เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1634 หนึ่งโจมตี หนึ่งป้องกัน

บทที่ 1634 หนึ่งโจมตี หนึ่งป้องกัน

บทที่ 1634 หนึ่งโจมตี หนึ่งป้องกัน

ฟางหยวนสูดหายใจลึกและเปิดเปลือกตาขึ้น

ที่นี่คือถ้ําใต้พิภพ มีดวงไฟที่น่าขนลุกอยู่บนกําแพง มันคือค่ายกลวิญญาณ แม้มันจะไม่แข็งแกร่งนัก แต่มันยังสามารถแจ้งเตือนเขา

ฟางหยวนถูกซุ่มโจมตีโดยวังสวรรค์ในสายธารแห่งกาลเวลา เขาดิ้นรนต่อสู้เพื่อหาทางรอด

หลังจากหลบหนีจากกลุ่มของซิงเย่ ฟางหยวนออกจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลามายังภาคใต้

ภายใต้เป็นฐานทัพใหญ่ของนิกายเงา ราชันภูเขาม่วงจัดตั้งถ้ําเพลิงภูตผีเอาไว้หลายแห่ง ฟางหยวนใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเดินทางมายังถ้ําเพลิงภูตผีแห่งหนึ่งเพื่อพักฟื้น

แม้เขาจะมีเกราะหวนคืน แต่เขาไม่สามารถใช้มันได้ตลอดเวลา เขาต้องพึ่งพาเสื้อคลุมฤดูหนาว ยังไม่ต้องกล่าวถึงการต่อสู้กับชายชราหลี่ฮวง แต่ฟางหยวนยังได้รับบาดเจ็บจากการโจมตี ของคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังไม่น้อย

ฟางหยวนตรวจสอบร่างกายของตนก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ

หลังจากพักฟื้นมาสองสามวัน ร่างกายของเขาก็ฟื้นฟูขึ้นอย่างสมบูรณ์ ด้วยร่างทารกอมตะที่ไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งของพลังงานแห่งเต๋า การรักษาจึงมีประสิทธิภาพสูงมาก

ลิ้นจี่ขาวอมตะระดับแปดของเขาเพิ่มขึ้นแล้วแต่มันยังอยู่ในระดับที่ไม่ปลอดภัย

ฟางหยวนเดินไปรอบๆและพิจารณาสถานการณ์ด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น

ครั้งนี้เขาล้มเหลวในสายธารแห่งกาลเวลา ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะกล่าวว่าเขาแทบไม่สามารถรักษาชีวิต

ฟางหยวนไม่รู้สึกกลัวและไม่มีความสุขมากนัก กรณีดังกล่าวอยู่ในความคาดหมายของเขา

รากฐานของวังสวรรค์ลึกเกินไป

การเติบโตของฟางหยวนยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับประวัติศาสตร์อันยาวนานของวังสวรรค์

ด้วยรากฐานอันยิ่งใหญ่ พวกเขาสามารถกําหราบฟางหยวน การต่อสู้ในสายธารแห่งกาลเวลาเป็นการยืนยันเรื่องนี้

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนได้เปรียบวังสวรรค์เพราะเขาใช้วิธีลอบโจมตีโดยไม่ให้พวกเขามีเวลาเตรียมตัว

ฟางหยวนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตนและทําให้แผนการของวังสวรรค์ล้มเหลวหลายครั้ง

แต่ทุกครั้งวงสวรรค์จะได้รับข้อมูลเพิ่มเติมและระวังตัวมากขึ้น ในการต่อสู้ที่ต้องเผชิญหน้าโดยตรง ความแข็งแกร่งของฟางหยวนยังไม่เพียงพอ

วังสวรรค์ไม่ได้มีเพียงรากฐานที่แข็งแกร่งแต่ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาคือความคิดที่เป็นหนึ่งเดียว

ฝ่ายธรรมะของภาคใต้แข็งแกร่งเช่นกันแต่พวกเขาให้ความสําคัญกับประโยชน์ส่วนตนเป็นอันดับแรก นั่นทําให้พวกเขาไม่สามารถจัดการฟางหยวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่วังสวรรค์กดดันฟางหยวนมาตลอด

หากไม่ใช่เพราะแผนการและอุบายของฟางหยวนแต่เป็นปีศาจอมตะตนอื่น พวกเขาอาจถูกจับหรือสังหารไปแล้ว

เมื่อเวลาผ่านไปการจัดเตรียมของวังสวรรค์ในสายธารแห่งกาลเวลาจะยิ่งซับซ้อนมากขึ้น โอกาสที่จะได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงจะลดน้อยลง เผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ฟางหยวนจะสามารถทําสิ่งใดได้บ้าง?

“ข้าใช้ลิ้นจี่ขาวอมตะไปเกือบหมดแล้ว”

แม่น้ําหวนคืนแทบไม่เหมือนน้ํา มันไม่สามารถใช้งานมันได้ในระยะนี้

แม่น้ําหวนคืนแตกต่างจากภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปที่ฟางหยวนสามารถซ่อมแซมได้อย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนไม่ได้ขาดวิธีฟื้นฟูแต่ทุกวิธีต่างมีค่าใช้จ่ายมหาศาล

ในอนาคตอันใกล้นี้ฟางหยวนจะไม่สามารถใช้เกราะหวนคืนได้อีก

อย่างไรก็ตามเขายังมีท่าไม้ตายอมตะของเสี่ยชาที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง

“แต่ครั้งนี้ข้าเปิดเผยวิธีการของข้ามากเกินไป

อสูรปีแรกกําเนิด กรรไกรฤดูใบไม้ผลิ พัดฤดูร้อน และท่าไม้ตายอมตะอื่นๆถูกเปิดเผย สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของฟางหยวน แต่การเปิดเผยท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาถือเป็นความล้มเหลวและเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมากที่สุด

แต่ฟางหยวนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้มันเท่านั้น

“อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าข้าไม่มีกําไร

ฟางหยวนได้รับข้อมูลเกี่ยวกับวังสวรรค์เพิ่มเติม

พวกเขามีวิธีลึกลับที่สามารถทําให้วิญญาณกาลเวลาตอบสนอง

สิ่งนี้ไม่อยู่ในความคาดหมายของฟางหยวน

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนตระหนักว่าเป้าหมายที่แท้จริงของค่ายกลวิญญาณอมตะที่ซุ่มโจมตีเขา ไม่ใช่เขา แต่เป็นมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง

วิญญาณกาลเวลาเป็นกุญแจสําคัญในการเปิดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง

แล้ววังสวรรค์จะไม่ค้นคว้าเรื่องนี้ได้อย่างไร แม้พวกเขาจะไม่สามารถหลอมรวมวิญญาณกาลเวลา แต่พวกเขายังมีวิธีที่สามารถเลียนแบบได้ในระดับที่ค่อนข้างดี

“หลี่ฮวง ชิงเย่” ผู้อมตะระดับแปดคนใหม่ของวังสวรรค์ปรากฏตัวขึ้น

สมาชิกวังสวรรค์มาจากนิกายโบราณทั้งสิบของภาคกลาง บางครั้งผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่สองสามคนจะตื่นขึ้นมาจากสุสานอมตะ

วังสวรรค์ดํารงอยู่มาตั้งแต่ยุคโบราณ ไม่มีผู้ใดรู้ว่ารากฐานที่แท้จริงของวังสวรรค์ลึกเพียงใด

ในชีวิตแรกของฟางหยวน วังสวรรค์สามารถปกครองภาคกลางและกระทั่งสามารถทําลายกองกําลังใหญ่มากมายของภูมิภาคอื่น

อาจเป็นเพราะเหตุนี้ที่กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่ยังไม่กล้าโจมตีวังสวรรค์โดยตรง เขาต้องแทรกซึมเข้าสู่วังสวรรค์และดําเนินการอย่างช้าๆ

“คฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลัง…ไม่ คฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ข้าทําลายไปก่อนหน้านี้ไม่ได้ สูญเสียแกนกลางไปมากนัก แม้มันจะถูกทําลาย วังสวรรค์ก็ยังสามารถสร้างมันขึ้นมาใหม่ แต่ข้าเกรงว่าครั้งหน้าข้าต้องเผชิญหน้ากับคฤหาสน์วิญญาณอมตะมากกว่าสี่หลัง!!

ผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาหาได้ยากแม้แต่ในวังสวรรค์

แต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาสามารถสร้างขึ้นโดยใช้ชิ้นส่วนของคฤหาสน์วิญญาณอมตะอื่นๆหรือวิญญาณอมตะที่อยู่ในคลังสมบัติของพวกเขา

หลังจากสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา วังสวรรค์จะสามารถส่งผู้อมตะจํานวนมากบนเส้นทางสายอื่นเข้าไปเพื่อเฝ้าระวังสายธารแห่งกาลเวลา

แผนการล่อลวงศัตรูออกมาไม่มีประโยชน์

วังสวรรค์เป็นถ้ําสวรรค์อันดับหนึ่งของโลกใบนี้ มันไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย แม้ฟางหยวนจะต้องการบุกโจมตีวังสวรรค์โดยตรง แต่เขาจะไม่สามารถหาทางเข้า กระทั่งเขาจะสามารถเข้าไปภายใน เขาก็จะได้รับการต้อนรับด้วยความโกรธแค้นจากวังสวรรค์ ผู้อมตะระดับแปดหลายคนอาจตื่นขึ้นจากสุสานอมตะและปลิดชีพเขา

แม้ฟางหยวนจะโจมตีสิบนิกายโบราณของภาคกลาง เขาก็ยังไม่สามารถล้มล้างวังสวรรค์ นอกจากนั้นฝ่ายตรงข้ามยังมีผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่บนเส้นทางแห่งปัญาเช่นเทพธิดาจื่อเว่ย

สายตาของฟางหยวนเย็นเยียบราวกับน้ําแข็ง เขาตระหนักอย่างชัดเจนว่าเพื่อให้ได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง เขาต้องเผชิญหน้ากับวังสวรรค์เท่านั้น

ยิ่งวังสวรรค์ปกป้องสายธารแห่งกาลเวลามากเท่าใด มันก็ยิ่งบ่งบอกว่ามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงมีความสําคัญมากเท่านั้น ความหวังในการทําลายวิญญาณชะตากรรมของฟางหยวนยังมีอยู่

“ข้าต้องดําเนินการอย่างรวดเร็ว!”

วังสวรรค์มีวิธีการมากมาย พวกเขาอาจพบมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงก่อนหน้าฟางหยวน ดังนั้นเขาจึงต้องทะลวงการป้องกันนี้เพื่อไปยังเกาะบัวหินก่อนที่วังสวรรค์จะประสบความสําเร็จและได้รับสิ่งที่เทพปีศาจบัวแดงทิ้งไว้

สําหรับสิ่งที่เทพปีศาจบัวแดงทิ้งไว้ ฟางหยวนไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด กระทั่งวังสวรรค์ก็อาจไม่รู้เช่นกัน

วังสวรรค์ไม่ได้ปิดบังแผนการปกป้องสายธารแห่งกาลเวลา เนื่องจากพวกเขามีข้อได้เปรียบทางยุทธวิธี นอกจากนั้นพวกเขาก็ไม่กลัวว่าฟางหยวนจะไม่มา

วิญญาณชะตากรรมกําลังฟื้นตัว ฟางหยวนต้องก้าวข้ามการป้องกันของวังสวรรค์และรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงเพื่อหาโอกาสทําลายวิญญาณชะตากรรม แม้เขาจะต้องเสี่ยงด้วยชีวิต เขาก็ต้องไป!

ไม่มีกลอุบายหรือทางลัด ข้าต้องเพิ่มความแข็งแกร่งและเติบโตต่อไปเพื่อฝ่าฟันอุปสรรค์เหล่านี้ และรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง!”

เมื่อฟางหยวนบรรลุเป้าหมายนี้ เขาจะมีคุณสมบัติและความสามารถในการท้าทายวังสวรรค์ต่อไป

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท