เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1642 เลือดล้างเลือด

บทที่ 1642 เลือดล้างเลือด

บทที่ 1642 เลือดล้างเลือด

ภายในกายาสวรรค์

เจตจํานงของฟางหยวนเคลื่อนไหวราวกับมังกรสะบัดร่างและพุ่งลงไปอย่างกะทันหัน

“บึ้ม!”

เจตจํานงของฟางหยวนทําลายล้างเจตจํานงจํานวนมากที่นอนนิ่งอยู่ก้นทะเลแห่งเจตจํานง

อย่างไรก็ตามทะเลเจตจํานงมีขนาดใหญ่มาก การโจมตีของฟางหยวนทําลายเพียงส่วนเล็กๆของมันเท่านั้น

“แม้ข้าจะชนะการแข่งขันและครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของกายาสวรรค์ แต่ที่นี่เต็มไปด้วยเจตจํานงของทายาทห้าเซียง หลังจากที่ข้ากําจัดพวกมันออกไป ข้าจะสามารถกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะระดับเก้ากายาสวรรค์ได้อย่างแท้จริง”

ทะเลเจตจํานงมีขนาดใหญ่มากแต่ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือเจตจํานงเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า นั่นทําให้พวกมันแข็งแกร่งราวกับภูเขาหิน วิธีการมากมายของฟางหยวนไม่สามารถใช้งานกับเจตจํานงเหล่านี้ ภายใต้อิทธิพลของท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า ฟางหยวนถูกจํากัดอย่างมาก

ฟางหยวนคิดก่อนจะส่งเจตจํานงใหม่เข้าไป

“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว”

เจตจํานงควบรวมเป็นดาบ ดาบแห่งเจตจํานงจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งลงไปราวกับสายฝนและสร้างหลุมขนาดใหญ่ขึ้นในทะเลเจตจํานง

เปรียบเทียบกับมังกรแห่งเจตจํานง ดาบแห่งเจตจํานงทรงพลังกว่ามาก

ฟางหยวนถอนหายใจ สมกับเป็นวิญญาณอมตะดาบแห่งปัญญาระดับแปด!”

ตอนนี้เขาเป็นผู้อมตะระดับแปด เขาสามารถใช้วิญญาณอมตะระดับแปดดวงนี้ แม้มันจะเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบแต่มันก็มีความเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งปัญญา

ฟางหยวนใช้มันเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะเพื่อสร้างดาบแห่งเจตจํานงจํานวนมาก

การใช้ดาบแห่งเจตจํานงทําลายทะเลเจตจํานงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดของฟางหยวน

แต่ค่าใช้จ่ายของเขาก็สูงมาก วิญญาณดาบแห่งปัญญาเป็นวิญญาณอมตะระดับแปด มันต้องใช้ลิ้นจี่ขาวอมตะระดับแปด

ฟางหยวนคํานวณและพบว่าเขาสามารถแบกรักค่าใช้จ่ายนี้

ระหว่างการต่อสู้ในสายธารแห่งกาลเวลา ฟางหยวนเป็นฝ่ายหลบหนีและพบกับการสูญเสียครั้งใหญ่ การพังทลายลงของคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์ยังทําให้เขารู้สึกเจ็บปวดมาถึงตอนนี้

คฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์ถูกสร้างขึ้นโดยฟางหยวนผ่านการรีดไถฝ่ายธรรมะของภาคใต้ ฟางหยวนใช้ความพยายามอย่างมากในการทําเรื่องนี้ แต่สุดท้ายมันก็ยังถูกทําลาย

อย่างไรก็ตามเขายังร่ํารวยมาก มิติซ่องว่างจักรพรรดิไม่ต่างจากเหมืองทองคําอันล้ําค่าของเขา

“ข้าหวังว่าท่าไม้ตายอมตะกายาสวรรค์จะเป็นประโยชน์ต่อข้า”

ฟางหยวนเต็มไปด้วยความคาดหวัง

สําหรับท่าไม้ตายทั่วไป ฟางหยวนสามารถตรวจสอบและอนุมานพวกมัน แต่ท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าลึกซึ้งเกินไป ฟางหยวนไม่สามารถทําความเข้าใจ

นี่คือสิ่งประดิษฐ์ของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งห้วงมิติและเส้นทางแห่งการโจรกรรม แม้มันจะไม่ใช่ท่าไม้ตายสายโจมตี แต่พลังอํานาจของมันก็ต้องไม่ธรรมดา

แม้เทพปีศาจปล้นสวรรค์จะไม่ได้อธิบายรายละเอียดของท่าไม้ตายนี้แต่ฟางหยวนสามารถอนม่านบางอย่างจากแง่มุมอื่น

เช่นเดียวกับทัศนคติของนิกายเงา

ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อของนิกายเงาช่วยไป่หนิงปิงเพื่อให้ได้รับกายาสวรรค์

“ม่านเยี่ยนซื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่ เขาอาจค้นพบบางสิ่ง ท่าไม้ตายอมตะกายาสวรรค์ต้องมีประโยชน์มากสําหรับนิกายเงา”

ฟางหยวนเป็นผู้นําคนปัจจุบันของนิกายเงา ท่าไม้ตายอมตะกายาสวรรค์จะเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างแน่นอน

นอกจากการกําจัดทะเลเจตจํานง ฟางหยวนยังทําลายตราประทับห้าเซียงและได้รับคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่อยู่บนยอดเขาเช่นเดียวกับถ้ําสวรรค์ห้าเซียงแห่งนี้

ถ้ําสวรรค์แห่งนี้จะเปิดออกเพียงครั้งเดียวในรอบพันปี มันเต็มไปด้วยทรัพยากร

สําหรับผู้อมตะตระกูลฉี พวกเขากําลังยุ่งอยู่กับการหลบหนี พวกเขาไม่สามารถฉกชิงทรัพยากรใดๆ ดังนั้นทั้งหมดจึงตกเป็นของฟางหยวน

“บึม!”

การระเบิดครั้งใหญ่ฉีกร่างของไป่หนิงปิงออกเป็นชิ้นๆ

แต่ในเวลาต่อมาร่างไปเชียงของนางก็ก่อตัวขึ้นและพุ่งเข้าโจมตีผู้อมตะตระกูลฉีอีกครั้ง

ใบหน้าของผู้อมตะตระกูลฉีกลายเป็นน่าเกลียด

ด้วยท่าไม้ตายอมตะไปเชียง ไป่หนิงปิงแทบเป็นอมตะ ตอนนี้นางไม่ได้ต่อสู้เพียงลําพัง อิงอู๋เซี่ยและไห่ลั่วหลันออกมาช่วยนาง

แม้ฟางหยวนจะต้องการให้ไป่หนิงปิงฆ่าผู้อมตะตระกูลฉี แต่เขารู้ขีดจํากัดของนาง นางไม่มีท่าไม้ตายเขตแดนอมตะที่เป็นกุญแจสําคัญของชัยชนะ

อย่างไรก็ตามฟางหยวนจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อผู้อมตะตระกูลฉีก้าวเข้าไป พวกเขาจะไม่สามารถหลบหนีและต้องต่อสู้กับไป่หนิงปิงเท่านั้น

“อ๊าก…” เสียงกรีดร้องของผู้อมตะระดับเจ็ดตระกูลฉีดังขึ้นก่อนที่เขาจะเสียงชีวิตจากการโจมตีของไป่หนึงปิง

“ปล่อยข้า” อิงอู๋เซี่ยจับดวงวิญญาณของผู้อมตะตระกูลฉีที่เสียชีวิตทันที

ผู้อมตะตระกูลฉีที่เหลือคํารามด้วยความโกรธและตอบโต้อย่างดุเดือด

ร่างของไป่หนิงปิงแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอีกครั้งก่อนจะฟื้นตัวกลับมาภายในเวลาไม่กี่ลมหาย

แม้ผู้อมตะตระกูลฉีจะมีจํานวนมากกว่า พวกเขาก็ยังแสดงออกด้วยความสิ้นหวัง

เพราะพวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่สามารถสังหารไป่หนิงปิงขณะที่พวกเขาถูกขังอยู่ในค่ายกลวิญญาณอมตะ สุดท้ายพวกเขาจะแพ้การต่อสู้ครั้งนี้

“พวกเราควรทําอย่างไร?”

“เราไม่สามารถรับมือไป่หนิงปิง ฟางหยวนโหดร้ายเกินไป เขาลอบจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะไว้ในถ้ําสวรรค์ทะเลปราณของเรา!”

ผู้อมตะตระกูลฉีระวังตัวมากแต่พวกเขายังถูกจับ

พวกเขาไม่รู้ว่าฟางหยวนสังหารและค้นวิญญาณฉีช่าย นั่นทําให้เขารู้จักและเข้าใจถ้ําสวรรค์ทะเลปราณเป็นอย่างดี

ถ้ําสวรรค์ทะเลปราณเป็นมิติช่องว่างของฉีเซียงในอดีต หลังจากมันถูกวางไว้ในสวรรค์สีขาว มันก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้อีกและอยู่ที่นี่มาตลอด

ฟางหยวนใช้ข้อมูลที่มีสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะขึ้นมาอย่างลับๆเพื่อจัดการพวกเขาโดยเฉพาะ

“หากสถานการณ์ยังดําเนินไปเช่นนี้ พวกเราจะแพ้”

“บัดซบ! ข้าไม่เชื่อว่าท่าไม้ตายอมตะไปเซียงจะไร้เทียมทาน เป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่เสียค่าใช้จ่ายหรือได้รับฟันเฟือนใดๆ!”

“อย่าลืมฟางหยวน หากเขามาที่นี่ กระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะก็ไม่สามารถหยุดเขา!”

“เราไม่สามารถหลบหนีจากค่ายกลวิญญาณอมตะ เราต้องให้ฉีปิงซูออกมาและร่วมมือกับเรา เพื่อทําลายค่ายกลนี้!”

“ไม่! ฉีปิงซูเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในฐานทัพ หากเขาออกมา เขาต้องเปิดทางเข้า นิกายเงาจะฉวยโอกาสไปที่นั่น!”

“ฟางหยวนอาจซุ่มรออยู่ เมื่อถ้ําสวรรค์เปิดออก เขาจะบุกเข้าไปทันที!”

ในความเป็นจริงฟางหยวนไม่ได้มาที่นี่

แต่ความเจ้าเล่ห์ของเขาฝังลึกอยู่ในหัวใจของทุกคน ผู้อมตะตระกูลนี้รู้สึกกดดันและหงุดหงิดมาก

ในเวลาเดียวกันที่ภาคกลาง ชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนมองผู้อมตะที่อยู่ตรงหน้าอย่างเงียบๆ

ชายหนุ่มผู้นี้แสดงออกเหมือนผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์และผ่านอุปสรรคในชีวิตมามากมาย

นี่ไม่ใช่ผู้ใดนอกจากฟางเลิ้ง

เดิมทีฟางเพิ่งถูกประหารชีวิตโดยนิกายกระเรียนอมตะ แต่ฟางหยวนวางแผนแสร้งเสียชีวิตและทําให้ฟางเลิ้งต้องใช้ชีวิตอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ฟางเจิ้งถูกกดดันโดยมนุษย์ขน เขาผ่านสงครามและติดอยู่ในความขัดแย้งมาเป็นเวลานาน เขาตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลา

หลังจากผ่านประสบการณ์ทั้งหมด เขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตอนนี้เขาเติบโตขึ้นแล้ว

ต่อมาเมื่อวังสวรรค์บุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางเจิ้งถูกนําตัวมาโดยฟงจิวเก้อ

นั่นทําให้เขากลับมายังภาคกลาง

“หากข้าจําไม่ผิด นี่คือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด?” ฟางเจิ้งมองผู้อมตะที่อยู่ตรงหน้าและเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน “พวกเจ้าต้องการให้ข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดและกลายเป็นปีศาจอมตะเพื่อจัดการฟางหยวน นี่คือการตัดสินใจของฝ่ายธรรมะงั้นหรือ?”

ผู้อมตะระดับหกของนิกายกระเรียนอมตะฟานซื่อหลิวขมวดคิ้วเล็กน้อยและหัวเราะเบาๆ “ไม่ว่าจะเป็นพลังชนิดใด หากเจ้าใช้มันในทางที่ถูก เจ้าก็คือฝ่ายธรรมะ หากเจ้าใช้มันในทางที่ผิด เจ้าก็คือปีศาจ ดูข้าเป็นตัวอย่าง ข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพิษแต่ข้ายังสามารถช่วยเหลือผู้คนมากมาย เจ้าสามารถทําเช่นเดียวกันกับเส้นทางแห่งเลือด”

ฟางเจิ้งส่ายศีรษะ “การบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดของข้ามีไว้เพื่อกําจัดฟางหยวนเท่านั้น หลังจากทั้งหมดเราเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด!”

แม้ฟางหยวนจะมีร่างทารกอมตะแต่ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขายังมีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับฟางเลิ้ง

ฟานซื่อหลิวพยักหน้า “เป็นเช่นนั้นจริงๆ เจ้าไม่ต้องการแก้แค้นแล้วงั้นหรือ? ท้ายที่สุดเขาก็ทําลายหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลของเจ้า”

ฟางเจิ้งถอนหายใจ แม้ใบหน้าของเขาจะดูอ่อนเยาว์แต่สายตาของเขาเผยให้เห็นถึงความผันผวนของชีวิต

“หลายปีผ่านไป กล่าวตามตรงข้ายังเกลียดเขาแต่ข้าก็เข้าใจเขาแล้ว”

“เมื่อข้ายังเด็ก ข้าไร้เดียงสาและโง่เขลา ฟางหยวนดูแลข้าเป็นอย่างดี ในทางตรงข้าม ลุงกับป้าปฏิบัติกับข้าเหมือนตัวประกันและพยายามใช้ประโยชน์จากข้า ข้าควรแก้แค้นคนเช่นนี้ แต่ข้าก็ไม่ต้องการทําเช่นนั้น”

“แน่นอนว่าผู้นําตระกูลแสงจันทร์อ โป้ดูแลข้าอย่างดีเช่นกัน พวกเขามีความตั้งใจจริงที่จะเลี้ยงดูข้าให้เติบโตขึ้น ข้าเต็มใจที่จะแก้แค้นให้กับพวกเขา”

“แต่ตอนนี้ข้าเหนื่อยแล้ว…เห้อ.วัฏจักรของการเข่นฆ่ายังดําเนินต่อไปอย่างไม่รู้สิ้นสุด ตอนนี้ข้าไม่ต้องการแก้แค้นอีกต่อไป”

การแสดงออกของฟานซื่อหลิวไม่เปลี่ยน เขากล่าว “ดูเหมือนหลายปีที่ผ่านมาเจ้าจะมีประสบการณ์มากมาย”

ฟางเจิ้งมองเขาและเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน “กล่าวไปแล้วเมื่อข้าต้องการแก้แค้น นิกายกระเรียนอมตะไม่สนับสนุนข้าและต้องการกําจัดข้า แต่เมื่อข้าต้องการเลิกแก้แค้น พวกเจ้ากลับต้องการให้ข้าแก้แค้น”

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ สายตาของฟางเลิ้งก็เปลี่ยนเป็นมืดครื้ม “ข้ารู้ว่าข้าไม่มีทางเลือก ข้าทําได้เพียงต้องยอมรับสิ่งนี้เท่านั้น”

ดวงตาของฟานซื่อหลิวเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ เขาต้องประเมินฟางเจิ้งใหม่ อีกครั้ง “เป็นเรื่องที่ดีที่เราสามารถพูดคุยได้อย่างเปิดเผย”

“มันสําคัญงั้นหรือ? ข้ารู้ว่าด้วยวิธีการของพวกเจ้า ข้าไม่สามารถซ่อนความคิดใดๆจากพวกเจ้าได้เลย ถูกต้องหรือไม่?” ฟางเจิ้งหยุดก่อนกล่าวต่อ “ชื่อของวิญญาณดวงนี้คือ?”

“เลือดล้างเลือด”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท