เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1632 คนหลอกลวง

บทที่ 1632 คนหลอกลวง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1632 คนหลอกลวง

ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร!

มังกรจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมตีชายชราราวกับคลื่นน้ำ

หลังจากเข้าใจสถานการณ์ ฟางหยวนเลิกใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและเริ่มใช้วิธีอื่นๆ ในแง่นี้ฟางหยวนมีท่าไม้ตายที่มีประโยชน์มากมาย

ชายชรากันเสียงเย็นแต่ไม่แปลกใจ

ก่อนมาที่นี่เขาเตรียมตัวมาอย่างเพียงพอแล้ว เขารู้จักท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรของฟางหยวน

“ปลาไหลจะทําสิ่งใดข้าได้” ชายชราลอยอยู่กลางอากาศและรอให้ฝูงมังกรเคลื่อนที่ใกล้เข้า

เสื้อคลุมเพลิงสุริยันลุกไหม้ขึ้นบนร่างกายของเขา

ฝูงมังกรเริ่มส่งเสียงคํารามที่แปลกประหลาด พวกมันกลายเป็นมันงงและบินไปรอบๆแบบสุ่ม

จากนั้นเปลวเพลิงก็ลุกไหม้ขึ้นบนร่างของฝูงมังกรและเผาทําลายพวกมัน

ชายชราไม่ขยับเขยื้อนแต่มังกรดาบบรรพกาลจํานวนมากกลับถูกเผาตาย พวกมันไม่เป็นภัยคุกคามต่อเขาแม้แต่น้อย

“ท่าไม้ตายอมตะเสื้อคลุมเพลิงสุริยัน!” รูม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง นี่คือพลังอํานาจที่แท้จริงของท่าไม้ตายนี้ มันสามารถป้องกันและโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“เช่นนั้นลองตราประทับเหล่าโป” ฟางหยวนคิด

เขาปลอมตัวเป็นมังกรดาบบรรพกาลและผสานตัวเองเข้าไปในกองทัพมังกรเพื่อเข้าใกล้ชายชรา

แต่ก่อนที่เขาจะสามารถปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโป เขากลับถูกค้นพบเนื่องจากกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ของท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปรัวไหลออกมา

ชายชราพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนราวกับสายฟ้าโดยไม่เปิดโอกาสให้ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายของเขา

“บึม บึม บึม”

ชายชราโจมตีอย่างบ้าคลั่งแต่เกราะหวนคืนสะท้อนกลับทั้งหมด

ฟางหยวนไม่พูด เขาอดทนต่อการโจมตีของชายชรากระทั่งท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปพร้อมใช้งาน

ชายชราระวังตัวมากขึ้น เมื่อฟางหยวนส่งตราประทับเหล่าโปออกไป ชายชราสามารถหลบ แต่มันยังปะทะไหล่ของเขาเล็กน้อย

ชายชรารู้สึกว่างเปล่าทันที ขณะเดียวกันเสื้อคลุมเพลิงสุริยันก็อ่อนแอลงสี่สิบส่วน

“เป็นท่าไม้ตายที่อัศจรรย์นัก แต่มันไม่สามารถทําลายเสื้อคลุมเพลิงสุริยันของข้า!” ชายชราเย้ยหยันขณะถอยกลับไปรักษาตัว

ความเร็วของเขาเหนือกว่าฟางหยวน มันยากที่ฟางหยวนจะโจมตีต่อเนื่อง

ชายชราสามารถพักหายใจ หลังจากชั่วครู่อาการบาดเจ็บของเขาก็หายเป็นปกติ เสื้อคลุมเพลิงสุริยันลุกไหม้ขึ้นอย่างรุนแรงอีกครั้ง

ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปน่ากลัวมาก ดังนั้นชายชราจึงไม่เปิดโอกาสให้ฟางหยวนสามารถใช้งานมันได้อีกต่อไป

เสื้อคลุมเพลิงสุริยันมีการป้องกันที่ยอดเยี่ยม ฟางหยวนรู้สึกเหมือนเขากําลังเผชิญหน้าอยู่กับเกราะหวนคืนของตนเอง

“จิตวิญญาณของชายชราผู้นี้ไม่ใช่จุดอ่อนของเขา แม้จะเป็นเพียงการเล็มหญ้า แต่ฟางหยวนก็ได้รับข้อมูลที่มีค่า

ตราประทับเหล่าโปมีเป้าหมายที่จิตวิญญาณของศัตรู แต่ชายชราเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีประสบการณ์และรากฐานที่ลึกล้ำ เขาไม่มีจุดอ่อนที่ชัดเจน การป้องกันจิตวิญญาณของเขาค่อนข้างแข็งแกร่ง

ฟางหยวนประเมินและตระหนักว่ากระทั่งตราประทับเหล่าโปจะโจมตีชายชราได้อย่างแม่นยํา แต่มันยังไม่สามารถฆ่าเขาในครั้งเดียว

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปคู่กับท่าไม้ตายอมตะนําวิญญาณสู่ความฝันเพื่อจับกุมผู้อมตระะดับแปดของวังสวรรค์

แต่ในช่วงเริ่มต้นของการต่อสู้ ชายชราทําลายคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์ของฟางหยวนและบังคับให้อิงอู๋เซี่ยหลับใหลอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน

หากคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์ยังอยู่ ฟางหยวนจะได้รับความช่วยเหลือจากอิงอู๋เซี่ยและมีโอกาสได้รับชัยชนะ

แต่ชายชรากลับซุ่มโจมตีและทําลายคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์ตั้งแต่แรก นั่นทําให้ฟางหยวนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

สถานการณ์ไม่เอื้อประโยชน์ต่อฟางหยวน เขาตกเป็นฝ่ายถูกซุ่มโจมตี เขาต้องหลบหนีเท่านั้น

ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร!

ฟางหยวนยังส่งกองทัพมังกรออกมา

ชายชราเป็นฝ่ายได้เปรียบแต่เขาไม่สามารถผ่อนคลายจิตใจหรือประมาท

เขาหรี่ตามองขณะที่ฟางหยวนซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงมังกรดาบบรรพกาลอีกครั้ง เขาควรค้นหาตัวจริงของฟางหยวนหรือกําจัดมังกรดาบบรรพกาลทั้งหมด

หากเขาไม่ฆ่าฟางหยวน ฝูงมังกรจะปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้จบสิ้น แต่ชายชราตระหนักว่า “ข้าเกรงว่าวิธีการตรวจสอบของข้าจะไม่สามารถเปิดเผยท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย ฟางหยวนเป็นคนเจ้าเล่ห์ เขาต้องมีแผนอื่น!”

ชายชราแสดงออกอย่างเย่อหยิ่งและดุร้าย แต่ในใจของเขากลับสงบมาก

เขามีประสบการณ์มากมาย แม้ตอนนี้เขาจะสามารถรักษาความได้เปรียบ แต่หากเขาพลาดพลั้ง ฟางหยวนอาจพลิกสถานการณ์

ชายชราคํารามขณะที่เปลวไฟพุ่งออกไปรอบๆราวกับทะเลเพลิง

ฝูงมังกรดาบบรรพกาลเริ่มละลายราวกับเทียนที่ถูกเผาไหม้

การตัดสินใจของชายชราทําให้ฟางหยวนรู้สึกกังวล

เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะใช้กลยุทธ์ต่อไป เขาควบคุมฝูงมังกรดาบบรรพกาลพุ่งเข้าโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะ

ค่ายกลวิญญาณอมตะอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อมตะภาคกลาง เมื่อพวกเขาเห็นฝูงมังกรจํานวนมหาศาลพุ่งเข้าโจมตี พวกเขาต้องการตอบโต้ แต่ชายชราเร่งติดต่อพวกเขา “อย่าเคลื่อนไหว! ฟางหยวนมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาสูงมากและมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ไม่ธรรมดา ยิ่งใช้งานค่ายกลวิญญาณมากเท่าใด เขาก็จะพบข้อบกพร่องของมันมากเท่านั้น ข้าจะจัดการปลาไหลเหล่านี้เอง”

ชายชราไม่เปิดโอกาสให้ฟางหยวน เขาใช้ทะเลเพลิงกําจัดฝูงมังกรดาบบรรพกาลอย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชา ทันใดนั้นเขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่อาณาจักรแห่งความฝัน

ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นกายาแห่งความฝัน!

เขาเปลี่ยนอาณาจักรแห่งความฝันเป็นกายาแห่งความฝัน

“โอ้ ไม่ ปีศาจตนนี้ช่างมีความพยายามนัก!” การแสดงออกของชายชราเปลี่ยนไป ฟางหยวนใช้กลยุทธ์มากมายและยากที่จะมองเห็นแผนการที่แท้จริงของเขา

ฟางหยวนเปิดทางเข้ามิติช่องว่างจักรพรรดิ เขาต้องการส่งร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ดวงวิญญาณของอิงอู๋เซี่ย ไหลัวหลัน ไปหนิงปิง และเทพธิดาเมี่ยวหยินเข้าไปภายใน

แต่ในจังหวะนี้ชายชรากลับกรีดร้องด้วยความโกรธ “ปีศาจ อย่าแม้แต่จะคิด!”

“บึม!”

ท่าไม้ตายอมตะระเบิดออกมาอย่างรุนแรง

ฟางหยวนไม่จําเป็นต้องหันหลังกลับ เขารู้ว่านี่เป็นท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีที่รุนแรงที่สุดของชายชรา

“ข้าต้องไม่ล้มเหลว!” ในช่วงเวลาสําคัญฟางหยวนทุ่มสุดตัว

เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อเร่งเวลาที่อยู่รอบตัวให้เดินเร็วขึ้น

เขานําคนอื่นๆเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิและปล่อยให้การโจมตีของชายชราปะทะแผ่นหลังของเขา แรงกระแทกส่งเขาบินออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ นี่ทําให้เขาสูญเสียน้ำในแม่น้ำหวนคืนไปสิบห้าส่วน ขณะเดียวกันฟางหยวนยังกระอักเลือดออกมาและรู้สึกเวียนศีรษะจากแรงกระแทก

นอกจากนั้นเขายังช่วยเหลือสมาชิกได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เขาไม่สามารถเข้าถึงเทพธิดาเมี่ยวหยินที่หมดสติอยู่ นั่นทําให้นางถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

เทพธิดาเมี่ยวหยินตาย ณ จุดเกิดเหตุ

ฟางหยวนคํารามเสียงดังขณะที่เขาส่งฝูงมังกรดาบบรรพกาลพุ่งเข้าโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะ

ตอนนี้ชายชรารู้สึกกังวลเล็กน้อย เขาเริ่มโจมตีฟางหยวนอย่างบ้าคลั่ง

แต่ฟางหยวนมีเกราะหวนคืน เขาเพิกเฉยต่อชายชราอย่างสิ้นเชิงและให้ความสนใจกับการโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะเท่านั้น

“ฟางหยวน อย่าคิดว่าจะสามารถออกไป!” ชายชราคํารามขณะที่เปลวเพลิงกลืนกินฟางหยวนเข้าไป

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ากําลังดิ้นรนอยู่หน้าประตูนรก!” ชายชราพุ่งเข้าโจมตีแผ่นหลังของฟางหยวนและส่งเขาบินออกไป

เลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของฟางหยวน เขาอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชมาก แต่ดวงตาของเขายังเย็นชาราวกับน้ำแข็ง เขายังโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะอย่างไม่หยุดยั้ง

“ไร้ประโยชน์! เจ้าไม่สามารถทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ ดูแม่นาหวนคืนของเจ้า มันกําลังจะถูกใช้ไปจนหมด!” ชายชราเย้ยหยันและยิ่งโจมตีฟางหยวนมากขึ้น

แม้เกราะหวนคืนจะสามารถสะท้อนการโจมตีทั้งหมด แต่ชายชรามีเสื้อคลุมเพลิงสุริยัน เขา สามารถต่อต้านการโจมตีที่ถูกสะท้อนกลับมา

คํากล่าวของเขาไม่ผิด ฟางหยวนต่อสู้มานาน แม่น้ำหวนคืนถูกใช้ไปมากแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปเกราะหวนคืนของเขาจะบางลงเรื่อยๆ

เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนคํารามและเตรียมใช้ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปอีกครั้ง

รูม่านตาของชายชราหดเล็กลง เขาหยุดโจมตีและเริ่มป้องกันตัว

ฟางหยวนสะบัดฝามือออกไป อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้โจมตีชายชราแต่ยิงไปที่ค่ายกลวิญญาณอมตะ

“อา…” ผู้อมตะระดับเจ็ดที่ควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะเสียชีวิตทันที

“อันใด!?” ผู้อมตะภาคกลางคนอื่นๆตกตะลึงและรู้สึกพูดไม่ออก

ฟางหยวนค้นพบแกนกลางของค่ายกลวิญญาณอมตะและสามารถสังหารคนควบคุมได้อย่างรวดเร็ว

ตราประทับเหล่าโปสามารถสังหารผู้อมตะระดับแปดโดยไม่ต้องกล่าวถึงผู้อมตะระดับเจ็ดเหล่านี้

“เร็วเข้า ซ่อมแซมรูช่องโหว่!” กลุ่มผู้อมตะภาคกลางตะโกน

อีกด้านหนึ่งชายชราคํารามและพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนอีกครั้ง

ฟางหยวนใช้เกราะหวนคืนปกป้องตนเอง

ด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลาย ค่ายกลวิญญาณอมตะของวังสวรรค์เริ่มพังทลายลงที่ละน้อย มันไม่สามารถต่อต้านการคลี่คลายของฟางหยวน

“เป็นไปได้อย่างไร?” ทุกคนตะลึงกับความสามารถในการอนุมานของฟางหยวน

“เร็ว ตรงนั่น!” บางคนตะโกน

ฟางหยวนหัวเราะ “ลาก่อน”

“เจ้าออกไปไม่ได้!” เปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้น ชายชราพยายามซ่อนรูช่องโหว่ที่อยู่ด้านหลัง

ผู้อมตะภาคกลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แต่ฟางหยวนยังพุ่งตรงเข้าหาชายชราและกล่าวด้วยเจตนาสังหาร “จงหายไป”

ชายชราหัวเราะ “ไร้ประโยชน์ เจ้าไม่สามารถจัดการเสื้อคลุมเพลิงสุริยันของข้า!”

ระยะห่างระหว่างพวกเขาลดลงเรื่อยๆ

ผู้อมตะภาคกลางบางคนตะโกน “ปิดกั้นฟางหยวน เราต้องการเวลาเพียงห้าลมหายใจ!”

ชายชราเย้ยหยัน “ไม่ใช่เพียงห้าลมหายใจ แม้จะดือ?”

ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นอย่างกะทันหัน ใบหน้าของเขากลายเป็นแข็งค้าง เขามองฟางหยวนที่กําลังเตรียมท่าไม้ตายอมตะด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

กลิ่นอายของเขาถูกปกปิดไว้อย่างสมบูรณ์

เขาประกบฝ่ามือทั้งสองข้างกลางหน้าอก ต่อมาเขายกฝ่ามือข้างขวาขึ้นเหนือศีรษะ

“ท่าไม้ตายนี้…” ชายชราไม่สามารถเผยรอยยิ้มได้อีกต่อไป ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและหวาดกลัว

มันคือท่าไม้ตายอมตะดาบห้าดัชนี

ลมหายใจแรก

ดาบแรก!

แสงดาบพุ่งออกมาจากนิ้วโป้งของเขารวดมาก!

ความเร็วของแสงดาบเหนือความคาดหมาย

เมื่อมันถูกยิงออก มันก็พุ่งเข้าปะทะหน้าผากของชายชราทันที

ร่างของชายชราสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง เสื้อคลุมเพลิงสุริยันอ่อนแอลงห้าสิบส่วน

ลมหายใจที่สอง

ดาบที่สอง!

ชายชราคํารามและระเบิดพลังออกมาอีกครั้ง

แสงดาบทําให้เสื้อคลุมเพลิงสุริยันอ่อนแอลงอีกหน

ลมหายใจที่สาม

ดาบที่สาม!

ใบหน้าของชายชรากลายเป็นซีดเผือด เขากัดฟันแน่นและพยายามขยายพลังอํานาจของเสื้อคลุมเพลิงสุริยัน ก่อนหน้านี้มันมีขนาดเท่ารถม้า แต่ตอนนี้มันมีขนาดเท่าบ้าน

ชายชราคําราม “นี่เป็นจุดสูงสุดของเสื้อคลุมเพลิงสุริยันของเข้า เข้ามา! การโจมตีของเจ้าไม่สามารถทะลวงผ่านมัน!”

ทันทีที่ชายชรากล่าวจบ แสงดาบก็พุ่งเข้าระเบิดทําลายเสื้อคลุมเพลิงสุริยันของเขาและทําให้มันกลับสู่สภาพเดิม

ดาบห้าดัชนีจะทรงพลังขึ้นทุกครั้งที่ปล่อยออกมา

ลมหายใจที่สี่

ดาบที่สี่

ชายชราปิดกั้นดาบเล่มที่สี่อย่างหมดสิ้นหนทาง เขาต้องล่าถอยออกไปขณะที่เขาแทบไม่สามารถคงสภาพเสื้อคลุมเพลิงสุริยันเอาไว้

ลมหายใจที่ห้า

ฟางหยวนหัวเราะคิกคัก “เสื้อคลุมอันใด ช่างน่าขันนัก หลี่ฮวง เจ้าสามารถเริ่มเตรียมงานศพของเจ้าตั้งแต่ตอนนี้ มันกําลังจะจบ ดาบที่ห้า!”

หัวใจของชายชราแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ไม่โม้ชิง อย่าคิดว่าจะสามารถฆ่าข้า!”

เปลวไฟลุกไหม้ขึ้น เขาแยกร่างหลายสิบร่างและบินหนีไปทุกทิศทาง

ฟางหยวนไม่สนใจ เขาบินออกจากรูช่องโหว่และกลับสู่สายธารแห่งกาลเวลาทันที

เพียงเมื่อฟางหยวนจากไป ค่ายกลวิญญาณอมตะก็ปิดรูช่องโหว่และผนึกพื้นที่ภายในเอาไว้อย่างแน่นหนาอีกครั้ง

แต่ฟางหยวนหนีไปแล้ว ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะกลายเป็นเงียบสนิท

ผู้อมตะภาคกลางตะลึง

ร่างแยกเพลิงหายไปและทิ้งไว้เพียงร่างหลักของชายชราเท่านั้น

ตอนนี้ใบหน้าของเขากลายเป็นแดงกําด้วยความโกรธ ความกลัว ความอัปยศ ความเกลียดชัง และเจตนาสังหาร

ชายชราเงยหน้าคํารามเสียงดัง

“ดาบเล่มที่ห้าอยู่ที่ใด!?”

“ฟางหยวน!”

“คนหลอกลวง!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท