เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1644 ปราณครอบครัวใหญ่

บทที่ 1644 ปราณครอบครัวใหญ่

บทที่ 1644 ปราณครอบครัวใหญ่

ถ้ำสวรรค์ทะเลปราณ

“มา!” ร่างหลักของฟางหยวนตะโกนขณะที่นิ้วทั้งห้าของเขาคว้าจับทะเลปราณที่อยู่ตรงหน้า

ปราณสีทองที่ส่องประกายและดูมีชีวิตชีวาบินออกมาจากทะเลปราณ

นี่คือปราณแห่งโชค

ทะเลปราณมีปราณทุกประเภท ปราณแห่งโชคเป็นหนึ่งในพลังปราณที่หายากมากทั้งในห้าภูมิภาคและสองสวรรค์ ผู้อมตะที่สามารถครอบครองมันถือว่าโชคดีมาก

ฟางหยวนกําลังรื้อถอนท่าไม้ตายอมตะทะเลปราณไร้ขอบเขต

ท่าไม้ตายนี้เป็นไพ่ตายของฉีเซียง มันคล้ายกับท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปหรือเกราะหวนคืนของฟางหยวน ท่าไม้ตายอมตะทะเลปราณไร้ขอบเขตยังถือเป็นทรัพยากรอมตะชนิดหนึ่ง มันเป็นการรวมตัวของพลังปราณหลากหลายชนิด

ยิ่งมีพลังปราณมากเท่าใด ท่าไม้ตายอมตะทะเลปราณไร้ขอบเขตก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปพลังปราณเหล่านี้จะค่อยๆสลายไปตามธรรมชาติ

ท่าไม้ตายอมตะทะเลปราณไร้ขอบเขตก่อนหน้านี้ไม่ได้อยู่บนจุดสูงสุดของมัน

นี่เป็นวันที่ห้าแล้วหลังจากฟางหยวนยึดครองถ้ำสวรรค์ทะเลปราณ เขาพักผ่อนอยู่ที่นี่และเก็บเกี่ยวทรัพยากรทั้งหมด เขายังทําข้อตกลงทาสกับสามผู้อมตะตระกูลฉี ฉีฟา ฉีไค และฉีปิงซู ทรัพยากรที่สามารถเคลื่อนย้ายถูกนําเข้าสู่มิติช่องว่างจักรพรรดิโดยอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆ ขณะที่ฟางหยวนยุ่งอยู่กับท่าไม้ตายอมตะทะเลปราณไร้ขอบเขต

นี้เป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ ฟางหยวนไม่สามารถใช้งานมัน แต่พลังปราณจํานวนมหาศาลถือเป็นสมบัติล้ำค่า นอกจากนั้นเขายังได้รับวิญญาณจํานวนมาก

“ข้าต้องใช้เวลาอีกสามวันในการสกัดปราณทั้งหมดออกมา”

“หลังจากนั้นข้าจะปรับแต่งวิญญาณอมตะเหล่านี้

ฟางหยวนวางแผน

มีวิญญาณระดับมนุษย์มากมายแต่ฟางหยวนไม่สนใจพวกมัน

สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงวิญญาณอมตะ

มีวิญญาณอมตะหกดวงที่เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายนี้ หนึ่งในนั้นคือวิญญาณอมตะปราณใหญ่ระดับแปด

ส่วนที่เหลือเป็นวิญญาณอมตะระดับหกและระดับเจ็ด ท่ามกลางพวกมัน วิญญาณอมตะที่ฟางหยวนให้ความสนใจมากที่สุดคือวิญญาณอมตะระดับเจ็ดที่เรียกว่าปราณครอบครัวใหญ่

วิญญาณอมตะดวงนี้สามารถเก็บสะสมพลังปราณทุกชนิดรวมถึงปราณสวรรค์พิภพ!

ฟางหยวนเคยใช้วิญญาณศูนย์รวมพลังปราณระดับมนุษย์เก็บปราณสวรรค์พิภพเพื่อก้าวข้ามภัยพิบัติมาก่อน ในฐานะวิญญาณอมตะ วิญญาณอมตะปราณครอบครัวใหญ่ย่อมมีความสามารถที่เหนือกว่าอย่างมากในแง่นี้

“ด้วยวิญญาณอมตะดวงนี้ ข้าจะสามารถเก็บและปล่อยปราณสวรรค์พิภพ นี่เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการจัดการภัยพิบัติ

“หากภัยพิบัติแข็งแกร่งเกินไป ข้าสามารถใช้วิญญาณอมตะดวงนี้ดูดซับปราณสวรรค์พิภพและทําให้ภัยพิบัติอ่อนแอลง หากภัยพิบัติอ่อนแอเกินไป ข้าสามารถปล่อยปราณสวรรค์พิภพออกมาและทําให้ภัยพิบัติแข็งแกร่งขึ้น นั่นจะทําให้ข้าได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋มากขึ้น”

“ข้ายังสามารถใช้วิญญาณอมตะดวงนี้ดูดซับปราณสวรรค์พิภพจากภายนอกมาเก็บไว้ เมื่อมิติช่องว่างของข้าต้องการ ข้าสามารถปล่อยปราณสวรรค์พิภพออกมา ด้วยวิธีนี้ข้าก็ไม่จําเป็นต้องวางมิติช่องว่างลงเพื่อดูดซับปราณสวรรค์พิภพอีกต่อไป”

สถานการณ์ที่แตกต่างต้องแก้ไขด้วยวิธีที่แตกต่าง

วิญญาณอมตะระดับสูงกว่าไม่จําเป็นต้องมีประโยชน์มากกว่า ตัวอย่างเช่นวิญญาณอมตะปราณครอบครัวใหญ่ระดับเจ็ดที่มีประโยชน์ต่อฟางหยวนมากกว่าวิญญาณอมตะปราณใหญ่ระดับแปด

การปรับแต่งวิญญาณอมตะเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาสําหรับฟางหยวน เรื่องนี้ต้องขอบคุณความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุดและความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมระดับปรมาจารย์เอกตลอดไปถึงท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณและอื่นๆ

ไม่กี่วันต่อมาฟางหยวนี้สามารถดูดซับพลังปราณทั้งหมดและเก็บพวกมันไว้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน พลังปราณที่ฟางหยวนไม่สามารถเก็บไว้ถูกวางขายในสวรรค์สีเหลือง

นอกจากพลังปราณยังมีทรัพยากรบางส่วนจากถ้ำสวรรค์ทะเลปราณและถ้ำสวรรค์ห้าเซียงที่ถูกขายออกไปเพื่อแลกกับทรัพยากรที่เขาต้องการ

โดยปกติเขาจะแลกเปลี่ยนสินค้ากับสินค้า

หลังจากก้าวเข้าสู่ระดับแปด ฟางหยวนต้องใช้ลิ้นจี่ขาวอมตะ

ลิ้นจี่ขาวอมตะหนึ่งผลเท่ากับลูกพลัมแดงอมตะหนึ่งร้อยผลหรือคิดเป็นองุ่นเขียวอมตะหนึ่งหมื่นผล

กล่าวคือเขาต้องใช้หินวิญญาณอมตะหนึ่งหมื่นก้อนเพื่อเปลี่ยนเป็นลิ้นจี่ขาวอมตะหนึ่งผล นี่เป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเกินไป

ดังนั้นผู้อมตะระดับแปดจึงใช้วิธีผลิตลิ้นจี่ขาวอมตะขึ้นมาด้วยตนเองและเก็บเอาไว้

มิติช่องว่างจักรพรรดิสามารถผลิตลิ้นจี่ขาวอมตะได้อย่างรวดเร็ว เขาไม่จําเป็นต้องพึ่งพาหินวิญญาณอมตะโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้นทุนสูงแต่ประสิทธิภาพต่ำ

ฟางหยวนกําลังแลกเปลี่ยนทรัพยากรขณะที่อิงอู๋เซี่ยลอบมาพบเขา

อิงอู๋เชี่ยไม่ได้อยู่ในร่างของผู้อมตะหญิงอีกต่อไปแต่เขาอยู่ในร่างของผู้อมตะตระกูลหยางของภาคใต้เนื่องจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่สอดคล้องกัน แต่ในการต่อสู้ฟางหยวนจะสร้างกายาแห่งความฝันเพื่อให้อิงอู๋เซี่ยใช้งาน

อิงอู๋เซี่ยกล่าวอย่างระมัดระวัง “ท่านผู้นํา ท่านกดขี่สามผู้อมตะตระกูลฉีเรียบร้อยแล้วและส่งพวกเขาออกไป นั่นเป็นวิธีที่ดี แต่เหตุใดท่านไม่ทําเช่นเดียวกันกับไป่หนิงปิง? แม้นางจะมีประโยชน์ต่อท่านในเวลานี้ มันก็เป็นเพียงเรื่องชั่วคราว หากกลืนกินนาง ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งและหิมะของท่านจะพุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ไป่หนิงปิงยังมีท่าไม้ตายอมตะไป่เซียง ที่ทรงพลัง แม้ไป่หนิงปิงจะเข้าร่วมกับนิกายเงา แต่ข้อตกลงพันธมิตรสามารถทําลายได้อย่างง่ายดาย ข้าอาจคิดมากเกินไป แต่ดูเหมือนท่านค่อนข้าง…ผ่อนปรนต่อไป่หนิงปิง”

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มและส่ายศีรษะ

“นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่เข้าใจนาง”

“นางเป็นคนที่ไม่เกรงกลัวต่อความตาย นางยอมตายดีกว่ายอมจํานน

“แม้ข้าจะมีวิธีรักษาวิญญาณอมตะส่วนใหญ่ของนาง แต่มันจะมีประโยชน์ใด?”

“ตอนนี้ข้าต้องการกําลังคนเพื่อหยุดยั้งวังสวรรค์ ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเจ้า ในปัจจุบันไม่มีผู้ใดสามารถช่วยข้าในเรื่องนี้”

“ไป่หนิงปิงมีท่าไม้ตายอมตะไป่เซียง นางมีประโยชน์

“ด้วยตัวตนและสถานการณ์ของนาง นางไม่สามารถหันไปหาวังสวรรค์ ในเวลาเดียวกันนางก็ต้องการวิญญาณอมตะกงล้อหยินหยางเพื่อฟื้นฟูร่างบุรุษของนาง”

“พวกเราไร้ประโยชน์เกินไป” อิงอู๋เชี่ยก้มศีรษะลง

ฟางหยวนหัวเราะ “ข้าเข้าใจเจตนาของเจ้า ข้าจะดูแลและเพิ่มพลังการต่อสู้ให้กับพวกเจ้า”

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนยังเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด เขาต้องให้ความสําคัญกับตนเองเป็นอันดับแรก แต่หลังจากก้าวเข้าสู่ระดับแปด เขาต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอิงอู๋เซี่ย และคนอื่นๆ

ในฐานะผู้อมตะระดับแปด แม้เขาจะอ่อนแอกว่าวังสวรรค์ แต่ผู้อมตะทั่วไปไม่สามารถสร้างปัญหาให้เขาอีกต่อไป ตราบเท่าที่เขาไม่เข้าไปในสายธารแห่งกาลเวลา เขาจะปลอดภัย

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงมีเวลาเสริมกําลังให้กับคนอื่นๆอย่างใจเย็น

เขารู้สึกว่าคนเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อเขาในอนาคต

นอกจากนั้นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องยาก ฟางหยวนสามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อเร่งความเร็วในมิติช่องว่างของทุกคน แม้พวกเขาจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่รุนแรง ฟางหยวนก็ยังสามารถให้ความช่วยเหลือ

อิงอู๋เชี่ยรู้สึกมีความสุขเมื่อได้รับคําสัญญาจากฟางหยวน

หลังจากนั้นฟางหยวนก็เรียกไห่ลั่วหลันเข้าพบ

“ข้าจะให้เจ้าดูบางสิ่ง” ฟางหยวนนําไห่เจิ้งออกมา

ดวงตาของไหลั่วหลันเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงก่อนจะเปลี่ยนเป็นความโกรธและต้องการฉีกร่างไห่เจิ้งออกเป็นชิ้นๆทันที

แม้ไม่เจิ้งจะเป็นบิดาของนาง แต่พวกเขามีความเกลียดชังที่ฝังรากลึก

ไหลั่วหลันมองฟางหยวนที่เก็บไห่เจิ้งกลับเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิและกัดฟันกล่าว “ดังนั้นไห่เจิ้งก็อยู่ในมือเจ้ามาตลอด เจ้าต้องการรับเขาเข้าสู่นิกายเงางั้นหรือ?”

ฟางหยวนหัวเราะ “อย่ากังวล หากเปรียบเทียบ เจ้ามีคุณค่ามากกว่า ตราบเท่าที่เจ้าฝึกฝนอย่างหนักและมีผลงานบางอย่าง วันหนึ่งเจ้าจะสามารถแก้แค้นได้อย่างแน่นอน”

“ข้าเข้าใจแล้ว” ไป่หลั่วหลันมองฟางหยวนด้วยความรู้สึกหมดหนทาง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท