เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1640 คนทรยศไปหนิงปิง

บทที่ 1640 คนทรยศไปหนิงปิง

บทที่ 1640 คนทรยศไปหนิงปิง

ผู้อมตะตระกูลฉีพยายามต่อต้านเจตจํานงของฟางหยวนด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก

ฟางหยวนขมวดคิ้ว เขาพบว่าเขาไม่สามารถส่งเจตจํานงของตนเองเข้าไปอย่างไม่รู้จบสิ้นหลังจากส่งเข้าไปจํานวนหนึ่งเขาก็ไม่สามารถส่งเข้าไปได้อีก

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเจตจํานงเข้าไป ร่างหลักของเขาก็ทําได้เพียงเฝ้ามองการต่อสู้ของเจตจํานงอยู่ด้านนอกเท่านั้น ด้วยเหตุนี้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขาจึงไม่สามารถใช้งานได้

กายาสวรรค์เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าขณะที่วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ดีที่สุดของฟางหยวนอยู่ในระดับแปด แม้มันจะส่งผลกระทบต่อกายาสวรรค์ แต่ฟางหยวนไม่ต้องการทดลอง หากเขากระตุ้นการตอบสนองของกายาสวรรค์แม้มันจะไม่โจมตีกลับ แต่กายาสวรรค์อาจทําลายตัวเอง

ผู้อมตะตระกูลนี้ต้องการกายาสวรรค์เพื่อจัดการฟางหยวนและปกป้องตนเอง ฟางหยวนต้องการกายาสวรรค์เพื่อทะลวงผ่านการป้องกันของวังสวรรค์ในสายธารแห่งกาลเวลา

ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงต้องแข่งขันกันผ่านเจตจํานงของตนเอง

อย่างไรก็ตามในแง่มุมนี้ฟางหยวนมีประสบการณ์ที่ลึกซึ้ง เขาฝึกต่อสู้ด้วยเจตจํานงกับเจตจํานงปลอมของโม่เหยามานับครั้งไม่ถ้วนและสามารถกําจัดจุดอ่อนของตนเองออกไป ตอนนี้มันจึงกลายเป็นข้อได้เปรียบของเขา

กงหยวน แต่พวกเขามีความได้เปรียบด้านจํานวน

เมื่อเวลาผ่านไปความได้เปรียบของฟางหยวนค่อยๆเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขายังไม่สา มารถเปลี่ยนความได้เปรียบให้เป็นชัยชนะ

ในความเป็นจริงฟางหยวนยังมีความกังวลบางอย่าง นั่นคือไปหนิงปิง

ไปหนิงปิงเคยหักหลังเขามาก่อน นางเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุม

โชคดีที่เจตจํานงสวรรค์เหมือนป้อมปราการที่ไม่สั่นไหว ไม่ว่าผู้อมตะตระกูลฉีจะโจมตีมันอย่างไร มันก็ไม่พังทลายลงมา

ฟางหยวนเริ่มรู้สึกถึงความยากลําบาก หากสถานการณ์ยังดําเนินไปเช่นนี้ แม้เขาจะสามารถทําลายเจตจํานงของผู้อมตะตระกูลฉี แต่เขาจะเหลือเจตจํานงไม่พอที่จะกําจัดเจตจํานงสวรรค์

เจตจํานงของผู้อมตะตระกูลฉีล่าถอยอย่างต่อเนื่องขณะที่เจตจํานงของฟางหยวนเคลื่อนไหวราวกับมังกร

ผู้อมตะตระกูลร้อนใจมาก หากฟางหยวนทําลายเจตจํานงของพวกเขา พวกเขาจะไม่สามารถหยุดฟางหยวนและต้องจากไปเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้เจตจํานงของผู้อมตะตระกูลฉีที่พึ่งกระจัดกระจายกันไปจึงพยายามรวมตัวกันอีกครั้งและพุ่งเข้าต่อสู้กับเจตจํานงของฟางหยวนอย่างไม่หยุดยั้ง

“ไปหนิงปิง ปิดกั้นพวกเขา!” เจตจํานงของฟางหยวนออกคําสั่ง

เจตจํานงของไปหนิงบิงเหมือนหอกน้ําแข็งที่พุ่งเข้าสู่สนามรบ แต่มันกลับปกป้องเจตจํานงของผู้อมตะตระกูลฉีและโจมตีเจตจํานงของฟางหยวน!

ผู้อมตะตระกูลฉีตกตะลึง ในช่วงเวลาสําคัญไปหนิงปิงหักหลังฟางหยวนอีกครั้ง

เจตจํานงของฟางหยวนโกรธมากเมื่อถูกโจมตีโดยเจตจํานงของไปหนิงปิง

เจตจํานงของผู้อมตะตระกูลนี้รู้สึกมีความสุขและเริ่มโจมตีเจตจํานงของฟางหยวนจากทุกทิศทาง

เจตจํานงของฟางหยวนลดลงอย่างต่อเนื่อง เขาหยุดโจมตีเจตจํานงของผู้อมตะตระกูล

“ไปหนิงปิง คนทรยศ ข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้า!” เจตจํานงของฟางหยวนตะโกนด้วยความโกรธแต่ผลลัพธ์ถูกตัดสินแล้ว เขาต้องหลบหนีด้วยเจตจํานงที่เหลืออยู่

“ฟางหยวน ด้วยบุคลิกของเจ้า หลังจากได้รับกายาสวรรค์ เจ้าจะไม่จัด การข้างั้นหรือ?” เจตจํานงของไปหนิงบิงหัวเราะ “นี่เป็นโอกาสที่ดี หลังจากเอาชนะเจ้าที่นี่ ชี วิตของข้าจะสดใส”

เจตจํานงของไปหนิงปิงไม่เต็มใจปล่อยเจตจํานงของฟางหยวนไป เจตจํานงของนาง ออกไล่ล่าเจตจํานงของเขาอย่างไม่ลดละ

เจตจํานงของฟางหยวนทําได้เพียงหลบหนี

“พวกเจ้ารอสิ่งใดอยู่! มาช่วยข้า!” เจตจํานงของไปหนิงปิงตะโกนเรียกเจตจํานงของผู้อมตะตระกูล

เจตจํานงของผู้อมตะตระกูลฉีกรุ่นคิดก่อนที่เจตจํานงของฉีฟาจะตะโกน “ อย่าขยับ อาจมีกับดัก ปล่อยให้พวกเจ้าสู่กัน!”

เจตจํานงของฟางหยวนถูกโจมตีโดยเจตจํานงของไปหนิงปิงและได้รับความเสียหายอย่างมาก เมื่อเวลาผ่านไปเจตจํานงของฟางหยวนก็ถูกกําจัดออกไป

“ผู้ใดจะคิดว่าฟางหยวนจะเป็นคนแรกที่จบสิ้น!”

“ไม่ว่าเขาจะระวังตัวมากเพียงใด เขาก็ไม่สามารถป้องกันภัยคุกคามภายใน

“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่คือโอกาสที่ดีของตระกูลฉี ไปกันเถอะ เราต้องกําจัดเจตจํานงของไปหนิงปิง”

เจตจํานงของผู้อมตะตระกูลฉีโจมตีอีกครั้ง แม้เจตจํานงของไปหนิงปิงจะต่อต้านอย่างดื้อรั้น แต่สองหมัดไม่สามารถสู้กับสี่หมัด ในที่สุดเจตจํานงของนางก็ถูกกําจัดออกไป

“เราทําสําเร็จ!”

“กายาสวรรค์เป็นของเรา!”

ผู้อมตะตระกูลฉีมีความสุขมาก เมื่อศัตรูถูกกําจัด เจตจํานงของพวกเขาจึงร่วมมือกันโจมตีเจตจํานงสวรรค์

“ยิ้ม!”

เป็นเพียงเวลานี้ที่เจตจํานงสวรรค์ระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน เจตจํานงสวรรค์จํานวนมากพุ่งออกมาเหมือนสัตว์อสูรที่ถูกปล่อยจากกรงและโจมตีเจตจํานงของผู้อมตะตระกูลฉีอย่างบ้าคลัง

การตอบโต้ของเจตจํานงสวรรค์สร้างความประหลาดใจอย่างมากต่อเจตจํานงของผู้อมตะตระกูลฉีนอกจากนั้นมันยังให้ทําให้พวกเขาพบความสูญเสียครั้งใหญ่

“เหตุใดเจตจํานงสวรรค์จึงมีมากมายเช่นนี้?”

“เป็นไปไม่ได้”

“เจตจํานงสวรรค์ช่างเจ้าเล่ห์นัก มันหลอกพวกเรา ข้าไม่ยอมแพ้!”

“ต่อต้านมัน เราไม่สามารถพ่ายแพ้!”

เจตจํานงของผู้อมตะตระกูลฉีค่อยๆก้าวข้ามอุปสรรคและกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบเจตจํานงสวรรค์ในที่สุด เมื่อเจตจํานงสวรรค์ลดจํานวนลง แกนกลางของกายาสวรรค์ก็ถูกเปิดเผยและรอให้เจ้าของคนใหม่เข้ายึดครอง

“ในที่สุดพวกเราก็ชนะ!” ครูต่อมาเจตจํานงของผู้อมตะตระกูลฉีก็กรีดร้องด้วยความยิน ดีพวกเขาเหลือเจตจํานงเพียงเล็กน้อยแต่ตอนนี้เจตจํานงสวรรค์หายไปแล้ว

“ข้าเกรงว่าจะไม่” ทันใดนั้นเจตจํานงของฟางหยวนพลันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

เจตจํานงของผู้อมตะตระกูลฉีตกตะลึงและเริ่มตะโกน

“เจ้าเจ้าถูกกําจัดไปแล้ว!”

“เป็นไปไม่ได้! เจ้าใช้เจตจํานงหมดไปแล้ว โดยปกติเจ้าต้องใช้เวลานับพันปีก่อนที่จะสามารถส่งเจตจํานงเข้ามาอีกครั้ง!”

“เจ้าสามารถคลี่คลายท่าไม้ตายอมตะระดับเก้างั้นหรือ? ไม่! ไม่มีทาง นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าที่มีต้นกําเนิดมาจากเทพปีศาจปล้นสวรรค์!”

เจตจํานงของฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย้ยหยันแต่เขาไม่อธิบาย

เจตจํานงของผู้อมตะตระกูลฉีเหมือนกระต่ายตัวเล็กๆขณะที่เจตจํานงของฟางหยวนไม่ต่างจากพยัคฆ์ที่ดุร้าย เขาสามารถกําจัดเจตจํานงของผู้อมตะตระกูลนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไร้สิ่งกีดขวาง

ต่อมาเจตจํานงของฟางหยวนก็เข้ายึดครองแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะกายาสวรรค์

เขาเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย!

เมื่อร่างหลักของเขาเปิดเปลือกตาขึ้น เขาเห็นผู้อมตะตระกูลฉีทั้งห้าพยายามหลบหนีด้วยความตื่นตระหนก

ฟางหยวนไม่ได้หยุดพวกเขา คฤหาสน์วิญญาณอมตะจะหยุดเขาหากเขาโจมตีอีกฝ่าย

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแผนการของฟางหยวนทั้งหมด

เขามอบบทคนทรยศให้ไปหนิงปิงเพื่อหลอกลวงผู้อมตะตระกูลฉีรวมถึงเจตจํานงสวรรค์

ฟางหยวนมีประสบการณ์ในการต่อต้านเจตจํานงสวรรค์มากกว่าผู้อมตะตระกูลฉี เขาต ระหนักว่าเจตจํานงสวรรค์ยังมีพลังการต่อสู้เหลืออยู่ แม้เขาจะสามารถเอาชนะเจตจํานงของผู้อมตะตระกูลฉี แต่หลังจากนั้นเขาจะไม่สามารถต่อต้านเจตจํานงสวรรค์

ดังนั้นเขาจึงจงใจถูกกําจัดและซ่อนเจตจํานงส่วนหนึ่งเอาไว้

แน่นอนว่าเจตจํานงของไปหนิงบิงถูกกําจัดออกไปจริงๆ ข้อดีของแผนการนี้คือนอกจากเขาจะสามารถหลอกผู้อมตะตระกูลฉี เขายังสามารถป้องกันการกระทําที่ไม่คาดคิดของไปหนิงปิงในช่วงเวลาสําคัญอีกด้วย

เจตจํานงของผู้อมตะตระกูลฉีอ่อนแอลงจากการต่อสู้กับเจตจํานงของฟางหยวนก่อนหน้านี้และด้วยแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาจึงไม่ตระหนักถึงแผนการของฟางหยวน

ในความเป็นจริงมันยากที่พวกเขาจะค้นพบ

เมื่อเจตจํานงคิดเรื่องต่างๆ เจตจํานงของพวกเขาจะถูกใช้จ่าย ยิ่งเจตจํานงมีน้อยเท่าใดมันก็ ยิ่งคิดได้น้อยเท่านั้น ผู้อมตะตระกูลฉีต้องการเก็บเจตจํานงไว้ต่อสู้กับเจตจํานงสวรรค์ พวกเขาจึงไม่สามารถใช้จ่ายเจตจํานงไปกับการคิดเรื่องอื่น

ดังนั้นผลลัพธ์จึงเป็นไปตามความคาดหมายของฟางหยวน เขาเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย

กายาสวรรค์อยู่ภายใต้การควบคุมของฟางหยวนแล้วแต่เขาไม่รีบตรวจสอบมัน ตรงข้ามเขาหันหน้าไปทางไปหนิงปิง

“ไปหนิงปิง…เจ้าจะไม่วิ่งหนึ่งั้นหรือ?” สายตาของฟางหยวนเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร

คุณค่าของไปหนิงปิงถูกบีบคั้นออกมาหมดแล้ว นางไม่ใช่สมาชิกนิกายเงาและไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของฟางหยวน

เมื่อเขาได้รับกายาสวรรค์ มันก็ถึงเวลาจัดการปัญหานี้

บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด เจตนาสังหารของฟางหยวนพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

การต่อสู้สามารถปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อ

เห็นได้ชัดว่าฟางหยวนไม่ใช่คนที่ไปหนิงปิงจะสามารถเอาชนะ แม้ท่าไม้ตายอมตะไปเซียงจะทรงพลังและเคยเป็นภัยคุกคามต่อโลกผู้อมตะของภาคใต้มาก่อน แต่ระดับ การบ่มเพาะของไปหนิงบิงต่ําเกินไปรากฐานของนางอ่อนแอกว่าฟางหยวนมาก

หากการต่อสู้ปะทุขึ้นไปหนิงปิงจะต้องตายอย่างแน่นอน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท