เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1647 ร่วมมือปราบปราม

บทที่ 1647 ร่วมมือปราบปราม

บทที่ 1647 ร่วมมือปราบปราม

แดนศักดิ์สิทธิ์ฟางเจิ้ง

มันเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบแต่มีเทือกเขาสูงเรียงรายอยู่ในระยะไกล

ความสนใจของฟางเจิ้งอยู่ที่หุบเขาแห่งหนึ่ง มันเป็นหุบเขาที่เต็มไปด้วยหินสีเลือด หากสังเกตอย่างถี่พ้วนหุบเขาเหล่านี้เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้สีเลือด

ต้นไม้เหล่านี้มีดอกและมีผลไม้ขนาดเท่ากําปั้นของเด็กทารก เมื่อเวลาผ่านไปผลไม้สีเลือดจะระเบิดและกลายเป็นดอกไม้สีเลือดขนาดใหญ่

ดอกไม้โลหิตเหล่านี้เป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งเลือด ในโลกภายนอกพวกมันเป็นสิ่งต้องห้ามที่ไม่สามารถเพาะปลูก

แต่ต้นไม้เหล่านี้ถูกจัดเตรียมให้ฟางเจิ้งโดยนิกายกระเรียนอมตะ

นี่เป็นกลอุบายของฝ่ายธรรมะ ฟางเจิ้งคุ้นเคยกับมันแล้ว เขาไม่แปลกใจ

ในห้าภูมิภาคเส้นทางแห่งเลือดไม่ได้รับการยอมรับให้คงอยู่ ผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งเลือดจะถูกกล่าวหาว่าเป็นปีศาจร้ายและจะถูกกําจัดโดยฝ่ายธรรมะ แต่น่าขันที่ฝ่ายธรรมะกลับเป็นผู้ค้นคว้าและครอบครองทุกสิ่งเกี่ยวกับเส้นทางแห่งเลือดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

“ต้นบุปผาโลหิตเป็นทรัพยากรระดับมนุษย์ แต่ตราบเท่าที่จํานวนของมันเพิ่มขึ้น พวกมันจะมีค่าเทียบเท่ากับทรัพยากรอมตะ นี่เป็นข้อได้เปรียบของเส้นทางแห่งเลือด”

“ต้นบุปผาโลหิตเป็นแหล่งทรัพยากรอมตะของข้า”

“ตอนนี้ข้ามีวิญญาณอมตะเลือดเย็นระดับหกและวิญญาณอมตะเลือดล้างเลือดระดับหก แต่ข้ายังต้องการวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งเลือดเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะ”

ฟางเจิ้งตระหนักว่าสิ่งสําคัญของเขาในเวลานี้คือการหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งเลือดเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะที่ฟานซื่อหลิวมอบให้

เนื่องจากเขาพึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ เขาจึงต้องการเวลาในการพัฒนา

หลังจากตรวจสอบมิติช่องว่าง ฟางเจิ้งก็กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง

ความสุขจากความสําเร็จของเขาค่อยๆจางหายไปและถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกกดดัน

“ฟางหยวน” ฟางเจิ้งไม่สามารถห้ามตัวเองให้คิดถึงพี่ชายของเขา

หลายวันที่ผ่านมาไม่เพียงเขาจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะแต่เขายังได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับฟางหยวนจากฟานซื่อหลิว แน่นอนว่าข้อมูลดังกล่าวมาจากวังสวรรค์

ฟางเจิ้งเรียนรู้สถานการณ์ของฟางหยวนและตระหนักว่าฝ่ายหลังยังไม่ได้ตาย แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือเขาไม่รู้สึกโกรธที่โดนหลอก

ตรงข้าม ยิ่งเขาเรียนรู้เท่าใด เขาก็ยิ่งรู้สึกโศกเศร้าเท่านั้น

“ปรากฏว่าข้าไม่เคยเข้าใจเจ้าอย่างแท้จริง…ฟางหยวน…”

“ปีศาจต่างโลกวิญญาณกาลเวลา….การบ่มเพาะระดับแปด…”

ยิ่งเขารู้มากเท่าใด เขาก็ยิ่งรู้สึกถึงความอ่อนแอของตนเองและความน่ากลัวของฟางหยวนมากเท่านั้น

เมื่อคิดว่าตนเองต้องเผชิญหน้ากับคนเช่นนี้ในอนาคต เขารู้สึกหดหูและสิ้นหวังเล็กน้อย

เขาเผชิญหน้ากับความสิ้นหวังในหัวใจแต่เขาไม่ปฏิเสธหรือพยายามหลีกเลี่ยง

มนุษย์มักกล่าวว่าเด็กไม่มีความกลัว เมื่อเด็กไม่กลัว พวกเขาจึงมีแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ แต่หลังจากคนผู้หนึ่งผ่านประสบการณ์มากมาย พวกเขาจะเรียนรู้เกี่ยวกับความน่ากลัวของสิ่งต่างๆ เสือกินคน กรงเล็บเสือทําร้ายคน ความแข็งแกร่งของตนเองไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างที่คิด

จินตนาการเป็นสิ่งมหัศจรรย์ แต่หลังจากเผชิญหน้ากับความเป็นจริง ผู้คนจะรู้สึกเจ็บปวด เข้าใจโลก และเข้าใจตนเอง

“เมื่อข้าเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า ข้าเข้าสู่สงครามระหว่างมนุษย์ขนในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ข้าใช้ชีวิตพเนจรไปรอบๆอย่างยากลําบาก

แต่ตอนนี้ในฐานะผู้อมตะ ข้าติดอยู่ระหว่างฟางหยวนกับวังสวรรค์ ข้ากลายเป็นตัวหมากเบี้ย แม้ความแข็งแกร่งของข้าจะเพิ่มขึ้น แต่อิสรภาพของข้าลดน้อยลง ตอนนี้ข้าเผชิญหน้ากับอันตรายร้ายแรง ข้าอาจตายได้ทุกเมื่อ

ฟางเจิ้งเผยรอยยิ้มขมขื่นให้กับตนเอง

กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าวังสวรรค์ให้ความสําคัญกับเขามากเพียงใด

ในไม่ช้าเขาก็นึกถึงจ้าวเหลียนหยุน

ก่อนหน้านี้นางนําของขวัญมาแสดงความยินดีกับเขา นี่เป็นประเพณีของทั้งห้าภูมิภาค เมื่อใดก็ตามที่ผู้ใช้วิญญาณกลายเป็นผู้อมตะ สหายและครอบครัวของพวกเขาจะส่งของขวัญมาให้

ของขวัญส่วนใหญ่ที่ฟางเพิ่งได้รับมาจากนิกายกระเรียนอมตะ

จากข้อมูลที่ได้รับจากนิกายกระเรียนอมตะ มันทําให้ฟางเจิ้งเข้าใจสถานการณ์ของจ้าวเหลี่ยนหยุน

“จ้าวเหลียนหยุน เจ้าเป็นปีศาจต่างโลกเช่นกัน แม้จะไม่สมบูรณ์ก็ตาม

“เจ้าตั้งใจมาหาข้า เจ้าคงต้องการร่วมมือกับข้าเพื่อจัดการฟางหยวน

ของขวัญและจดหมายของจ้าวเหลียนหยุนแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาดีของนาง แต่นางไม่ได้กล่าวความต้องการของนางออกมาโดยตรง อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งสามารถคาดเดาเจตนาที่แท้จริงของนาง

จ้าวเหลียนหยุนมอบวิธีเพาะปลูกพืชบนเส้นทางแห่งเลือดให้กับฟางเจิ้ง

“ในการบ่มเพาะของผู้อมตะ นอกจากพลังการต่อสู้ การจัดการมิติช่องว่างถือเป็นสิ่งสําคัญที่สุด ทั้งสองจะสนับสนุนซึ่งกันและกัน หากปราศจากพลังการต่อสู้ ไม่ว่าพัฒนามิติช่องว่างได้ดีเพียงใด คนผู้นั้นก็ยังจะถูกรังแก พวกเขาต้องส่งมอบทรัพยากรให้กับผู้อื่น ในทางตรงข้ามหากขาดรากฐานที่ดี พวกเขาก็เหมือนเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงได้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนที่เชื้อเพลิงจะหมดลง พวกเขาจะจบลงด้วยการกลายเป็นควันและกระจายหายไป

ฟางเจิ้งคิดต่อ นอกจากนี้คําอธิบายของนางเกี่ยวกับภัยพิบัติที่มีประโยชน์ต่อข้าเช่นกัน จ้าวเหลียนหยุนแสดงความจริงใจต่อข้าเป็นอย่างมาก น่าเสียดายที่นิกายกระเรียนอมตะไม่อนุญาตให้เราพบกัน น่าเสียดายจริงๆ เจ้าคิดเช่นนั้นหรือไม่ฟางหยวน?”

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ สายตาของฟางเจิ้งกลายเป็นพร่าเลือน

ในช่วงวัยเยาว์ เขาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับอาจารย์ของเขาจักรพรรดิกระเรียนสวรรค์ ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเจตจํานงของฟางหยวน แต่ตอนนี้ที่ภาคกลางเขาอยู่เพียงลําพัง

ฟางเจิ้งเคยชินกับการอยู่ร่วมกับฟางหยวนโดยไม่รู้ตัว

“ไม่มีเจ้า ข้าไม่ชิน ฟางเจิ้งส่ายศีรษะและเผยรอยยิ้มขมขืน ความรู้สึกอ้างว้างที่ยากจะอธิบายแทรกซึมอยู่ในหัวใจของเขาวังสวรรค์

เทพธิดาอเว่ยเผยรอยยิ้มมีความสุข “ฟางเจิ้งกลายเป็นผู้อมตะแต่เขายังต้องยกระดับการบ่มเพาะเพื่อเป็นเครื่องมือต่อต้านฟางหยวน”

นอกจากฟางเจิ้ง เทพธิดาจื่อเว่ยยังตระหนักถึงความตั้งใจของจ้าวเหลียนหยุน แม้หม่าหงหยุนจะเสียชีวิต แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่กับฟางหยวน

เทพธิดาจื่อเว่ยขมวดคิ้ว “ปัญหาที่แท้จริงยังเป็นตัวของฟางหยวน”

ตั้งแต่การต่อสู้ในสายธารแห่งกาลเวลาคราวก่อน ฟางหยวนก็หายตัวไป

เทพธิดาจอเว่ยต้องการให้ฟางหยวนค้นหาทรัพยากรเพราะเขาจะทิ้งร่องรอยบางอย่างเอาไว้ในกรณีนั้นนางจะสามารถอนุมานสิ่งที่มีประโยชน์และหาวิธีทําลายการป้องกันการอนุมานของเขา

ในมุมมองของเทพธิดาจื่อเว่ย ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์มาก แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือทักษะในการจัดการเรื่องต่างๆของเขา ทุกครั้งที่เขาเก็บตัว เขาจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก ความเร็วในการเติบโตของเขาน่าตกใจเกินไป

นี่เป็นผลมาจากความสามารถในการจัดการของเขา

“ตอนนี้เทพปีศาจจิตวิญญาณค่อยๆสูญเสียการควบคุม เราได้รับข้อมูลสําคัญมากขึ้นเรื่อยๆ”

“ในสายธารแห่งกาลเวลามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งหมดสี่หลัง ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาต้องถูกพัฒนา”

“ในเวลาเดียวกันเราก็ไม่สามารถปล่อยให้ฟางหยวนมีช่วงเวลาที่สงบสุข ข้าควรติดต่อวูหยง”

ไม่กี่วันต่อมา

สายลมกรรโชกแรง

ฟางหยวนผลักฝ่ามือออกไปทําลายภัยพิบัติของไหลั่วหลัน

ดวงตาของไร่ลั่วหลันกระตุกเล็กน้อย แต่การแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนแปลง นางยืนอยู่ในมิติช่องว่างของนางขณะที่นางขอบคุณฟางหยวน

“ไม่จําเป็นต้องขอบคุณ” ฟางหยวนมองมิติช่องว่างของไหลั่วหลันที่ค่อนข้างแห้งแล้ง มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับมิติช่องว่างจักรพรรดิได้แม้แต่น้อย แม้ไร่ลั่วหลันจะมีมิติช่องว่างระดับสูงสุด แต่นางไม่เคยพัฒนามิติช่องว่างของนางอย่างจริงจัง

นี่คือสิ่งที่ฟางหยวนต้องการ

เขามอบทรัพยากรให้ไหลั่วหลันขณะที่นางต้องพึ่งพาเขา นี่คือรูปแบบหนึ่งของการควบคุมนาง

ในความเป็นจริงอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน

“กลับไปเร็วเข้า วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาของข้าสามารถป้องกันการอนุมานได้ไม่นาน ภัยพิบัติส่งผลกระทบอย่างมากต่อวิธีการของข้า” ฟางหยวนกระตุ้น

“ตกลง” ไหลั่วหลันพยักหน้า นางไม่กล้าประมาทและเร่งเก็บมิติช่องว่างของนางก่อนจะเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ฟางหยวนใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเพื่อย้ายสถานที่ทันที่ วูหยงและคนอื่นๆที่เดินทางมาไม่สามารถจับเขา

“บัดซบ! เขาหนีไปอีกครั้ง!”

“กลิ่นอายยังเหลืออยู่ บางคนเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่นี่…”

ใบหน้าของผู้อมตะภาคใต้กลายเป็นน่าเกลียด บางคนโกรธ บางคนหวาดกลัว

“นี่เป็นครั้งที่สี่แล้ว…เห็นได้ชัดว่าฟางหยวนกําลังช่วยลูกน้องของเขาก้าวข้ามภัยพิบัติเพื่อยกระดับการบ่มเพาะ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป สถานการณ์จะเลวร้ายลง”

วูหยงกล่าวอย่างช้าๆ “ฟางหยวนมีวิญญาณท่องแดนอมตะ เขาสามารถหลบหนีได้อย่างรวดเร็ว เราต้องสร้างหอคอยดวงประทีปให้มากขึ้นและร่วมมือกันทําลายธุรกิจของเขาในสวรรค์สีเหลือง สิ่งนี้จะทําให้พวกเราเป็นฝ่ายได้เปรียบ

แสงสีเขียวหยกส่องประกายระยิบระยับในถ้ำสวรรค์ทะเลปราณก่อนที่ฟางหยวนจะป

รากฏตัวขึ้น

“ตอนนี้เราปลอดภัยแล้ว”

“พวกเขาเริ่มโจมตีธุรกิจของข้าในสวรรค์สีเหลือง” ฟางหยวนหัวเราะเย้ยหยัน

เขาไม่รู้สึกกดดันเนื่องจากเขาพึ่งปล้นสะดมทรัพยากรจากถ้ำสวรรค์ห้าเซียงและถ้ำสวรรค์ทะเลปราณ แม้ธุรกิจของเขาจะถูกปราบปราม แต่มันไม่ใช่ปัญหาสําหรับเขา

อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าวังสวรรค์กับภาคใต้ร่วมมือกัน หากฟางหยวนปล่อยเรื่องนี้ไป ในอนาคตเขาจะไม่สามารถอดทนต่อมัน

เขาได้รับทรัพยากรมากมายจากผู้อมตะภาคใต้ แต่ฝ่ายตรงข้ามรู้ข้อมูลเหล่านี้ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถโจมตีธุรกิจใหม่ของฟางหยวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ข้าต้องคิดแผน” ฟางหยวนครุ่นคิด

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท