เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1619 ข้าไม่เชื่อ

บทที่ 1619 ข้าไม่เชื่อ

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1619 ข้าไม่เชื่อ

แสงที่งดงามค่อยๆเลือนหายไปจากห้องหิน ฟงจินฮวงมองไปข้างหน้าโดยไม่กระพริบตา

ก้อนแสงคล้ายรังไหมขนาดเท่าโม่หินลอยอยู่ด้านหน้านางอย่างเงียบๆ

“ขั้นสุดท้าย” ฟงจินฮวงสูดหายใจลึก

นางยกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นและปล่อยแสงสว่างไสวไปทั่วห้อง

หากปรมจารย์บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเห็นสิ่งนี้ พวกเขาจะแสดงออกอย่างเคร่งขรึม

ตอนนี้ฟงจินฮวงเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นางจะมี ทักษะที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้

สิ่งที่ฟงจินฮวงใช้คือทักษะการหลอมรวมคู่โลหะและไฟ นางค้นพบว่าวิธีนี้เหมาะสมกับนางมากที่สุด

“บึ้ม!”

หลังจากไม่นานเสียงระเบิดก็ดังขึ้นขณะที่รังไหมแสงหดตัวลงอย่างรวดเร็ว

พื้นผิวของรังไหมแสงค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีน้ําเงินเข้มที่ดูมันวาวราวกับโลหะ

ในที่สุดข้าก็ประสบความสําเร็จหลังจากล้มเหลวมาหลายครั้ง! ดวงตาของฟงจินฮวงส่องประกายขึ้นด้วยความยินดี

วิญญาณระดับห้าก่อตัวขึ้นแต่มันยังต้องได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมต่อไป

ฟงจินฮวงเปิดปากและส่งลมหายใจอันเย็นเยียบออกไปอย่างระมัดระวัง

ลมเย็นพัดไปที่รังไหมสีน้ําเงินและทําให้มันเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นเล็กน้อย จากนั้นไอความร้อนก็พวยพุ่งออกมาจากรังไหมและปกคลุมห้องหินเอาไว้ทั้งหมด

การใช้วิธีหลอมรวมคู่โลหะและไฟทําให้เกิดผลกระทบตกค้างดังกล่าว อุณหภูมิของวิญญาณที่ถือกําเนิดขึ้นจะสูงมาก หากมันไม่ถูกทําให้เย็นลงภายในเวลาที่กําหนด แม้มันจะไม่ตาย มันก็ยังจะได้รับบาดเจ็บสาหัส

การหลอมรวมวิญญาณเป็นเรื่องลึกซึ้งและมีขอบเขตที่กว้างใหญ่ ทุกวิธีบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมต่างมีข้อดีและข้อเสีย หากใช้วิธีบนเส้นทางแห่งน้ําแข็งเพื่อหลอมรวมวิญญาณดวงนี้ ผลกระทบที่ตกค้างจะไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยอากาศเย็นแต่ต้องได้รับความอบอุ่นเป็นระยะเวลาหนึ่ง

ฟงจินฮวงหยุดมือและค่อยๆลุกขึ้นจากเบาะรองนั่ง

วิญญาณระดับห้าลอยอยู่บนฝ่ามือของนาง นางทดสอบมันอย่างระมัดระวังก่อนที่นางจะเผยรอยยิ้มสดใสออกมา

นางเดินออกจากห้องลับที่อยู่ในถ้ํา

ทันทีที่นางเปิดประตู เสียงน้ําตก เสียงนก และเสียงใบไม้ก็ดังเข้าหูของนางทันที

นอกห้องลับอันเงียบสงบเต็มไปด้วยชีวิต

ภูเขาที่อุดมสมบูรณ์ เสียงนกร้อง กลิ่นหอมของดอกไม้ แสงแดด ทุกอย่างงดงามและสงบสุข ฟงจินฮวงกวาดตามองไปรอบๆและเห็นราชันมังกรนั่งอยู่บนหินก้อนใหญ่ริมน้ําตก

“ท่านอาจารย์ ดูนี่ ข้าประสบความสําเร็จในการหลอมรวมวิญญาณหมอนแห่งความฝันแล้ว” ฟงจินฮวงถือวิญญาณระดับห้าวิ่งเข้าไปหาราชันมังกรและกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ราชันมังกรค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นและชําเลืองมองวิญญาณหมอนแห่งความฝันก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่เลว”

ฟงจินฮวงขมวดคิ้ว “แค่ไม่เลวนั้นหรือ? ท่านอาจารย์ ท่านไม่รู้ว่าข้าล้มเหลวกี่ครั้งก่อนจะประสบความสําเร็จ ด้วยวิญญาณหมอนแห่งความฝัน ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์จะสามารถเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันหากพวกเขานอนอยู่บนหมอนใบนี้ สิ่งนี้จะช่วยนิกายคฤหาสน์วิญญาณและภาคกลางได้มาก”

ตั้งแต่ฟงจินฮวงกลายเป็นศิษย์ของราชันมังกร นางอุทิศตนให้กับการฝึกฝนขณะที่ราชันมังกร ไม่ได้สอนสิ่งใดนางแม้แต่น้อย เขาเพียงบอกเล่าเกี่ยวกับสถานการณ์ของโลกใบนี้และประสบการณ์ของเขาเพื่อขยายวิสัยทัศน์ของนางเท่านั้น

ด้วยการดูแลอย่างพิถีพิถันของราชันมังกร ฟงจินฮวงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตอนนี้นางมีวิสัยทัศน์ในเชิงกลยุทธ์และสามารถมองภาพรวม

วิญญาณหมอนแห่งความฝันของฟงจินฮวงดูค่อนข้างธรรมดา แต่เนื่องจากมันเป็นวิญญาณระดับมนุษย์และสามารถใช้ได้กับผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ ตราบเท่าที่มันถูกผลิตขึ้นมาเป็นจํานวนมาก ผู้ใช้วิญญาณของภาคกลางจะสามารถเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันของตนเองและเก็บเกี่ยวทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝัน นั้นจะทําให้ภาคกลางได้เปรียบในช่วงเริ่มต้นของยุคที่ยิ่งใหญ่

วิญญาณดวงนี้สามารถยกระดับแผนการเชิงยุทธศาสตร์ของภาคกลาง ความสําคัญของมันจึงไม่ธรรมดา

อย่างไรก็ตามราชันมังกรกลับไม่แปลกใจ “เป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าจะประสบความสําเร็จเช่นนี้ ฮวงเอ๋อ เจ้าคือเทพอมตะแห่งความฝันในอนาคต”

ก่อนราชันมังกรจะกล่าวจบประโยค ฟงจินฮวงก็ขัดจังหวะด้วยความไม่พอใจ “เอาล่ะ เข้าใจแล้ว ท่านกําลังจะบอกข้าอีกครั้งว่าข้าได้รับความสําเร็จทั้งหมดนี้เพียงเพราะข้าคือเทพอมตะแห่งความฝันในอนาคตใช่หรือไม่?”

ราชันมังกรหัวเราะและเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ฮวงเอ๋อ เจ้าเชื่อในโชคชะตาหรือไม่?”

ฟงจินฮวงขมวดคิ้ว “ท่านอาจารย์กําลังกล่าวถึงวิญญาณชะตากรรมงั้นหรือ?”

ราชันมังกรพยักหน้า “ถูกต้อง มันเป็นวิญญาณชะตากรรมที่ถูกบันทึกไว้ในตํานานมนุษย์คนแรกและเป็นวิญญาณชะตากรรมที่วังสวรรค์กําลังซ่อมแซม”

ตํานานกล่าวว่ามนุษย์คนแรกทุ่มเทความพยายามอย่างมากและกระทั่งเสียสละสองมือของตนเองเพื่อหลอมรวมวิญญาณความมั่งคั่งก่อนจะประสบความสําเร็จในที่สุด

เขานําบุตรชายเยี่ยนฮวงเล่ยชื่อและบุตรสาวหว่านจินเมี่ยวฮวาไปที่บ้านของมนุษย์วิหค

แต่น่าแปลกที่มนุษย์วิหคทั้งหมดหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” มนุษย์คนแรกมึนงง

“นั่นเป็นเพราะข้ามาที่นี่ พวกเขากลัวข้าและวิ่งหนีไป” แมงมุมลายขาวดําเดินตรงเข้ามาหามนุษย์คนแรกอย่างสบายอารมณ์

“เจ้าคือ?” มนุษย์คนแรกถาม

แมงมุมขาวดํายิ้ม “มนุษย์ เจ้าเคยเดินผ่านเส้นทางที่ข้าสร้างขึ้นหลังประตูแห่งชีวิตและความตาย เจ้ายังไม่รู้อีกงั้นหรือว่าข้าคือผู้ใด? ข้าคือวิญญาณชะตากรรม”

หว่านจินเมี่ยวฮวากล่าว “วิญญาณชะตากรรม เจ้ามีขนาดเท่าฝ่ามือของข้า เหตุใดมนุษย์วิหคถึงกลัวเจ้า?”

วิญญาณชะตากรรมหัวเราะคิกคัก “เพราะพวกเขาแสวงหาอิสรภาพ แต่ชะตากรรมผูกมัดและกักขังพวกเขา”

เยี่ยนฮวงเล่ยชื่อพึมพํา “ดังนั้นความตั้งใจของเจ้าก็เหมือนกับพวกเรา เจ้าล้มเหลวและไม่สามารถจับมนุษย์วิหค นอกจากนั้นเจ้ายังขัดขวางพวกเรา”

วิญญาณชะตากรรมหัวเราะเสียงดัง “ผู้ใดบอกว่าข้าล้มเหลว? มนุษย์วิหคไล่ล่าอิสรภาพแต่พวกเขาจะรู้สิ่งใด การหลบหนีของพวกเขาอยู่ในระดับผิวเผินเท่านั้น ข้าผูกมัดพวกเขาไว้แล้ว เส้นทางสู่อิสรภาพของพวกเขาถูกจัดเตรียมไว้โดยข้าทั้งหมด แต่พวกเขาคิดว่าพวกเขาประสบความสําเร็จ พวกเขาไม่รู้สิ่งใดเลย เช่นเดียวกับพวกเจ้าลองมองดูตัวเอง”

มนุษย์คนแรก หว่านจินเสี่ยวฮวา และเยี่ยนฮวงเล่ยชื่อก้นหน้ามองร่างกายของตนเอง

พวกเขาเห็นใยแมงมุมสีขาวติดอยู่ที่แขนขาและลําตัว

พวกเขายังค้นพบว่าไม่ใช่เพียงพวกเขาแต่กระทั่งดอกไม้ใบหญ้า หิน น้ํา ทุกสิ่งถูกผูกมัดด้วยใยแมงมุม

ใยแมงมุมเหล่านั้นเชื่อมต่อกันและขยายออกไปอย่างไม่รู้สิ้นสุด

“นี่คือใยขอข้า มันเรียกว่าใยครอบปฐพี ทุกสิ่งบนโลกใบนี้ถูกผูกไว้ด้วยใยนี้เพื่อจัดระ เบียบ ทุกคนที่พวกเจ้าพบและทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนถูกควบคุมโดยข้าทั้งหมด” วิญญาณชะตากรรมกล่าว

มนุษย์คนแรกและลูกๆของเขารู้สึกหนาวสั่นอยู่ภายในใจและเริ่มดิ้นรนต่อสู้

วิญญาณชะตากรรมยิ้ม “ไร้ประโยชน์ พวกเจ้าหนีไม่พ้น ชะตากรรมไม่สามารถเปลี่ยนแปลง”

มนุษย์คนแรกมองวิญญาณชะตากรรมด้วยความโกรธ “วิญญาณชะตากรรม เหตุใดเจ้าต้องจัดการและล้อเล่นกับพวกเรา จากสิ่งที่เจ้ากล่าว ความยากลําบากและโชคร้ายทั้งหมดที่ข้าพบคือ การกระทําของเจ้าทั้งหมด การสูญเสียลูกๆของข้าก็เป็นเพราะเจ้าเช่นกัน!”

วิญญาณชะตากรรมกล่าวอย่างสงบ “มนุษย์ ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการช่วยบุตรชายคนโตหยางเมิ้ง แต่เขาตายไปแล้ว ความตายเป็นชะตากรรมที่จําเป็นสําหรับมนุษย์ เจ้าไม่สามารถช่วยเขา นอกจากนั้นเจ้ายังต้องการพึ่งพาวิญญาณความมั่งคั่งเพื่อช่วยบุตรสาวเสิ้นไห่หลุนฮุย นั่นเป็นไปไม่ได้เช่นกัน”

ด้วยความตั้งใจของวิญญาณชะตากรรม ใยแมงมุมดึงวิญญาณความมั่งคั่งของมนุษย์คนแรกไปอยู่ด้านหน้ามัน

“ปล่อยมัน นั่นเป็นวิญญาณของเรา!” เยี่ยนฮวงเล่ยชื่อตะโกน

ดวงตาของหว่านจินเมี่ยวฮวากลายเป็นสีแดงและเริ่มสะอื้นให้ “ท่านพ่อสละมือของท่านเพื่อหลอมรวมวิญญาณความมั่งคั่ง กล้าดีอย่างไรถึงนํามันไป!?”

มนุษย์คนแรกดิ้นรนแต่ใยแมงมุมกลับยิ่งมัดแน่น

วิญญาณชะตากรรมหัวเราะ “ชีวิตและความตายถูกกําหนดโดยโชคชะตา ความเจริญรุ่งเรืองขึ้นอยู่กับสวรรค์ มนุษย์ เจ้าถูกลิขิตให้เป็นคนจนต่ําต้อย ถูกทรมาน และอับอายจนกลาย เป็นบ้า สุดท้ายเจ้าจะตาย แม้เจ้าจะหล่อเหลาและมั่งคั่ง เจ้าก็ไม่สามารถเพลิดเพลินกับมัน หากเจ้าถูกลิขิตให้เป็นคนจน แม้เจ้าจะขุดทองคําขึ้นมา มันก็จะกลายเป็นทองแดง หากเจ้าถูกลิขิตให้เป็นคนรวย แม้เจ้าจะหยิบกระดาษขึ้นมา มันก็จะกลายเป็นผ้าไหมชั้นดี ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของข้า”

มนุษย์คนแรก เยี่ยนฮวงเล่ยชื่อ และหว่านจินเมี่ยวฮวาเริ่มสาปแช่งวิญญาณชะตากรรมด้วยความโกรธ

วิญญาณชะตากรรมไม่รู้สึกใดๆ มันยังไร้กังวลและผ่อนคลายมาก “หลายคนสาปแช่งข้า แต่แล้วอย่างไร? มนุษย์ ไม่ว่าเจ้าจะสาปแช่งข้าอย่างไร มันก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง”

ทันใดนั้นวิญญาณชะตากรรมก็ขยับใยแมงมุมและส่งเยี่ยนฮวงเล่ยชื่อกับหว่านจินเมี่ยวฮวาบินออกไปก่อนจะหายไปจากมุมมองสายตาของมนุษย์คนแรก

“ลูกๆของข้า!” มนุษย์คนแรกกรีดร้อง

วิญญาณชะตากรรมกล่าวอย่างเย็นชา “มนุษย์ อย่าโทษข้า นี่คือชะตากรรมของเจ้า ไม่เพียงเจ้า ความเหงาเป็นชะตากรรมของทุกคน แม้พวกเขาจะเป็นลูกของเจ้า พวกเขาก็ไม่สามารถอยู่กับเจ้าตลอดชีวิตและจะจากไปในที่สุด การพบกันของทุกคนเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว การพลัดพรากเป็นเรื่องปกติ”

อย่างไรก็ตามมนุษย์คนแรกยังดิ้นรนต่อสู้ แต่ยิ่งเขาดิ้นรนมากเท่าใด ใยแมงมุมก็ยิ่งรัดเขาแน่นมากเท่านั้น

มนุษย์คนแรกรู้สึกกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก

เขาหอบหายใจอย่างหนักหน่วงและค่อยๆหมดแรงต่อสู้

มนุษย์คนแรกเริ่มหลั่งน้ําตา “เหตุใดชะตากรรมของข้าจึงน่าสงสารนัก!?”

วิญญาณชะตากรรมเงียบ

แต่ในจังหวะนี้มีเสียงสายหนึ่งดังขึ้นในใจของมนุษย์คนแรก มันคือวิญญาณตัวตน “มนุษย์ จงเชื่อในความแข็งแกร่งของตนเองแทนที่จะโทษชะตากรรม!”

มนุษย์คนแรกหยุดร้องไห้และตระหนักได้ทันที “ถูกต้อง แม้ข้าจะไม่มีวิญญาณความแข็งแกร่ง แต่วิญญาณตัวตนยังได้รับพลังจากวิญญาณความแข็งแกร่ง ข้ามีความแข็งแกร่งของตนเอง วิญญาณตัวตน ข้าสามารถพึ่งพาเพียงเจ้าเท่านั้น!”

วิญญาณตัวตนระเบิดแสงระยิบระยับออกมาและพยายามทําลายใยแมงมุม

ใยแมงมุมบางเส้นขาดแต่เส้นอื่นกลับผูกมัดมนุษย์คนแรกแน่นขึ้น

“ความแข็งแกร่งของตนเองยังไม่เพียงพองั้นหรือ?” มนุษย์คนแรกกังวล “ถูกต้อง วิญญาณตัวตน เจ้าเคยกัดวิญญาณแห่งความรัก หากความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ เราจะพึ่งพาความรัก!”

จากนั้นวิญญาณตัวตนก็ระเบิดแสงที่อ่อนโยนออกมาและพยายามทําลายใยแมงมุมอีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ยังเหมือนเดิม

วิญญาณชะตากรรมกล่าว “มนุษย์ เหตุใดเจ้ายังไม่เข้าใจ? ความรักคือชะตากรรม ข้าทําให้หยางเมิ้งตกหลุมรักอวี๋หยินฮวง ข้าจัดการให้มนุษย์หินตกหลุมรักนาง ข้ายังจัดการวิญญาณความสําเร็จและวิญญาณความล้มเหลว สุดท้ายพวกเขาก็ตายด้วยเหตุนี้”

“ไม่!” มนุษย์คนแรกกรีดร้อง

วิญญาณชะตากรรมเงียบ

มนุษย์คนแรกค่อยๆหมดแรงที่จะร้องไห้ เขาพึมพําอย่างไร้เรี่ยวแรง “ข้าเข้าใจแล้ว ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดมนุษย์วิหคจึงแสวงหาอิสรภาพ”

วิญญาณชะตากรรมยิ้ม “มนุษย์ เจ้าต้องการแสวงหาอิสรภาพด้วยงั้นหรือ?”

มนุษย์คนแรกพยักหน้า “ถูกต้อง หากข้ามีอิสระ ข้าจะไม่ถูกผูกมัดโดยเจ้าอีกต่อไป”

วิญญาณชะตากรรมกล่าว “แต่ดูมนุษย์วิหคเหล่านั้น แม้พวกเขาจะแสวงหาอิสรภาพ แต่พวกเขาก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของข้า”

มนุษย์คนแรกส่ายศีรษะ “อิสรภาพของข้าแตกต่างจากพวกเขา ข้าจะไล่ล่าอิสรภาพที่แท้จริง”

วิญญาณชะตากรรมหัวเราะเสียงดัง “อิสรภาพที่แท้จริงของคนผู้หนึ่งก็คือความวิกลจ ริต โอ้ มนุษย์ จงดูเอาเองว่าเจ้ากําลังแสวงหาสิ่งใด อิสรภาพที่แท้จริงจะนําเจ้าไปสู่ความวิกลจริต เจ้าจะเสียสติ แต่นั่นก็ยังเป็นสิ่งที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้า”

“ไม่ ข้าไม่เชื่อเจ้า! ข้าจะใช้ความแข็งแกร่งและสติปัญาของตนเองเพื่อให้ได้รับอิสรภาพ ข้าไม่เชื่อคําพูดของเจ้า ข้าจะหลบหนีจากการควบคุมของเจ้า!” มนุษย์คนแรกโต้แย้ง

เสียงหัวเราะของวิญญาณชะตากรรมดังขึ้นไปอีก “โอ้ มนุษย์ เจ้าบ้าไปแล้ว เจ้าบ้าไปแล้ว จริงๆ เจ้าลืมแล้วงั้นหรือว่าวิญญาณตัวตนกัดวิญญาณความแข็งแกร่งและวิญญาณแห่งความรัก ดังนั้นเจ้าจึงมีเพียงความแข็งแกร่งของตนเองและความรักของตนเองแต่ไม่มีสติปัญญาของตนเอง โอ้ มนุษย์ เมื่อเจ้าคิดว่าเจ้าฉลาด มันจะเป็นสัญญาว่าเจ้ากําลังจะเป็นบ้า”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” มนุษย์คนแรกหัวเราะ “ข้าไม่เชื่อเจ้า โอ้ วิญญาณชะตากรรม ข้าไม่เชื่อเจ้า ข้าไม่เชื่อว่ามีโชคชะตาอยู่บนโลกใบนี้!

วิญญาณชะตากรรมเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเปิดปากกล่าวอีกครั้ง “แม้เจ้าจะไม่เชื่อ ข้าก็ยังมีอยู่”

มนุษย์คนแรกโต้ตอบ “ไม่ นั่นไม่เป็นความจริง เมื่อข้าหยุดเชื่อในตัวเจ้า การคงอยู่ของเจ้าจะถูกทําลาย ข้าปฏิเสธที่จะเชื่อในโชคชะตา ดังนั้นโชคชะตาจะไม่มีอยู่! ฮ่าฮ่าฮ่า”

วิญญาณชะตากรรมส่ายศีรษะและถอนหายใจ “น่าเสียดาย มนุษย์ เจ้าบ้าไปแล้วจริงๆ”

มนุษย์คนแรกเกาศรษะและผิวหนังของตน น้ําตาและน้ํามูกของเขาผสมปนกัน เขาดิ้นรนและคุกเข่าลงบนพื้นก่อนจะกลิ้งไปมา

ดังคําประกาศของวิญญาณชะตากรรม มนุษย์คนแรกบ้าไปแล้ว

….

เป็นเพียงเวลานี้ที่ฉากในอดีตปรากฏขึ้นใจในของราชันมังกร

หนึ่งล้านปีก่อน

“เจ้าเชื่อในโชคชะตาหรือไม่?” ราชันมังกรยืนมองศิษย์ของเขาด้วยสายตาที่อบอุ่น

ศิษย์ของเขาเป็นเด็กหนุ่มที่หล่อเหล่า ดวงตาสดใส เส้นผมสีดํายาวลงมาถึงเอว และมีปานรูปดอกบัวสีแดงอยู่กลางหน้าผาก

ราชันมังกรกล่าวต่อ “บัวแดง เจ้าคือเทพอมตะในอนาคต เจ้าจะนําเผ่าพันธุ์มนุษย์ก้าวขึ้นสู่จุดสุงสุด เจ้าจะประสบความสําเร็จอย่างแน่นอน เจ้าจะหลอมรวมวิญญาณและสร้างทักษะของตนเอง เจ้าจะกลายเป็นความภาคภูมิใจของบิดามารดา เจ้าจะเป็นผู้ปกครองโลกใบนี้ ชื่อของเจ้าจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ เจ้าจะเป็นผู้นําของวังสวรรค์และนําพรมาสู่สิ่งมีชีวิตทั้งหมด เจ้าจะส่องประกายเจิดจ้าตลอดกาล”

เด็กหนุ่มบัวแดงกระพริบตาก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้าง “ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งใดเลวร้าย เช่นนั้นข้าจะเชื่อในโชคชะตา!”

ราชันมังกรกลับสู่โลกแห่งความจริงหลังจากมีนงงเล็กน้อย

เขามองฟงจินฮวงและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ฮวงเอ๋อ เจ้าต้องตระหนักว่าเจ้าคือเทพอมตะแห่งความฝันในอนาคต เจ้าจะสร้างเส้นทางแห่งความฝันและปกครองโลกใบนี้ เจ้าจะส่องประกายเจิดจ้าและนําเผ่าพันธุ์มนุษย์ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด อย่ากังวล อย่าลังเล ใช้ความสําเร็จแต่ละก้าวเพื่อเดินไปข้างหน้าอย่างไม่ย่อท้อจนกว่าจะถึงจุดสูงสุดของโลกใบนี้!”

ดวงตาของฟงจินฮวงส่องประกายขึ้น นางเผยรอยยิ้มงดงาม

ราชันมังกรยิ้มตอบ

ฟงจินฮวงกล่าว “หากทั้งหมดนี้ถูกกําหนดโดยโชคชะตาข้าไม่เชื่อในโชคชะตา!”

“อันใด!?” รอยยิ้มของราชันมังกรหายไปจากใบหน้าของเขาทันที

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท