เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1645 วิญญาณกาลเวลาระดับเจ็ด

บทที่ 1645 วิญญาณกาลเวลาระดับเจ็ด

บทที่ 1645 วิญญาณกาลเวลาระดับเจ็ด

มิติช่องว่างจักรพรรดิ

การหลอมรวมวิญญาณมาถึงจุดสําคัญ

จักจั่นไม้แห่งกาลเวลาลอยอยู่กลางอากาศห่างจากพื้นประมาณหนึ่งเมตรครึ่ง

ฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนจะใช้ท่าไม้ตายอมตะที่เตรียมไว้นานแล้ว

ทันใดนั้นสายลมพลันกรรโชกแรง เมฆสีดําลอยเข้ามาปกคลุมท้องฟ้า

เสียงโหยหวนของภูตผีดังขึ้นก่อนที่มือสีดําจะโผล่ขึ้นมาจากดินสีขาวซีดและจับจักจั่นไม้แห่งกาลเวลาเอาไว้

มือสีดําราวกับหยิบของบางอย่างออกมาจากจักจั่นไม้แห่งกาลเวลาก่อนจะล่าถอยออกไป

มีอภูตผีนับร้อยโผล่ขึ้นมาและนําสิ่งสกปรกออกจากร่างกายของจักจั่นไม้แห่งกาลเวลาอย่างต่อเนื่อง

จั๊กจั่นไม้แห่งกาลเวลาหดตัวลงแต่ผิวของมันกลับแสงประกายมากขึ้น

เมื่อเห็นสิ่งนี้ฟางหยวนรู้สึกพอใจมาก

นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะที่เขาคิดค้นขึ้นโดยใช้วิญญาณอมตะป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดเป็นแกนกลาง

สองสามครั้งก่อนหน้าการหลอมรวมวิญญาณกาลเวลาของข้าพบปัญหาที่จุดนี้ แต่ด้วยท่าไม้ตายนี้ข้าสามารถกําจัดสิ่งสกปรกออกไป อย่างไรก็ตามยังมีปัญหาอื่นที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง”

สายลมหยุดพัด มีอภูตผีหายไป

หลังจากนั้นฟางหยวนก็นําบอลเพลิงออกมา

นี่คือเพลิงระดับแปด บทเพลงหงสา ชั้นนอกของมันเป็นเพลิงสีเหลืองขณะที่ชั้นในเป็นเพลิงสีแดงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของวิหคเพลิง มันบินไปรอบๆและส่งเสียงที่ไพเราะออกมา

“ไป!” ฟางหยวนตะโกนและโยนเพลิงบทเพลงหงสาเข้าไป

ร่างของจักจั่นไม้แห่งกาลเวลาลุกไหม้ขึ้นขณะที่เสียงกรีดร้องของวิหคเพลิงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ฟางหยวนกลั้นหายใจขณะจ้องมองจักจั่นไม้แห่งกาลเวลาอย่างไม่ละสายตา

ร่องรอยของปราณภูตผีที่ถูกทิ้งไว้บนร่างของจักจั่นไม้แห่งกาลเวลาถูกทําลายโดยเปลวเพลิงบทเพลงหงสา

นี่เป็นขั้นตอนที่ยากลําบาก มันต้องใช้ความแม่นยําที่สูงมาก แต่ฟางหยวนมีความเยือกเย็นและความอดทนที่เพียงพอ เขารอกระทั่งปราณภูตผีถูกทําลายจนหมดก่อนที่เขาจะใช้วิธีต่อไป

เสียงคํารามของมังกรดังขึ้น พายุหิมะร่างมังกรพุ่งเข้าปะทะจักจั่นไม้แห่งกาลเวลา

เพลิงบทเพลงหงสาพยายามต่อต้าน แต่ภายใต้การควบคุมของฟางหยวน มังกรพายุหิมะสามารถกําหราบมัน แต่เพลิงบทเพลงหงสายังดื้อรั้นมาก ฟางหยวนต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงก่อนจะสามารถกําจัดมันออกไป

ในเวลาเดียวกันมังกรพายุหิมะก็กลายเป็นชั้นน้ำแข็งผนึกจักจั่นไม้แห่งกาลเวลาเอาไว้ภายใน

ปัจจุบันจักจั่นไม้แห่งกาลเวลามีขนาดเล็กมาก

ฟางหยวนหยิบจักจั่นไม้ที่ถูกแช่แข็งออกมาอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นเขาก็พ่นลมหายใจอุ่นๆออกมาละลายชั้นน้ำแข็งและปลดผนึกให้กับจักจั่นไม้แห่งกาลเวลา

ฟางหยวนใช้มือบีบร่างไม้ของจักจั่นไม้แห่งกาลเวลา

“ผัวะ!”

พื้นผิวของจั๊กจั่นไม้แห่งกาลเวลาแตกออกขณะที่จักจั่นไม้แห่งกาลเวลาตัวใหม่บินออกมาจากเปลือก

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายอย่างมีความสุข

“มันไม่ง่ายเลย!”

“หลังจากล้มเหลวหลายครั้ง ในที่สุดข้าก็ประสบความสําเร็จในการหลอมรวมวิญญาณกาลเวลาระดับเจ็ด!”

ครั้งนี้ฟางหยวนใช้วิธีการใหม่เกือบทั้งหมด ท่าไม้ตายอมตะมือภูตผีถูกสร้างขึ้นโดยการสานวิญญาณอมตะป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดเข้าไปในท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณ แม้วิธีนี้จะมีประสิทธิภาพ แต่มันจะทิ้งปราณภูตผีเอาไว้เบื้องหลัง ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องใช้เพลิงบทเพลงหงสาระดับแปดเพื่อกําจัดปราณภูตผีที่ตกค้าง สุดท้ายเขายังต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะมังกรพายุหิมะที่พัฒนามาจากท่าไม้ตายอสรพิษที่หลับใหล

ด้วยเหตุผลทั้งหมด การทํางานหนักของเขาจึงได้รับผลตอบแทนในที่สุด ฟางหยวนประสบความสําเร็จในการยกระดับวิญญาณกาลเวลา!

“ด้วยวิญญาณกาลเวลาระดับเจ็ดและความสําเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาระดับปรมาจารย์เอก ข้าสามารถใช้วิญาณกาลเวลาเป็นแกนกลางเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะและหลบหนีจากกับดักของวังสวรรค์!”

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

ครั้งล่าสุดเมื่อเขาเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา เขาถูกวังสวรรค์ซุ่มโจมตีเพราะวิธีล่อลวงวิญญาณกาลเวลา

ย้อนกลับไปวิญญาณกาลเวลาเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหก แต่ตอนนี้มันเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด หากเขามีท่าไม้ตายอมตะ แม้วังสวรรค์จะมีท่าไม้ตายอมตะระดับแปดที่สามารถหลอกลวงวิญญาณกาลเวลา พวกเขาก็จะไม่ประสบความสําเร็จโดยง่าย

กรณีที่ดีที่สุดคือใช้วิญญาณกาลเวลาระดับเจ็ดเป็นแกนกลางและหนุนเสริมด้วยวิญญาณฤดูใบไม้ผลิระดับแปดเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะระดับแปด ด้วยวิธีนี้ข้าก็ไม่จําเป็นต้องกลัวกับดักของวังสวรรค์และยังสามารถขยายขอบเขตของการค้นหาเกาะบัวหินอีกด้วย

แน่นอนว่าวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดคือการหลอมรวมวิญญาณกาลเวลาระดับแปด

แต่นั่นเป็นเรื่องยากเกินไป

ปัจจุบันฟางหยวนไม่สามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปด

แม้เขาจะมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่สูงมาก แต่รากฐานของเขาก็จะสั่นคลอน

นอกจากนั้นเขายังขาดเงินทุน ย้อนกลับไปปีศาจอมตะเซี่ยหูยังต้องใช้ความมั่งคั่งทั้งหมดของเขาเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ระดับแปด

แม้ฟางหยวนจะได้รับความมั่งคั่งจากการรีดไถฝ่ายธรรมะของภาคใต้รวมถึงการปล้นสะดมถ้ำสวรรค์ห้าเซียงและถ้ำสวรรค์ทะเลปราณ แต่เขาก็สูญเสียคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์ นอกจากนั้นเขายังมีเรื่องอื่นที่ต้องให้ความสําคัญ

จุดอ่อนเดียวในเวลานี้ของเขาคือลูกน้องที่อ่อนแอ

หากไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ดรวมกับสามทาสอมตะตระกูลฉี ฟางหยวนจะสามารถแข่งขันกับกองกําลังใหญ่ แม้เขาจะยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับตระกูลวูของภาคใต้หรือตระกูลฟางของทะเลทรายตะวันตก แต่กองกําลังของเขาก็ยังเท่าเทียมกับกองกําลังใหญ่ทั่วไปและยังเหนือกว่าเผ่าชูของชู

“ข้าต้องมอบทรัพยากรอมตะระดับหกและระดับเจ็ดให้อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆ

“นอกจากเลี้ยงดูพวกเขา ข้ายังต้องยกระดับวิญญาณอมตะดวงอื่นๆ

วิญญาณอมตะส่วนใหญ่ของฟางหยวนยังเป็นวิญญาณอมตะระดับหก

ตัวอย่างเช่นวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง วิญญาณอมตะยกภูเขา วิญญาณอมตะดึงแม่น้ำ วิญญาณอมตะคลี่คลายปริศนา วิญญาณอมตะโชคอีสุนัข วิญญาณอมตะตรวจสอบโชค วิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชค และอื่นๆ

สิ่งสําคัญที่สุดสําหรับตอนนี้คือวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้า วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า และวิญญาณอมตะวัน

หากเขาสามารถยกระดับวิญญาณอมตะทั้งสามดวง พลังการต่อสู้บนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขาจะพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก

ความสนใจในปัจจุบันของฟางหยวนอยู่ที่เส้นทางแห่งกาลเวลา

แม้เส้นทางแห่งดาบ เส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เส้นทางแห่งปัญญา และเส้นทางสายอื่นๆจะมีช่องว่างสําหรับการพัฒนา แต่การต่อสู้ในสายธารแห่งกาลเวลาต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเท่านั้น

น่าเสียดายที่นิกายหลางหยาถูกถ้ำสวรรค์นิรันดรยึดครอง ข้ายังต้องการให้พวกเขาช่วยหลอมรวมวิญญาณอมตะอีกมาก หากผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนช่วยข้าหลอมรวมวิญญาณ ข้าจะสามารถประหยัดเวลาและพลังงานไปได้มาก

ฟางหยวนรู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้

เขาเคยใช้งานนิกายหลางหยาอย่างสะดวกสบาย แต่ตอนนี้มันจากไปแล้ว เขาต้องทํางานหนักและทุ่มเทความพยายามด้วยตนเอง แม้มันจะไม่ใช่ปัญหาสําหรับเขา แต่เขาก็ต้องใช้เวลาค่อนข้างมากกับมัน

“ปัญหาของการหลอมรวมวิญญาณมีเพียงอัตราความสําเร็จ

การหลอมรวมวิญญาณอมตะมีโอกาสประสบความสําเร็จค่อนข้างต่ำ ยิ่งระดับสูงโอกาสล้ม เหลวก็ยิ่งมาก

ฟางหยวนต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเจ็ด มันจะยิ่งยากกว่าการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับหก

หากเขาล้มเหลว วิญญาณอมตะระดับหกอาจถูกทําลาย ในกรณีนี้เขาต้องเริ่มต้นหลอมรวมวิญญาณระดับหกใหม่อีกครั้งก่อนจะสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเจ็ด หากวิญญาณอมตะถูกหลอมรวมโดยผู้อื่นไปแล้ว มันจะเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์และนั่นจะเป็นความสูญเสียที่แท้จริง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท