บทที่ 1650 ความตายของชูอิง
การแสดงออกของเมี่ยวหมิงเฉินไม่เปลี่ยนแต่ดวงตาของเขากําลังสังเกตทุกคนอย่างระมัดระวัง
การเคลื่อนไหวของเจิ้งลั่วซือเป็นหนึ่งในการเตรียมการของเขา
ทักษะบนเส้นทางแห่งข้อมูลของเจิ้งลั่วซือทําให้ทุกคนรู้สึกประทับใจ
“ท่ามกลางคนทั้งแปด นอกจากข้าก็มีกุ้ยฉีเย่ เฟิงเจียง ฮวาตี้ เจิ้งลั่วซือ ถูเทาเทา ตงฮัว และชูอิง”
นอกจากเจิ้งลั่วซือและเสี่ยวหมิงเฉิน การแสดงออกของตงฮัวและถูเทาเทาไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกันน
สําหรับคนที่เหลือ การแสดงออกของพวกเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เมี่ยวเมิงเฉินไว้ใจกุ้ยฉีเย่ เฟิงเจียง และฮวาตี้มากที่สุด แต่เขาไม่ได้แจ้งเรื่องนี้ให้คนเหล่านี้รู้ ดังนั้นพวกเขาจึงตอบสนองด้วยการแสดงออกที่เคร่งเครียด
เมี่ยวหมิงเฉินมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจิ้งลั่วซือ กูเทาเทา และตงฮัว เขารู้ภูมิหลังของคนทั้งสาม พวกเขาต่างเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดของทะเลตะวันออก
ทะเลตะวันออกมีผู้บ่มเพาะสันโดษมากที่สุดเนื่องจากมันเต็มไปด้วยทรัพยากร
ความกังวลของเมียวหมิงเฉินมีเพียงซูอิง คนผู้นี้ทิ้งความประทับใจไว้กับเขา เดิมทีเมี่ยวหมิงเฉินไม่คิดที่จะเชิญชูอิงเข้าร่วมแต่เนื่องจากชูอิงและเหรินซิ่วผิงมีความขัดแย้งเพราะการช่วยชีวิตเฟิงเจียงและฮวาตี้ สิ่งสําคัญที่สุดดูเหมือนชูอิงจะมีวิญญาณอายุยืนจํานวนมาก นั่นทําให้เมียวหมิงเฉินต้องเชิญเขามาในครั้งนี้
เมี่ยวหมิงเฉินเป็นคนเดียวที่รู้ตําแหน่งของวาฬมังกรฟ้า ดังนั้นทุกคนที่เขาเชิญมาจึงถือว่าติดหนี้บุญคุณเขา
เสี่ยวหมิงเฉินต้องการสร้างความร่วมมือกับชูอิงให้มากขึ้น ยังไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งอื่น เพียงวิญญาณอายุยืนก็มีค่ามากแล้วสําหรับเลี้ยวหมิงเฉิน
การกระทําของเจิ้งลั่วซือทําให้การแสดงออกของชูอิงเปลี่ยนไปเช่นกัน
สําหรับเทาเทาและตงฮัว ไม่สามารถบอกได้ว่าพวกเขาแสร้งทําหรือไม่รู้สึกประหลาดใจจริงๆ
เสี่ยวหมิงเฉินมองทุกคนและหัวเราะเสียงดัง “เจิ้งลั่วซือ เจ้ามีวิธีการที่ดี”
ถูเทาเทากันเสียงเย็นขณะที่ตงฮัวมองเจิ้งลั่วซืออย่างเย็นชา
ฟางหยวนมองเจิ้งลั่วซือด้วยท่าทางประหลาดใจแต่เขากลับลอบหัวเราะอยู่ภายใน
สายตาของเจิ้งลั่วซือกวาดผ่านชูอิงก่อนจะเคลื่อนไปที่ถูเทาเทาและตงฮัว เขาหัวเราะก่อนจะโยนวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลระดับมนุษย์ออกไป
วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงพันธมิตรเอาไว้ หลังจากตรวจสอบ ทุกคนพยักหน้าขณะที่การแสดงออกของพวกเขาผ่อนคลายลงเล็กน้อย
หลังจากบรรลุข้อตกลง บรรยากาศที่ตึงเครียดก็ผ่อนคลายลง
“ได้เวลาแล้ว ไปกันเถอะ” เสี่ยวหมิงเฉินทะยานร่างออกไปขณะที่คนอื่นๆติดตามไปอย่างใกล้ชิด
เมี่ยวหมิงเฉินบินขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะดําลงไปใต้ทะเล
“เราไม่สามารถบินอยู่บนท้องฟ้าเพราะมันง่ายที่จะถูกค้นพบ หากเหรินซิ่วผิงรู้เรื่องการสํารวจครั้งนี้ เขาจะไม่รอคอยอย่างไร้จุดหมาย หากเราลงไปในน้ำ นั่นหมายความว่าเราจะใช้กระแสนี้ใต้สมุทร
ฟางหยวนคาดเดา
ดังคาดหลังจากไม่นานเสี่ยวหมิงเฉินก็นําทุกคนไปยังกระแสน้ำที่เหมือนอสรพิษขนาดใหญ่
เมี่ยวหมิงเฉินมองเจิ้งลั่วซือ “ก่อนเข้าสู่กระแสน้ำ เพื่อความปลอดภัยและแน่ใจว่าพวกเราจะไม่ถูกแยกจากกัน เจิ้งลั่วซือ ข้าต้องการให้เจ้าใช้ท่าไม้ตายอมตะของเจ้าเพื่อทําให้พวกเราสามารถรับรู้ตําแหน่งของกันและกัน”
นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีในการควบคุมทุกคน
เมี่ยวหมิงเฉินไม่เคยกล่าวเรื่องนี้มาก่อน เขาพึ่งกล่าวมันก่อนจะเข้าสู่กระแสน้ำ อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดสามารถตําหนิเขาเพราะมันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
“เสี่ยวหมิงเฉิน เจ้าแน่ใจงั้นหรือ?” เจิ้งลั่วซือแสร้งลังเล
เสี่ยวหมิงเฉินยิ้ม “เราตกลงกันแล้ว เราต้องทํางานร่วมกันอย่างจริงใจ หากต้องการสํารวจมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เราจะขาดความเชื่อใจกันได้อย่างไร?”
เขากล่าวอย่างจริงจัง ถูเทาเทา ตงฮัว และคนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วย
เจิ้งลั่วซือมองไปรอบๆ “ทุกคนก็ไม่จําเป็นต้องกังวล ท่าไม้ตายของข้าไม่มีความสามารถในการโจมตีใดๆ”
ฟางหยวนกลอกตาก่อนกล่าว “เช่นนั้นก็รีบลงมือ”
“ให้ข้าเริ่มก่อน” เฟิงเจียงก้าวออกมา
เจิ้งลั่วซือใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขากับเฟิงเจียงก่อนที่คนอื่นๆจะติดตามมา
หลังจากไม่นานผู้อมตะทั้งหมดก็สามารถสัมผัสตําแหน่งของกันและกัน
“เอาล่ะ โปรดตามข้ามา กระแสน้ำไหลเชี่ยวมาก หากล่าช้า พวกเจ้าอาจถูกกระแสน้ำผลักออกไปในระยะไกล” เมี่ยวหมิงเฉินกล่าวก่อนจะเข้าไปในกระแสน้ำ
ฟางหยวนและคนอื่นเร่งติดตามเข้าไป
กระแสน้ำใต้สมุทรของทะเลตะวันออกไม่มีเส้นทางที่แน่นอน มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ความเร็วของกระแสน้ำบางสายเร็วกว่าท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหวของผู้อมตะ การใช้ประโยชน์จากมันทําให้พวกเขาประหยัดพลังงานอมตะได้เป็นอย่างมาก พวกเขาเพียงต้องระวังตัวเท่านั้น
ฟางหยวนอยู่ด้านหลังของกลุ่ม เขาพบว่ารูปแบบของกลุ่มนี้ค่อนข้างพิเศษ ตัวอย่างเช่นฮวาตี้ที่อยู่ข้างๆเขาและพูดคุยกับเขาตลอดเวลา
ภายนอกฟางหยวนมอบความบังเทิงให้นาง แต่ภายในเขาลอบตรวจสอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่บนร่างของเขา
หลังจากไม่นานฟางหยวนก็ผ่อนคลายลง
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลเหล่านี้กําจัดได้ไม่ยาก ฟางหยวนมีวิธีการมากมาย เขายังมีท่าไม้ตายอมตะชําระล้างตัวเองที่สามารถกําจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเบนเส้นทางแห่งข้อมูลเหล่านี้
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทําสิ่งนั้น
“ทุกคน พวกเรากําลังจะออกไป ตามข้ามา” เมี่ยวหมิงเฉินกล่าว
ไม่กี่ลมหายใจต่อมาเขาก็ออกจากกระแสน้ำ ส่วนที่เหลือตามไปโดยไม่มีผู้ใดถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
หลังจากออกมา ฟางหยวนพบว่ามันเป็นทะเลธรรมดาแห่งหนึ่ง
แต่พวกเขายังใช้กระแสน้ำอีกหลายสายในการเดินทาง พวกเขาพบสัตว์อสูรเดียวดายหรือสัตว์อสูรบรรพกาลเป็นครั้งคราว แต่พวกเขาพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับพวกมัน เมื่อพบเห็นทรัพยากรใดๆ พวกเขาจะเพิกเฉยต่อพวกมันเช่นกัน
หลังจากหลายวัน ความสัมพันธ์ในกลุ่มก็เหนียวแน่นมากขึ้น
เสี่ยวหมิงเฉินมีทักษะทางสังคมสูงมาก เขาสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่มในฐานะผู้นํา
เป็นเพียงเวลานี้ที่เขากล่าว “เราใกล้ถึงจุดหมายแล้ว!”
กลุ่มผู้อมตะเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ฟางหยวนรู้สึกสงสัยเล็กน้อย เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบหลายครั้งแต่กลับไม่พบสิ่งใดนอกจากนั้นเขาก็ไม่เห็นเมียวหมิงเฉินใช้วิธีการใดๆ แต่เหตุใดเมียวหมิงเฉินถึงมั่นใจนัก
ตอนนี้ทุกคนสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของวาฬมังกรฟ้าแต่มีเพียงเมี่ยวหมิงเฉินที่รู้ตําแหน่งที่ชัดเจนของมัน
ฟางหยวนมีการบ่มเพาะระดับแปด เขาสามารถสังหารเมี่ยวหมิงเฉินและค้นวิญญาณฝ่ายหลัง แต่วิธีนี้มีความเสี่ยง หากเสี่ยวหมิงเฉินมีความสามารถที่แปลกประหลาดบางอย่าง มันอาจส่งผลร้ายมากกว่าผลดี
ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องแฝงตัวอยู่ในกลุ่มนี้ต่อไป มันไม่สายเกินไปหากเขาจะโจมตีคนเหล่านี้หลังจากเข้าไปในวาฬมังกรฟ้า
เมื่อพวกเขาเข้าใกล้จุดหมาย น้ำทะเลเริ่มปั่นป่วน
สัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลจํานวนมากปรากฏตัวขึ้น พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องต่อสู้กับพวกมันเพื่อเปิดเส้นทาง
ในช่วงเวลานี้พลังการต่อสู้ของทุกคนถูกเปิดเผยออกมา
เฟิงเจียงและฮวาซื้อ่อนแอที่สุด ในไม่ช้าทั้งสองก็ต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ เมี่ยวหมิงเฉินที่เป็นผู้นํากลุ่มเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ข้างหลังเขาคือตงฮัวและเจิ้งลั่วซือ
ถเทาเทาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี พลังการต่อสู้ของเขาถูกจํากัดอย่างมากในสถานที่แห่งนี้
ต่อมาคือฟางหยวน เขาเปลี่ยนร่างเป็นม้าน้ำตัวเล็กที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พลังการต่อสู้ของเขาอยู่ในระดับกลางๆของกลุ่มและไม่มีสิ่งใดน่าประทับใจ
การเดินทางยากลําบากมากขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มผู้อมตะแทบไม่สามารถเดินหน้าต่อไป
หลังจากทั้งหมดเมียวหมิงเฉินที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด
เมื่อเวลาผ่านไปเสี่ยวหมิงเฉินก็บินออกจากทะเลและทะยานร่างขึ้นสู่ท้องฟ้า
“เปรี้ยง!”
พายุโหมกระหน่ำ สายฟ้าแลบลั่นอยู่บนก้อนเมฆสีดํา
คลื่นทะเลสูงหลายร้อยเมตร สถานการณ์อันตรายไม่ต่างจากใต้น้ำ
ฝูงวิหคสายฟ้าแรกกําเนิดปรากฏตัวขึ้น พวกมันทําให้กลุ่มของเสี่ยวหมิงเฉินต้องสูดหายใจลึกด้วยความกังวล
“เร็ว ตามข้ามา!” เสี่ยวหมิงเฉินถ่ายทอดเสียงและเร่งบินไปข้างหน้า
สถานการณ์วุ่นวายเกินไป ทางออกที่ปลอดภัยที่สุดคือการหลบหนี
ฝูงวิหคสายฟ้ากรีดร้องเสียงดังเมื่อเห็นกลุ่มของฟางหยวนดําลงไปใต้น้ำ
อย่างไรก็ตามปลาหมึกยักษ์แรกกําเนิดกลับปรากฏตัวขึ้นและต้องการจับกลุ่มของเสี่ยวหมิงเฉินเป็นอาหาร
“บัดซบ!” การแสดงออกของเมี่ยวหมิงเฉินกลายเป็นน่าเกลียด เขากัดฟันแน่นจนกรามแทบ
ก่อนจะไปถึงวาฬมังกรฟ้า พวกเขาก็ตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังแล้ว
“แยกย้ายกันหลบหนี!” หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ เมี่ยวหมิงเฉินต้องตัดสินใจในที่สุด
กลุ่มผู้อมตะแยกย้ายกันออกไป
“เปรี้ยง!”
วิหคสายฟ้าแรกกําเนิดเข้าประชิดตัวฟางหยวนอย่างกะทันหัน
“ชูอิง!” ฮวาตี้ที่ถูกกุ้ยฮีเย่ลากออกไปกรีดร้องเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
“ช่วยข้าด้วย!” ฟางหยวนตะโกนด้วยใบหน้าสิ้นหวัง
วิหคสายฟ้าแรกกําเนิดระเบิดสายฟ้าออกมาโจมตีชูอิงและทําให้เขาเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ
“ชูอิง” ผู้อมตะทั้งหมดตื่นตระหนกมากขึ้นเมื่อเห็นสิ่งนี้