เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1625 เปิดตัวตราประทับเหล่าโป

บทที่ 1625 เปิดตัวตราประทับเหล่าโป

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1625 เปิดตัวตราประทับเหล่าโป

ตะลึง!

ผู้อมตะทั้งหมดในที่เกิดหตุตกใจมากเมื่อเห็นฟางหยวนต่อสู้กับทุกคนด้วยตัวเขาเพียงลําพัง

พวกเขาต้องการขัดขวางการก้าวข้ามภัยพิบัติของฟางหยวนเพื่อป้องกันไม่ให้เขากลายเป็นผู้อมตะระดับแปด

แต่โดยไม่คาดคิดเขากลับเป็นผู้อมตะระดับแปดไปแล้ว

ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงนี้ทําให้ทุกคนไม่สามารถตอบสนองและไม่ระวังตัว

“เขากลายเป็นผู้อมตะระดับแปดตั้งแต่เมื่อใด?” ดวงตาของชื่อชิวหยูเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“มันไม่แปลกที่เขาสามารถใช้กรรไกรฤดูใบไม้ผลิและพัดฤดูร้อน สิ่งสําคัญคือท่าไม้ตายเหล่านี้ถูกขยายพลังอํานาจด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าและสามารถหยุดการโจมตีทั้งหมด ของเรา แม้ฟางหยวนจะก้าวเข้าสู่ระดับแปด แต่เหตุใดเขาถึงมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากมายในระยะเวลาสั้นๆ บางทีเขาอาจยึดครองร่างของเซี่ยชาและใช้ใบหน้าที่คุ้นเคยเพื่อหลอกลวง พวกเราและทําให้เราคิดว่าเขาผ่านภัยพิบัติเรียบร้อยแล้ว” เฉิงอู๋เจียวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว

“ไม่! กรรไกรฤดูใบไม้ผลิและพัดฤดูร้อนของผู้อาวุโสเซียชาเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปดทั้งคู่ พวกมันต้องใช้พลังงานอมตะระดับแปดเท่านั้น!” ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของตระกูลเซี่ย เซี่ยเจาตะโกน

“หากเป็นเช่นนั้น” เฉิงอู๋เจียลังเล

ผู้อมตะไม่สามารถใช้พลังงานอมตะของผู้อื่น มีเพียงจิตวิญญาณแผ่นดินหรือจิตวิญญาณสวรรค์เท่านั้นที่สามารถใช้พลังงานอมตะของพวกเขา

เว้นเพียงสิ่งเดียว นั่นคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่สามารถใช้พลังงานอมตะจากแหล่งใดก็ได้ ท่าไม้ตายอมตะของฟางหยวนชัดเจนว่าไม่ใช่คฤหาสน์วิญญาณอมตะ

หากฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เขาจะไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะฤดูใบไม้ผลิระดับแปด และวิญญาณอมตะฤดูร้อนระดับแปด แม้เขาจะยึดครองร่างกายของเซี่ยชาและได้รับพลังงานอมตะของนางก็ตาม

“ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดมาก เราจะรู้หลังจากฆ่าฟางหยวน” วูหยงกระตุ้น

เขาบินไปข้างหน้าโดยทิ้งอสูรปีแรกกําเนิดที่ล้มลงบนพื้นและไม่สามารถลุกขึ้นเอาไว้ข้างหลัง

ในช่วงเวลาสําคัญวูหยงแสดงความแข็งแกร่งออกมา แรกเริ่มเขาสังหารอสูรปีแรกกําเนิดของฟางหยวน จากนั้นก็ใช้กําลังทั้งหมดเพื่อโจมตีฟางหยวน

“ฟางหยวน!” ดวงตาของวูหยงเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร “แม้เจ้าจะก้าวเข้าสู่ระดับแปด เจ้าก็ยังไม่สามารถรอดพ้นจากหายนะในวันนี้ เทือกเขาห้าภูมิภาคที่เจ้าเลือกอย่างระมัดระวังจะเป็นสุสานของเจ้า!”

หลังวูหยงกล่าวจบคํา เทือกเขาห้าภูมิภาคก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” กลุ่มผู้อมตะตะลึง

เสียงของวูหยงดังเข้าหูของทุกคน “อย่าตกใจ นี่เป็นแผนสํารองของข้า มันสามารถเลื่อนเส้นโลหิตปฐพีและทําลายเทือกเขาห้าภูมิภาค!”

กลุ่มผู้อมตะยิ่งตกใจมากขึ้น

เป็นเพียงเวลานี้ที่แสงห้าสีของเทือกเขาห้าภูมิภาคที่กดดันกลุ่มผู้อมตะทั้งหมดเริ่มจางหายไป

“นี่!?” กระทั่งจวินเฉินกวงยังประหลาดใจ

“น่าทึ่ง หากปราศจากพันธนาการนี้ พลังการต่อสู้ของพวกเราจะกลับมา เราจะไม่ถูกกดขี่อีกต่อไป!” ผู้อมตะภาคใต้รู้สึกมีความสุข

“วูหยงแตกต่างจากตู้ซิ่วจริงๆ เขายังมีไพ่ตายซ่อนอยู่!” ดวงตาของเฉิงอู๋เจียส่องประกายแหลมคม

“ตระกูลวจะคุ้ยเคยกับเทือกเขาห้าภูมิภาคได้อย่างไร เพียงการเลื่อนเส้นโลหิตปฐพีไม่สามารถทําให้เกิดสิ่งนี้ มันต้องเป็นการเตรียมการของเต๋าจูในอดีต!” จื่อชิวหยูคิดอย่างรวดเร็ว

ค่ายกลวิญญาณอมตะของตระกูลรูและตระกูลเฉียวที่อยู่รอบๆเทือกเขาห้าภูมิภาคทํางานตลอดเวลา นั่นเป็นที่มาของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

เฉียวซื่อหลิว วูอวี้ป้อ และคนอื่นๆเป็นผู้ดูแลค่ายกลวิญญาณอมตะนี้

วอวี้ป๋อหัวเราะเสียงเย็นขณะมองเข้าไปในสนามรบ “ปีศาจฟางหยวนต้องการใช้เทือกเขาห้าภูมิภาค เมื่อเราทําลายข้อได้เปรียบนี้ เขาจะป้องกันการโจมตีของฝ่ายธรรมะของภาคใต้ได้อย่างไร?”

เฉียวซื่อหลิวเงียบ การแสดงออกของนางซับซ้อนเล็กน้อย

นางเคยสนิทกับวูไห่และเชื่อว่านางกับเขาจะแต่งงานกัน แต่ผลลัพธ์กลับอยู่นอกเหนือจินตนาการของนาง วูอี้ไห่คือฟางหยวนที่ปลอมตัวมา นางรู้สึกหนาวสั้นทุกครั้งที่คิดว่านางใกล้ชิดกับปีศาจที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้มากเพียงใด

แต่นางไม่มีความรู้สึกพิเศษกับฟางหยวน อารมณ์ซับซ้อนของนางเกิดจากเทือกเขาห้าภูมิภาค

ทุกคนคิดว่างานวิจัยของเต๋าจูเกี่ยวกับกําแพงภูมิภาคไม่ประสบความสําเร็จ แต่นั่นไม่เป็นความจริง

ตระกูลเฉียวได้รับเบาะแสเกี่ยวกับมรดกของเต๋าจูโดยบังเอิญและลอบสํารวจมันอย่างลับๆ

แต่พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าวุหยงจะทราบข้อมูลนี้เช่นกัน ภายใต้แรงกดดันของเขา ตระกูลเฉียวต้องส่งมอบสิ่งที่ค้นพบให้เขาและมันถูกใช้ในเวลานี้

เป็นเพราะเบาะแสดังกล่าวที่ทําให้วุหยงเข้าใจเทือกเขาห้าภูมิภาคและสามารถทําลายแสงห้าสีโดยการเคลื่อนเส้นโลหิตปฐพี หากเป็นคนอื่นที่พยายามเคลื่อนเส้นโลหิตปฐพีโดยปราศจากความรู้ พวกเขาจะไม่สามารถทําสิ่งนี้

โอ้ นี่คือมรดกของผู้อมตะระดับแปด แต่มันถูกใช้ไปกับการทําลายเทือกเขาห้าภูมิภาค ไม่มีความหวังที่จะสํารวจมันอีกต่อไป เฉียวซื่อหลิวลอบถอนหายใจ

นางดูเหมือนคิดมากแต่เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน

จวินเฉินกวงถูกไล่ล่าโดยฟางหยวน ผู้อมตะภาคใต้โจมตีฟางหยวน แต่การโจมตีของพวกเขาถูกปิดกั้นโดยฟางหยวน ผู้อมตะภาคใต้เร่งหารือ ขณะเดียวกันวุหยงเริ่มเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรก เทือกเขาห้าภูมิภาคพังทลายลง ข้อได้เปรียบของฟางหวนหายไป

การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเกิดขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน

ฟางหยวนอดทนต่อการโจมตีของผู้อมตะภาคใต้ขณะไล่ล่าจวินเฉินกวงโดยไม่สนใจวูหยง

จวินเฉินกวงใช้ไพ่ตายของเขา แสงเทพสุริยัน แต่มันใช้พลังงานอมตะจํานวนมากขณะเดียวกัน ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของเขาก็ลดลงอย่างถาวร มันเป็นการเคลื่อนไหวที่จะสร้างความเสียหายให้กับศัตรูและตัวเขาเอง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังใช้มันในเทือกเขาห้าภูมิภาคและได้รับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรง แม้เขาจะสามารถหลบหนีได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งแต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

อย่างไรก็ตามตอนนี้แสงห้าสีอ่อนกําลังลงอย่างรวดเร็ว จวินเฉิงกวงรู้สึกราวกับโยนภูเขาออกจากบ่า ความกังวลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาหายไป

เมื่อเห็นวูหยงที่กําลังไล่ล่าฟางหยวน จวินเฉินกวงคิด “ข้าควรร่วมมือกับผู้อมตะภาคใต้เพื่อสังหารฟางหยวนหรือไม่?”

แต่จวินเฉินกวงก็บัดความคิดนี้ทิ้งไปทันที

“หนีต่อไป!”

สถานการณ์ปัจจุบันซับซ้อนมาก เขาไม่ใช่ผู้อมตะภาคใต้ สิ่งสําคัญกว่าก็คือฟางหยวนกําลังไล่ล่าเขา หากเขาสามารถหลบหนี นั่นจะหมายถึงความล้มเหลวของฟางหยวน

จวินเฉินกวงให้ความสําคัญกับการหลบหนี นี่เป็นความคิดที่ฉลาดมาก

ฟางหยวนยังไล่ล่าเขาโดยไม่คํานึงถึงวูหยง

อย่างไรก็ตามสถานการณ์กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยไม่คาดคิด

เสาแสงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างกะทันหัน “รุ่นน้องที่ดี เจ้าทําได้เยี่ยม เจ้าผ่านการทดสอบสุดท้ายของข้าในการทําลายเทือกเขาห้าภูมิภาค ตอนนี้มรดกห้าภูมิภาคของข้าเป็นของเจ้าแล้ว ฝึกฝนให้ดี จากนั้นเจ้าจะสามารถเดินทางไปทั่วโลกโดยไม่มีสิ่งใดสามารถกีดขวาง อย่าทําให้ชื่อของข้าต้องมัวหมอง”

เงาร่างของผู้อมตะปรากฏขึ้นท่ามกลางเสาแสง

สิ่งนี้ดึงดูดสายตาของผู้คนทั้งหมด บางคนจํารูปลักษณ์ของเขาได้ “นี่ดูเหมือนตาแก่เต๋าจู”

“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” เฉียวซื่อหลิวรู้สึกแปลกใจ “การทดสอบสุดท้ายของตาแก่เต๋าจูคือการทําลายเทือกเขาห้าภูมิภาคงั้นหรือ? การกระทําโดยบังเอิญนี้ทําให้มรดกของเขาปรากฏขึ้น!”

เจตจํานงของเต้จูได้ยินบางคนเรียกเขาว่าตาแก่และรู้สึกไม่มีความสุข เขากล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “เมื่อเจ้าเป็นผู้สืบทอดของข้า เหตุใดถึงกล้าดูหมิ่นข้า?”

“ครืน…”

สายลมกรรโชกแรง สวรรค์พิภพคําราม

เสียงที่ตอบกลับเจตจํานงของเต๋าจูคือท่าไม้ตายอมตะของวูหยง อย่างไรก็ตามเป้าหมายไม่ใช่เขา แต่เป็นฟางหยวน

เกิดระลอกคลื่นบนพื้นผิวของเกราะหวนคืน

ท่าไม้ตายอมตะของวูหยงสะท้อนกลับไป

แต่ความเร็วของฟางหยวนก็ลดลงเล็กน้อย

ฟางหยวนยังบินต่อไปขณะเดียวกันก็สะท้อนการโจมตีทั้งหมดกลับไป

“อันใด!?” เจตจํานงของเต๋าจูตกตะลึง เขามองไปรอบๆและพบผู้อมตะระดับแปดหลายคนกําลังต่อสู้ นอกจากนี้ยังมีผู้อมตะระดับเจ็ดอีกนับไม่ถ้วนท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” สิ่งนี้แตกต่างจากความคาดหวังของเขาอย่างสิ้นเชิง ไม่มีรุ่นน้องที่ดีอยู่ต่อหน้าเขา มีเพียงผู้อมตะที่ดุร้ายและหยาบคายเท่านั้น

“อย่าสนใจเขา เขาก็แค่คนตาย!”

“มรดกอยู่ที่นี่ เราสามารถกลับมาเอาหลังการต่อสู้!”

“เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือการฆ่าฟางหยวน! ไม่ต้องกล่าวถึงมรดกของเต๋าจู แม้แต่มรดกของเทพอมตะข้าก็ยินดีละทิ้งเพื่อฆ่าฟางหยวน!”

กลุ่มผู้อมตะตะโกนด้วยความโกรธ ความสนใจของพวกเขาอยู่ที่ฟางหยวนเท่านั้น

เจตจํานงของเต๋าจู “…”

เขาตกตะลึง สิ่งนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิง

หลังจากไม่นานเขาก็กรีดร้อง “ผู้ใดกันที่ถูกผู้อมตะมากมายไล่ล่าเช่นนี้ เพื่อฆ่าเขา พวกเขายินดีละทิ้งมรดกของเทพอมตะงั้นหรือ?”

เจตจํานงของเต๋าจูมองฟางหยวนแต่ไม่รู้จัก

“เขาคือผู้ใด?”

ในที่สุดฟางหยวนก็เข้าประชิดตัวจวินเฉินกวง

ร่างกายของจวินเฉินกวงเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ สัญญาณเตือนดังขึ้นในใจของเขาอย่างบ้าคลั่ง

เขาหลบหนีอย่างสุดกําลังและลอบสาปแช่งอยู่ภายใน วูหยง คนสารเลว ท่าไม้ตายของ เจ้าส่งผลกระทบมาถึงข้า!”

ท่าไม้ตายของวูหยงมีขอบเขตกว้างมาก แม้แต่จวินเฉินกวงก็ยังได้รับการดูแลอย่างดีจากวิธีการที่ยอดเยี่ยมของวูหยง นั่นทําให้พลังการต่อสู้ของจวินเฉินกวงลดลงอย่างรวดเร็ว ความเร็วของเขากระทั่งลดลงมากกว่าฟางหยวน

“มันจบแล้ว” ฟางหยวนพึมพําเบาๆและเริ่มโจมตี

เงาของหุบเขาเหล่าโปปรากฏขึ้นฝ่ามือของฟางหยวนก่อนที่แสงสีเทาจะพุ่งออกไป

จวินเฉินกวงที่พยายามหลบหนีถูกสายลมของวูหยงจํากัดการเคลื่อนไหว

เขาต้องการสาปแช่งวูหยงแต่เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะก่นด่าเมื่อลําแสงสีเทาของฟางหยวนมาถึง

ทันใดนั้นการเคลื่อนไหวของเขาก็หยุดลงอย่างกะทันหัน ร่างกายของเขาไม่มีบาดแผล แต่ดวงวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและแทบจะแตกดับไปในครั้งเดียว!

ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโป!

ขณะที่จวินเฉินกวงกําลังมีนงง คฤหาสน์วิญญารอมตะหลังหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านข้างฟางหยวน จากภายในคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ อิงอู่เชี่ยกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้า

ท่าไม้ตายอมตะนําวิญญาณสู่ความฝัน!

จวินเฉินกวงไม่สามารถตอบสนองและถูกนําเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันทันที

คฤหาสน์วิญญาณอมตะดึงจวินเฉินกวงเข้าไปภายในและบินไปพร้อมกับฟางหยวน

วูหยงหน้าซีด!

เขาไม่คาดหวังว่าฟางหยวนจะสามารถจับจวินเฉินกวงได้ในครั้งเดียว

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนจับกลุ่มผู้อมตะของภาคใต้ด้วยค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่ง กาลเวลาที่ถูกจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าอย่างพิถีพิถัน แต่ตอนนี้เขากลับสามารถจับจวินเฉินกวงได้อย่างง่ายดาย

ความก้าวหน้าที่รวดเร็วชนิดนี้น่าสยดสยองเกินไป

“มันเป็นท่าไม้ตายชนิดใด? ข้ารู้สึกว่ามันเกี่ยวกับจิตวิญญาณ มันน่ากลัวมาก ข้าต้องระวังมัน!”

“นอกจากนั้นยังมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะ! มันมีวิธีการปกปิดตัวตนที่ยอดเยี่ยม!”

ผู้อมตะระดับแปดของภาคใต้พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

แต่เมื่อพวกเขาเห็นวิธีการที่ฟางหยวนจับจวินเฉินกวง เจตจํานงแห่งการต่อสู้ แตกสลายไปทันที

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท