เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1637 เขาโกง

บทที่ 1637 เขาโกง

บทที่ 1637 เขาโกง

“ทุกคนอย่าตกใจ” ฉีปากล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง ร่างสูงราวกับต้นไผ่ของเขาแกว่งไปมาเล็กน้อย แต่ไม่มีผู้ใดหัวเราะ

ตระกูลนี้มีผู้อมตะระดับเจ็ดสามคนและผู้อมตะระดับหกอีกสองคน พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน แม้พวกเขาจะร่วมมือกัน พวกเขาก็เป็นเพียงเนื้อที่วางอยู่บนเขียง

หลังจากชั่วครู่ ฉีฟาก็รวบรวมความกล้ากล่าวต่อ “เราได้รับการยอมรับจากประตูเมือง แล้ว เราสามารถสํารวจถ้ําสวรรค์ที่อยู่ภายใน เราได้รับการปกป้องจากประตูเมืองเช่นกัน หากฟางหยวนต้องการฆ่าพวกเรา เขาต้องผ่านการทดสอบของประตูเมืองเป็นอันดับแรก หากเขาทําลายมัน เขาจะฝ่าฝืนกฎของการเดิมพันและไม่สามารถเข้าไปภายใน”

คํากล่าวของฉีฟาทําให้ทุกคนสงบลง

ฟางหยวนมองฉีฟาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เขาเผยรอยยิ้มชื่นชม “เขาค่อนข้างฉลาด”

ฉีปากล่าวกับผู้อมตะตระกูลฉีแต่ความหมายของมันมีไว้สําหรับฟางหยวน ตระกูลฉีสามารถมาถึงจุดนี้ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล ตระกูลนี้เติบโตขึ้นขณะเดียวกันก็สามารถกดขี่ตระกูลอื่น พวกเขายังซ่อนตัวอยู่อย่างลับๆ กระทั่งกองกําลังใหญ่ของภาคใต้ก็ไม่รู้รายละเอียดและไม่พยายามค้นหาสมบัติห้าเซียง ทั้งหมดเป็นเพราะความสามารถของผู้อมตะตระกูลฉี

แต่ไม่ว่าพวกเขาจะน่ายกย่องเพียงใด ต่อหน้าฟางหยวน พวกเขาก็ไม่ถือเป็นสิ่งใด

รอยยิ้มของฟางหยวนน่ากลัวมากสําหรับพวกเขา ฟันสีขาวของเขาเหมือนใบมีดอันแหลมคมที่เล็งมาที่พวกเขา

ฟางหยวนมองผู้อมตะตระกูลฉีก่อนจะหันหน้ากลับมาทางไป่หนิงปิง

ทั้งสองเจรจากันมาแล้ว ไป่หนิงปิงพยักหน้าให้ฟางหยวนก่อนจะบินไปที่ประตูเมือง

ผู้อมตะตระกูลนี้ไม่สามารถทําสิ่งใดนอกจากเฝ้ามองอยู่อย่างเงียบๆ

เมื่อไป่หนิงปิงเข้าสู่อาณาเขตของแสงสีฟ้า แสงสีฟ้าตอบสนองทันที

ฟางหยวนพยักหน้ากับตนเอง ก่อนหน้านี้เขาเกรงว่าสถานะมนุษย์มังกรของไป่หนิงบิงจะส่งผลกระทบต่อเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามมนุษย์มังกรไม่ใช่มนุษย์กลายพันธุ์ตามธรรมชาติ นอกจากนั้นดูเหมือนประตูเมืองจะสนใจเพียงสายเลือดของไป่หนิงปิงโดยไม่คํานึงถึงสถานะมนุษย์มังกรของนาง

หลังจากชั่วครู่ไป่หนิงปิงก็ได้รับการยอมรับจากประตูเมืองและถูกส่งขึ้นไปอยู่บนก้อนเมฆ

ผู้อมตะตระกูลแสดงออกด้วยความเสียใจ

“ดูเหมือนไป่หนิงปิงไม่ได้เป็นทาสของฟางหยวน มิฉะนั้นประตูเมืองจะไม่ยอมรับนาง”

“น่าเสียดาย…”

“บัดซบ! ไป่หนิงปิงได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมจริงๆ!”

ไป่หนิงปิงเคยอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อมตะเฆ่าม่านเยี่ยนชื่อ แต่นางไม่เคยตกเป็นทาสพวกเขาเพียงสร้างความร่วมมือเท่านั้น

หลังจากเข้าร่วมกับฟางหยวน ไป่หนิงปิงไม่เคยเคยตกเป็นทาสของฟางหยวนเช่นกัน ดังนั้นประตูเมืองจึงยอมรับสถานะของนาง

ไป่หนิงปิงหันหน้ากลับไปทางฟางหยวน “การขึ้นมาบนก้อนเมฆคือการยอมรับจากประตูเมือง ผู้อมตะไม่สามารถต่อสู้กันที่นี่”

“อืม” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

การเคลื่อนไหวต่อไปของเขาทําให้ผู้อมตะตระกูลฉีอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

ฟางหยวนบินเข้าไปในอาณาเขตของแสงสีฟ้า

แสงสีฟ้ากะพริบอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกลับสู่เสถียรภาพ

แม้ฟางหยวนจะอยู่ในรูปลักษณ์ดั้งเดิมของเขา แต่เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยตลอดเวลา ครั้งนี้เขาพัฒนามันขึ้นไปอีกขั้นโดยเพิ่มวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดเข้าไปเพื่ออําพรางสายเลือดของเขา เขาเคยใช้สิ่งนี้เพื่อปลอมตัวเป็นวูอี้ไฟแทรกซึมเข้าสู่ตระกูลวูมาแล้ว

แต่ก่อนที่ฟางหยวนจะแสดงออกอย่างมีความสุข แสงอีกสี่สีก็ปรากฏขึ้นบนประตูเมือง

ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาให้ไป่หนิงปิงเข้ามาก่อนเพื่อตรวจสอบแสงสีฟ้า หลังจากเขาบินเข้ามา เขาสามารถหลอกลวงแสงสีฟ้า แต่ผู้ใดจะคิดว่าอีกสี่เซียงจะปลดปล่อยพลังออกมา

“บึม!”

ประตูเมืองสั่นสะเทือน ฟางหยวนถูกผลักออกไป

“ใบหน้าที่คุ้นเคยไม่สามารถหลอกลวงงั้นหรือ?” หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้นเล็กน้อย

นักสํารวจห้าเซียง!

กองกําลังที่แข็งแกร่งที่เคยปกครองภาคใต้ในอดีตแสดงพลังอํานาจอันยิ่งใหญ่ของมันออกมา

กลุ่มผู้อมตะตระกูลฉีถอนหายใจด้วยความโล่งอก ความปิติยินดีปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา

การกระทําของฟางหยวนน่าตกใจเกินไป แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นผลดีต่อพวกเขา

“เกือบแล้ว ฟางหยวนไม่สามารถเข้าไป!”

“เรายังมีความหวัง! ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจะถูกหยุดอยู่ข้างนอก เราต้องจัดการไปหนิงปิงเท่านั้น”

“ท่าไม้ตายอมตะไป่เซียงของนางรับมือได้ยาก แต่มรดกที่แท้จริงของฉีเซียงก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน!”

ฟางหยวนมอง

เขาประเมินมันต่ําเกินไปหรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นก็คือข้อมูลของนิกายเงา และไป่หนิงปิงไม่เพียงพอ

ใบหน้าที่คุ้นเคยไม่สามารถหลอกลวงมัน

ฟางหยวนไม่ต้องการให้ไป่หนิงปิงเข้าไปสํารวจถ้ําสวรรค์ห้าเซียงเพียงผู้เดียว

นางไม่น่าเชื่อถือ แม้นางจะเชื่อถือได้ แต่นางจะไม่สามารถต่อต้านตระกูล

แม้ฟางหยวนจะพบอุปสรรคก่อนหน้านี้ ความมุ่งมั่นของเขาที่จะเข้าไปข้างในก็ยังไม่สั่นคลอน

“ฉีเซียง ไป่เซียง เสวี่ยเซียง หนี่เซียง ซื่อเซียง พวกเขาคือนักสํารวจห้าเซียง ประตูบานนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพวกเขา พลังของพวกเขาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว

ฟางหยวนมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งเลือดและเส้นทางแห่งปฐพี เขามีความมั่นใจในด้านนี้

ในแง่ของเส้นทางอาหาร แม้ความสําเร็จของเขาจะไม่สูง แต่ฟางหยวนมีมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณและมันเป็นมรดกบนเส้นทางอาหารดั้งเดิมของโลกใบนี้ ด้วยรากฐานดังกล่าว ฟางหยวนมีข้อมูลอ้างอิงมากมาย

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งพลังปราณและเส้นทางแห่งน้ําแข็งของเขาค่อนข้างต่ํา แต่เส้นทางแห่งน้ําแข็งไม่ใช่ปัญหา เขามีมรดกที่แท้จริงไป่เซียงของไป่หนิงปิงซึ่งสามารถหลอกแสงสีฟ้ามาแล้ว

“ดังนั้นอุปสรรคเดียวของข้าก็คือพลังของฉีเซียง” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

ฟางหยวนไม่มีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งพลังปราณและไม่มีมรดกบนเส้นทางแห่งพลังปราณที่เพียงพอ

“แต่ข้ามีแสงแห่งปัญญา

ฟางหยวนต้องใช้แสงแห่งปัญญาบังคับเปิดเส้นทาง!

ผู้อมตะตระกูลฉีลอบสนทนา

“เขากําลังทําสิ่งใด?”

“ดูเหมือนเขากําลังอนุมาน.วังสวรรค์กล่าวไว้ว่าปีศาจตนนี้มีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ไม่ธรรมดา”

“ฮ่าฮ่า ไร้ประโยชน์ เขาจะอนุมานการจัดเตรียมของนักสํารวจห้าเซียงในเวลาสั้นๆได้อย่างไร?”

ผู้อมตะตระกูลฉีมั่นใจมาก

พวกเขาพยายามทําลายการจัดเตรียมของนักสํารวจห้าเซียงมานานแล้ว แต่พวกเขาไม่ประสบความสําเร็จ

พวกเขาล้มเหลวมาหลายครั้ง แล้วฟางหยวนจะประสบความสําเร็จได้อย่างไร?

“บางที่ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนอาจเหนือกว่าพวกเรา แต่เขากําลังฝันไป หากต้องการอนุมานบางสิ่งในเวลานี้ ความยากลําบากของมันไม่ต่างจากการอนุมานท่าไม้ตายอมตะที่ไม่รู้จักและพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก เขาต้องการอนุมานและคลี่คลายมัน เขาไร้เดียงสาเกินไป” ฉีฟาส่ายศีราะ

“บึม!”

อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้ฟางหยวนกลับโจมตีประตูเมืองโดยไม่คาดคิด

ประตูเมืองสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะตระกูลฉีเปลี่ยนไปเช่นกัน

“นี่ นี่”

“ปีศาจตนนี้โจมตีประตูเมืองจริงๆ เขาต้องการทําลายทางเข้า เขาไม่ต้องการเข้าไปงั้นหรือ?”

“เขาไม่สามารถอนุมานและรู้สึกโกรธงั้นหรือ?”

“บึม บึม บึม…”

ฟางหยวนโจมตีประตูเมืองอย่างดุเดือด

ใบหน้าของผู้อมตะตระกูลฉีเต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว

หากประตูเมืองถูกทําลาย พวกเขาจะสูญเสียการปกป้อง หลังจากนั้นมันจะขึ้นอยู่กับฟางหยวนว่าจะฆ่าหรือจับพวกเขา

“หยุดเขา!” ผู้อมตะตระกูลฉีกรีดร้องอยู่ในใจ

ฟางหยวนหยุดโจมตีในที่สุด

ผู้อมตะตระกูลฉีหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ร่างกายของพวกเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ พวกเขาไม่เคยรู้สึกกังวลใจเท่าครั้งนี้มาก่อน

อย่างไรก็ตามประตูเมืองยังยืนหยัดอยู่อย่างมั่นคง

“ปีศาจไม่ประสบความสําเร็จ เยี่ยม!” ฉีจินแสดงออกอย่างมีความสุข

ฟางหยวนชาเลืองมองพวกเขาและเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน “โอ้ เหตุใดพวกเจ้าถึงคิดว่าข้าจะหยุดเพียงเท่านี้?”

หลังกล่าวจบคํา เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะทันที

กลิ่นอายของเขาเปลี่ยนไป ขณะที่เขาบินเข้าไป แสงสีฟ้าอีกครั้งและได้รับการยอมรับอย่างง่ายดาย สุดท้ายเขาถูกส่งขึ้นไปอยู่บนก้อนเมฆด้านข้างไป่หนิงปิง

ผู้อมตะตระกูลฉีตกตะลึง บางคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อ

ความเชื่อบางอย่างในจิตใจของพวกเขาถูกทําลายลงโดยความสําเร็จของฟางหยวน

“นี่ ปีศาจตนนี้ประสบความสําเร็จจริงๆ!”

“ข้ากําลังฝันไปหรือไม่? เป็นไปได้อย่างไร?”

“เขาประสบความสําเร็จในระยะเวลาสั้นๆเช่นนี้ได้อย่างไร?”

ผู้อมตะตระกูลนี้รู้สึกสับสน

พลังการต่อสู้ของฟางหยวนสูงจนน่าขันแต่ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขากลับ เหนือความเข้าใจของผู้อมตะตระกูลฉีไปไกลมาก

สัตว์ประหลาดตัวนี้ทําให้วังสวรรค์ไม่มีทางเลือก แล้วพวกเขาจะจัดการกับตัวตนเช่นนี้ได้อย่างไร?

“ประตูเมือง! บรรพชน! ฟางหยวนเป็นคนนอก เขาโกง!” ฉีไค่กรีดร้องด้วยใบหน้าสีแดงก่ํา

แต่ประตูเมืองตอบกลับด้วยความเงียบ

ในไม่ช้ามันก็ระเบิดแสงห้าสีออกมา

ผู้อมตะตระกูลฉีเห็นสิ่งนี้และรู้สึกสิ้นหวัง

พวกเขารู้ว่ามันไม่ใช่การค้นพบตัวตนของฟางหยวนแต่มันกําลังจะเคลื่อนย้ายพวกเขาเข้าไปภายใน

การเดิมพันห้าเซียงกําลังจะเริ่มต้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท