร้องไม่ได้มีไว้เพื่อสร้างสระแก่นแท้ปีเท่านั้น

ทรัพยากรหลายชนิดเป็นการเตรียมความพร้อมสําหรับการหลอมรวมวิญญาณอมตะ

ในเวลานี้ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนมาถึงด้านหน้าค่ายกลวิญญาณอมตะอีกครั้ง

“นี่เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากการปล้นวิญญาณครั้งนี้ เชลยเหล่านี้จะไม่เหลือวิญญาณอมตะอยู่อีก”

กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้มีสิบสามกองกําลังได้แก่ตระกูลวู ตระกูลปา ตระกูลเฉิง ตระกูลไท่ ตระกูลฮั่ว ตระกูลลั่ว ตระกูลเฉียว ตระกูลช่าย ตระกูลเซี่ย ตระกูลอี้ ตระกูลจื่อ ตระกูลหยาง และตระกูลเหยา

ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปด หากพวกเขาสามารถสังหารฟางหยวน พวกเขาจะได้กําไร ดังนั้นแต่ละกองกําลังจึงระดมหนึ่งในผู้อมตะระดับสูงของพวกเขาเข้าร่วมในกลุ่มไล่ล่าฟางหยวน ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซี่ยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นํากลุ่มคนเหล่านี้เพื่อป้องกันความขัดแย้งภายใน

ผู้อมตะกลุ่มนี้มีวิญญาณอมตะในการครอบครองคนละสองถึงสามดวง บางคนอาจมีสี่หรือห้าดวง

ฟางหยวนยังไม่เสร็จสิ้นการปล้นวิญญาณอมตะแต่ยอดรวมของวิญญาณอมตะที่เขาสะสมได้กลับบรรลุถึงหนึ่งร้อยดวงไปแล้ว!

ท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณ!

กายาแห่งความฝันนําร่างครึ่งส่วนของหยางคู่ออกมา

ฟางหยวนเริ่มงานของเขาอีกครั้ง

วิญญาณอมตะระดับเจ็ดดวงหนึ่งถูกนําออกมา ฟางหยวนดีใจมากเพราะมันคือวิญญาณอมตะค้นวิญญาณ!

วิญญาณอมตะค้นวิญญาณดวงนี้เป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อฟางหยวนในการค้นวิญญาณของเชลยเหล่านี้

“แต่วิญญาณดวงนี้ยังเป็นเพียงน้ําตาลบนหน้าเค้กเท่านั้น”

“แม้จะไม่มีวิญญาณอมตะค้นวิญญาณ ข้าก็สามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ อื่นๆเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะที่สามารถค้นวิญญาณของผู้อมตะเหล่านี้ วิญญาณอมตะค้นวิญญาณเพียงทําให้กระบวนการนี้ง่ายขึ้นเท่านั้น”

“มันจะดีกว่าหากข้าได้รับวิญญาณอมตะกลืนกินวิญญาณแทนวิญญาณอมตะค้นวิญญาณ”

นิกายเงามีวิธีใช้วิญญาณอมตะกลืนกินวิญญาณ หากเขาได้รับวิญญาณอมตะดวงนี้ เขาจะสามารถแยกดวงวิญญาณของเชลยออกมาจากร่างได้อย่างง่ายดาย สําหรับวิธีในปัจจุบันที่เขามี มันจะทําให้เขาพบปัญหามากมาย

มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณสามดวงแต่ไม่มีวิญญาณอมตะกลืนกิน

วิญญาณ

เชลยคนสุดท้ายคือหลิวห่าวของตระกูล

“คนผู้นี้มีวิธีหยุดยั้งวิญญาณท่องแดนอมตะของข้า ให้ข้าดูวิธีการของเจ้า” ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายของเขาและสามารถขโมยวิญญาณอมตะดวงหนึ่ง

“อา…” แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดกลับทําให้ฟางหยวนตะลึง

วิญญาณอมตะดวงนี้ทําลายตัวเองทันทีเมื่อมันถูกนําออกมาจากมิติช่องว่างของหลิวห่าว

“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นเยียบ

เขายังขโมยวิญญาณต่อไป แต่ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณอมตะหรือวิญญาณระดับมนุษย์ พวกมันต่างระเบิดตัวเองทั้งหมด

ฟางหยวนตรวจสอบอย่างระมัดระวังและค้นพบวิธีการบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมบางอย่าง

“นี่เป็นวิธีการบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่ไม่ธรรมดา มันอยู่ในระดับเดียวกับบรรพชนผมยาว ดูเหมือนผู้อมตะของตระกูลวผู้นี้จะไม่ใช่ผู้อมตะทั่วไป เขาน่าจะเป็นคนของวังสวรรค์!”

ฟางหยวนสามารถอนุมานความจริงได้ทันที

ปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมมีเพียงสามคนในประวัติศาสตร์ นอกจากบรรพชนผมยาว อีกสองคนเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์ มรดกที่แท้จริงส่วนใหญ่ของพวกเขาถูกรวบรวมไว้โดยวังสวรรค์ ฟางหยวนเคยปลอมตัวเป็นวูไห่ เขาเข้าใจรากฐานของตระกูลวูเป็นอย่างดี ตระกูลวูไม่มีรากฐานบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม!

การแสดงออกของฟางหยวนมืดครื้มลงเล็กน้อย

เรื่องนี้อยู่นอกเหนือการคาดหมายของเขาและทําให้เขาพบกับความสูญเสีย

ในเวลาเดียวกันเขาก็ตระหนักว่า “ข้าตั้งใจใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะปีแห่งความตายเพื่อล่อลวงให้วังสวรรค์เปิดไฟที่อยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา แต่ข้าไม่คาดหวังว่าวังสวรรค์จะแทรกซึมเข้าสู่ภาคใต้เพื่อไล่ล่าข้า”

“อันตรายมาก เทพธิดาจื่อเว่ยย่อมไม่ส่งคนผู้นี้มาเพียงผู้เดียว นางต้องมีแผนสํารอง โชคดีที่ข้าจากมาอย่างรวดเร็วและไม่เสียเวลากับลัวเว่ยหยิน”

“ตระกูลวูเป็นกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้แต่พวกเขากลับถูกแทรกซึมโดยวังสวรรค์ นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องเป็นวูหยงที่นําวังสวรรค์มาจัดการข้า ฮืม! เขาเป็นคนที่น่าเกรงขามอย่างแท้จริง”

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ความคิดของฟางหยวนก็เปลี่ยนไป เขามองซากศพของวิญญาณอมตะที่อยู่ในมืออีกครั้ง

“วิญญาณก่อนหน้า…” เขาพึมพํา

วิญญาณอมตะวิญญาณก่อนหน้าเป็นสิ่งที่เขาเคยคิดมาก่อน เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะการคงอยู่ของวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้าและวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า

เมื่อวิญญาณได้รับบาดเจ็บหรือถูกทําลาย การใช้วิญญาณอมตะวิญญาณก่อนหน้าจะสามารถกู้คืนพวกมันให้กลับสู่สภาพเดิม

อย่างไรก็ตามแม้แนวคิดจะฟังดูดี แต่ยิ่งทําวิจัยมากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งตระหนักถึงความยากของมันมากเท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณระดับมนุษย์หรือวิญญาณอมตะ พวกมันล้วนมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบรรจุอยู่ภายในวิญญาณอมตะวิญญาณก่อนหน้าต้องอยู่ในระดับสูงกว่าพวกมัน นี่เป็นหนึ่งในความยากลําบากในการใช้งานสิ่งนี้

แต่ตอนนี้ฟางหยวนเกือบเห็นร่องรอยของวิญญาณอมตะวิญญาณก่อนหน้าจากเศษซากของวิญญาณอมตะเหล่านี้

“วิญญาณเหล่านี้เป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติแต่มีการเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเข้าไปเพื่อให้มันทําลายตัวเองในสถานการณ์ที่กําหนด

เนื่องจากเส้นทางแห่งการหลอมรวมมีความเชี่ยวชาญในการสร้างวิญญาณอมตะ ดังนั้นมันจึงมีความเชี่ยวชาญในการทําลายเช่นกัน

“บางทีซากศพของวิญญาณเหล่านี้อาจมีค่ากับข้ามากกว่าวิญญาณอมตะที่มีชีวิต” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

“ข้าอาจพบเบาะแสของวิญญาณอมตะวิญญาณก่อนหน้าจากซากศพของวิญญาณเหล่านี้”

ฟางหยวนเก็บซากศพเหล่านั้นเอาไว้อย่างระมัดระวัง

มีหลายสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้และค้นคว้า

วิธีที่ดีที่สุดคือการอ้างอิงวิธีการของวังสวรรค์

แต่โอกาสประสบความสําเร็จยังค่อนข้างน้อย

“ข้าดูดซับความหมายที่แท้จริงของบรรพชนผมยาว ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของข้าบรรลุระดับถึงปรมาจารย์สูงสุดแล้ว แต่ในประวัติศาสตร์ เส้นทางแห่งการหลอมรวมยังมีอีกสองคนที่อยู่ในระดับเดียวกับบรรพชนผมยาว มรดกที่แท้จริงของพวกเขาต้องอยู่ในวังสวรรค์อย่างแน่นอน” ฟางหยวนถอนหายใจ

เขามองเห็นโอกาสในการหลอมรวมวิญญาณอมตะวิญญาณก่อนหน้าแต่วังสวรรค์ยังเป็นสิ่งกีดขวางบนเส้นทางของเขา

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท