เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1641 น่าสนใจมาก

บทที่ 1641 น่าสนใจมาก

บทที่ 1641 น่าสนใจมาก

เมื่อเผชิญหน้ากับเจตนาสังหารของฟางหยวน ไปหนิงบิงยิ้มและมองฟางหยวนด้วยดวงตาสดใส “เหตุใดข้าต้องวิ่ง?”

นางหยุดก่อนกล่าวต่อ “ผู้อมตะตระกูลฉีหลบหนี นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่รู้จักเจ้าเราทั้งคู่มา จากภูเขาชิงเหมาด้วยความเข้าใจที่ข้ามีต่อเจ้าพวกเขาจะหนีไปได้อย่างไร? ฮ่าฮ่าเมื่อข้าไม่สา มารถหลบหนี แล้วเหตุใดข้าต้องวิ่ง? ไม่เพียงข้าจะไม่หนีแต่ข้ายังจะเข้าร่วมนิกายเงา”

ฟางหยวนขมวดคิ้ว “ข้าเคยคิดเรื่องนี้เช่นกัน แต่ท่าไม้ตายอมตะไปเชียงของเจ้ายอดเยี่ยมเกินไป มันสามารถปลดพันธนากรเกือบทั้งหมด”

ไปเซียงทําให้ผู้อมตะกลายเป็นตัวตนที่โดดเด่น

มันสามารถทําลายร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งข้อมูลและลบข้อตกลงพันธ มิตรเกือบทุกชนิด

“เป็นเช่นนั้นจริงๆ” ไปหนิงบิงหัวเราะ “แต่นั่นไม่น่าตื่นเต้นงั้นหรือ?”

ฟางหยวนกันเสียงไม่พอใจ “ข้าไม่ใช่เจ้า ไปหนิงปิง”

ไปหนิงบิงพยักหน้า นางหยุดยิ้มและกล่าวด้วยดวงตาส่องประกาย“ข้าไล่ล่าความตื่นเต้นมาต ลอด นี่คือเหตุผลที่ข้าชื่นชมเจ้าฟางหยวนชีวิตของเจ้าน่าตื่นเต้นจริงๆ มันน่าตื่นเต้นมาก! ทุกครั้งที่เจ้าวางแผน ทุกครั้งที่เจ้าทําสําเร็จ หรือกระทั่งเจ้าจะล้มเหลว พวกมันล้วน เต็มไปด้วยความตื่นเต้นโดยเฉพาะก่อนหน้านี้เมื่อเจ้าถูกวังสวรรค์ซุ่มโจมตีและต้องหลบหนีเยี่ยงสุนัข มันเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นที่สุด!”

“สมาชิกนิกายเงาคนอื่นๆไม่เข้าใจความรู้สึกของข้าบางคนเพียงต้องการช่วยเทพ ปีศาจจิตวิญญาณบางคนรู้สึกหวาดกลัวและตื่นตระหนก บางคนรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล แต่ข้า รู้สึกตื่นเต้นและตื่นเต้นมาก ปัญหายิ่งมาก ปัญหายิ่งใหญ่ชีวิตก็ยิ่งน่าเต้นเต้น”

“คนอื่นๆอาจไม่รู้จักข้า แต่ข้าแน่ใจว่าเจ้าเข้าใจข้า ถูกต้องหรือไม่?”

ไปหนิงปิงมองเข้าไปในดวงตาของฟางหยวน

ฟางหยวนเงียบ

ย้อนกลับไปบนภูเขาชิงเหมา เขาตระหนักว่าไปหนิงปิงเป็นปีศาจโดยธรรมชาติเขาไม่ได้คิดผิด เพื่อไล่ล่าความตื่นเต้นในชีวิต นางสามารถยอมแพ้ทุกอย่างกระทั่งชีวิตของนางเอง ค่านิยม แนวคิดทางศีลธรรม ความรัก หรือความเกลียดชังไม่เกี่ยวข้องกับนาง

นางไม่ใช่คนปกติ โลกทัศน์ของนางแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างมากนางเดินอยู่บนเส้นทางขอ งตนเอง นางทําตามความปรารถนาของนางเองนางไม่สนใจชีวิตและความตาย

ในความเป็นจริงไปหนิงปิงและฟางหยวนคล้ายกันมาก ทั้งสองเป็นคนประเภทเดีย วกันมันเป็นเพียงเป้าหมายที่แตกต่างกันเท่านั้น

ฟางหยวนแสวงหาชีวิตนิรันดร์ เขาเต็มใจเสียสละทุกสิ่งรวมถึงตนเองแม้จะล้มเหลวหรือเสียชี วิตระหว่างทางเขาก็รู้สึกมีความสุขและพึงพอใจ เพราะเขาใช้ทั้งชีวิตทั้งหมดเพื่อไล่ล่าเป้าหมาย ของเขาแล้ว

ไปหนิงจึงกล่าวว่าฟางหยวนเข้าใจนาง นางพูดถูก มันเหมือนที่นางเข้าใจฟางหยวน

วีรบุรุษชื่นชมกันและกันในทํานองเดียวกับปีศาจ

เจตนาสังหารของฟางหยวนค่อยๆจางหายไป แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงการแสดงเขาไม่มีเจต นาสังหารไปหนิงปิงมากนัก เหตุใดเขาต้องฆ่าไปหนิงปิง?ความแข็งแกร่งของฟางหยวนเหนือ กว่าไปหนิงปิงมากภัยคุกคามของนางต่ํามากสําหรับฟางหยวน

บางครั้งเมื่อฟางหยวนเห็นไปหนิงปิง เขารู้สึกเหมือนเห็นภาพสะท้อนของตนเอง ปีศาจที่แท้จ ริงเช่นพวกเขาหายากเกินไป การพบเจอคนเช่นนี้ถือเป็นโชคมันเป็นรูปแบบหนึ่งของการสนับส นุนการมุ่งสู่เป้าหมายของพวกเขา

เพราะความคล้ายคลึง พวกเขาจึงเกิดความเข้าใจและสามารถยอมรับซึ่งกันและกัน

ย้อนกลับไปเมื่อไปหนิงปิงสละชีวิตเพื่อช่วยฟางหยวน คํากล่าวสุดท้ายของนางคือขอให้ฟาง หยวนมีชีวิตอยู่แทนนางและเป็นพยานให้กับความตื่นเต้นของชีวิต ไปหนิงปิงรู้สึกว่าฟางหยวนสา มารถเข้าแทนที่ตัวนางได้ในระดับหนึ่ง

บางครั้งฟางหยวนก็คิดเกี่ยวกับมัน หากสถานการณ์ของเขาและไปหนิงปิงสลับกัน เขาจะทํา เช่นเดียวกับนางหรือไม่

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ไปหนิงบิงเงยหน้าหัวเราะ “ข้าสามารถมอบทรัพยากรทั้งหมดของถ้ําสวรรค์ไป เซียงให้เจ้า แต่ข้าต้องการวิญญาณจากมรดกที่แท้จริงของไปเชียงข้ายินดีเข้าร่วมนิกายเงาเพราะ การเผชิญหน้ากับวังสวรรค์เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก!นี่คือความตื่นเต้นของเจ้าแต่มันกลายเป็นค วามตื่นเต้นของข้าเช่นกัน”

“มีผลลัพธ์สามอย่างที่เป็นไปได้” ไปหนิงปิงหรี่ตากล่าว

“ความเป็นไปได้แรก เจ้าจะถูกสังหารโดยวังสวรรค์ ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าแม้เจ้าจะถูก ฆ่า มันก็จะเกิดขึ้นในลักษณะที่น่าเหลือเชื่อการดิ้นรนของเจ้าก่อนตายจะเป็นจุดที่ยอดเยี่ยมที่ สุดอย่างแน่นอนการได้เห็นความตายของเจ้าจะเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของข้า”

“ความเป็นไปได้ที่สอง วังสวรรค์พ่ายแพ้หรือถูกทําลายโดยเจ้า นั่นยิ่งน่าตื่นเต้นกองกําลังอัน ดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ร่วงหล่นราวกับดาวตก มันจะสร้างประกายไฟที่ยิ่งใหญ่ที่ สุดขึ้นบนโลกใบนี้”

“ความเป็นไปได้ที่สามที่ข้าคาดหวังมากที่สุดเพราะมันน่าตื่นเต้นที่สุดคือเจ้าและวังสวรรค์ ติดอยู่ในสภาวะชะงักงัน ทั้งสองฝ่ายต่างประสบความสูญเสียในกรณีที่ข้าอยู่ข้างเจ้า ข้าอาจมีโอกาสกลายเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายทั้งเจ้าและวังสวรรค์จะกลายเป็นหินรองเท้าให้ข้า”

ฟางหยวนมองไปหนิงปิงอย่างสงบ เขากล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “หากข้าฆ่าเจ้าตอนนี้ ความเป็นไปได้ทั้งสามจะหายไป”

“ถูกต้อง ถูกต้อง” ไปหนิงปิงขมวดคิ้ว นางรู้สึกหดหูเล็กน้อยสายตาของนางสั่นไหวขณะที่นางกล่าวด้วยน้ําเสียงที่หนักแน่นมากขึ้น “นั่นเป็นเรื่องจริง หากข้าตายตอนนี้ แม้ข้าจะต่อต้านอย่างสุดความสามารถความแข็งแกร่งของเราก็ต่างกันมากเกินไป แต่การต่อสู้ยังมีความตื่นเต้นเล็กน้อย”

“เจ้าสามารถเลือกได้” นางยิ้มและยักไหล่ “ข้าอ่อนแอเกินไปข้าต้องยอมรับชะตากรรม ค วามโหดร้ายของชีวิตก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเช่นกัน ฮ่าฮ่าฮ่า”

ความตายไม่น่ากลัวสําหรับไปหนิงบิง

นางเป็นคนบ้าแต่ก็มีเหตุผลและใจเย็น คนเช่นนี้น่ากลัวที่สุด

แต่คนที่น่ากลัวกว่านางยืนอยู่ตรงหน้านาง

มันคือราชาปีศาจฟางหยวนที่ทําให้เจตจํานงสวรรค์และวังสวรรค์ปวดหัวและไม่สามารถรับมือ

ฟางหยวนหัวเราะ “น่าสนใจมาก”

ไปหนิงปิงเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ

ตอนนี้ไปหนิงปิงอ่อนแอและอยู่ในกํามือของฟางหยวน นางไม่พยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาไว้ชีวิต แต่นางทําสิ่งตรงข้ากระทั่งเปิดเผยภัยคุกคามของนางต่อฟางหยวน

นี่เป็นเพราะนางเข้าใจฟางหยวน

ฟางหยวนเป็นคนระวังตัว เขาประเมินข้อดีและข้อเสียในการเก็บนางเอาไว้และตัดสินใจแล้วมันไร้ประโยชน์ไม่ว่าผู้ใดจะกล่าวสิ่งใดออกมา

แม้ไปหนิงปิงจะไม่กล่าวถ้อยคําเหล่านี้ ฟางหยวนก็รู้ว่าเขาต้องเก็บไปหนิงปิงเอาไว้ เขาต้องการพลังการต่อสู้ทั้งหมดที่เขาสามารถรวบรวมได้เพื่อเผชิญหน้ากับวังสวรรค์และรับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ไปหนิงปิงเป็นพลทหารที่ดีแม้นางจะทรยศเขาแล้วอย่างไร?

ดาบของสามารถทําร้ายเจ้าของ แต่หากฟางหยวนวางดาบเล่มนี้ลงและต่อสู้ด้วยมือเปล่านั่น จะไม่ใช่เรื่องโง่เขลางั้นหรือ?

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมดาบของเขา หากใช้ดาบเล่มนี้ได้ดี มันจะเป็นประโยชน์และสามารถป้องกันการทรยศของนาง

“หากข้าไร้ความสามารถเกินไปและทําให้ไปหนิงปิงประสบความสําเร็จในการทรยศ ข้าก็โทษได้เพียงตัวข้าเองเท่านั้น”

ฟางหยนวนหัวเราะ “โอ้ไปหนิงปิง เจ้าเป็นคนที่ข้ารู้สึกชื่นชมจริงๆ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าตอน นี้ตามข้ามาดูความล้มเหลวหรือความสําเร็จของข้า หากข้าตายด้วยน้ํามือของเจ้า นั่นจะเป็นการ แสดงที่ค่อนข้างน่าสนใจแต่ตอนนี้เจ้าจงแสดงคุณค่าของเจ้าให้ข้าเห็น นําศีรษะของผู้อมตะตระกูลฉีและถ้ําสวรรค์ทะเลปราณของพวกเขามาให้ข้า”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท