เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1652 เลือกภารกิจ

บทที่ 1652 เลือกภารกิจ

บทที่ 1652 เลือกภารกิจ

เกาะเล็กๆแต่มีทรัพยากรมากมาย

ฟางหยวนและผู้อมตะคนอื่นๆตรวจสอบทรัพยากรทั้งหมดก่อนจะแบ่งปันกัน ชูอิงในฐานะผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เขาจะได้รับทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ตามเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวข้องกับเส้นทางทั้งหมด นั่นหมายความว่าเขาสามารถใช้งานทรัพยากรบนเส้นทางสายอื่น ตัวอย่างเช่นแก่นแท้อสูรวิญญาณ มันเป็นทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ แต่เมื่อมันถูกใช้งานโดยผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง มันจะทําให้ผู้อมตะสามารถแปลงร่างเป็นอสูรวิญญาณ

ฟางหยวนใช้ข้อได้เปรียบของเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเลือกทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาจํานวนมาก

เจิ้งลั่วซือถาม “สหายชูอิงมีวิธีการเปลี่ยนแปลงบนเส้นทางแห่งกาลเวลางั้นหรือ? เหตุใดเจ้าไม่ใช้มันเมื่อพวกเราอยู่ในภาพลวงตา?”

ฟางหยวนหัวเราะ “มันเป็นเพียงความโลภ ข้าแน่ใจว่าทุกคนรู้เรื่องปีศาจฟางหยวน ตอนนี้ทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาขายได้ราคาดีในสวรรค์สีเหลือง หากข้าแย่งชิงทรัพยากรชนิดอื่นกับทุกท่านที่นี่ มันอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของเรา”

“ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นเป็นความคิดที่ดี ชูอิง เหตุใดข้าถึงคิดเรื่องนี้ไม่ได้?” ถูเทาเทาหัวเราะ

ดวงตาของเจิ้งลั่วซอส่องประกาย เขาหยุดพูด

ตอนนี้ความหวาดกลัวที่มีต่อภาพลวงตาของพวกเขาหายไปแล้วเนื่องจากกําไรของพวกเขาค่อนข้างคุ้มค่า

โดยเฉพาะเมื่อเมี่ยวหมิงเฉิงแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเท่าเทียม นี่ทําให้บรรยากาศของกลุ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ครึ่งวันต่อมากลุ่มผู้อมตะมารวมตัวกันที่หอคอยเกียรติยศอีกครั้ง

“ตามข้อมูล ทรัพยากรเหล่านี้ถูกจัดเตรียมไว้โดยเทพอมตะสวรรค์พิภพเพื่อให้แน่ในว่าผู้อมตะที่ไม่ต้องการรับภารกิจจะได้รับรางวัลบางอย่าง เทพอมตะสวรรค์พิภพเป็นคนดีจริงๆ” ตงฮัวตะลึง

กุ้ยฉีเย่กล่าว “พวกเราทดลองแล้ว แต่เกาะแห่งนี้ไม่สามารถใช้กําลังทําลาย”

“เราไม่สามารถยึดครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะด้วยความสามารถของพวกเรา” เพิ่งเจียง กล่าวเสริม

กลุ่มผู้อมตะเงียบ

การจัดเตรียมของเทพอมตะสวรรค์พิภพจะพังทลายโดยง่ายได้อย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้อมตะทั้งหมดยกเว้นฟางหยวนเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด แม้บางคนจะเป็นตัวตนระดับสูง แต่ พวกเขายังไม่สามารถเปรียบเทียบกับเทพอมตะ

“เมี่ยวหมิงเฉิน ข้าสงสัยว่าเจ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่?” ตงฮัวถาม

เมี่ยวหมิงเฉินสายศีรษะ “ข้าไม่รู้สิ่งใดเลยเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพในความคิดเห็นของข้า เนื่องจากเราไม่สามารถทําลายการจัดเตรียมของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เราจึงมีสองทางเลือก หนึ่งคือเพิกเฉยต่อภารกิจและอยู่ที่นี่เป็นเวลาสามร้อยวัน เมื่อถึงเวลา เราจะถูกส่งออกไป สองคือรับภารกิจและทําให้สําเร็จ”

กลุ่มผู้อมตะมองหน้ากัน ทรัพยากรทั้งหมดบนเกาะถูกยึดครองไปแล้ว ผู้ใดจะต้องการอยู่ที่นี่เป็นเวลาสามร้อยวัน? เมื่อได้รับสมบัติบางส่วนแล้ว ความสนใจต่อมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพของพวกเขาก็เพิ่มสูงขึ้น

ตามความเห็นของพวกเขา ทรัพยากรบนเกาะเป็นเพียงอาหารเรียกน้ําย่อย มรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพเป็นสมบัติที่แท้จริง

“แต่ในการรับภารกิจ เราต้องได้รับการยอมรับจากหอคอยเกียรติยศ กระบวนการนี้คล้ายกับป้ายวิญญาณหรือโคมไฟวิญญาณแต่มีข้อจํากัดมากกว่าหากเป็นกับดัก…”

“ความเสี่ยงมาพร้อมกับกําไร เรามาเพื่อสํารวจมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพเราจะไม่เสี่ยงได้อย่างไร? ข้าจะรับภารกิจ”

“เนื่องจากนี่คือการจัดเตรียมของเทพอมตะสวรรค์พิภพ มันต้องไม่มีปัญหา มรดกที่แท้จริงอยู่ต่อหน้าพวกเรา หากพวกเราหยุดตอนนี้ พวกเราจะเสียใจไปตลอดชีวิต”

หลังจากพูดคุย

ผู้อมตะทั้งแปดทําตามคําอธิบายและวางฝ่ามือบนหอคอยเกียรติยศ

แสงสว่างส่องประกายขึ้นขณะที่ชื่อของพวกเขาปรากฏขึ้นบนหอคอยเกียรติยศ

ชื่อของฟางหยวนอยู่ที่นั่นเช่นกันแต่มันถูกเขียนว่าซูอิง

สิ่งนี้ทําให้ฟางหยวนสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เขาตรวจสอบหอคอยเกียรติยศมาแล้ว ส่วนใหญ่มันเกี่ยวกับเส้นทางแห่งปฐพีและเส้นทางแห่งเสียง แน่นอนว่ามีโอกาสที่จะทําลายมันด้วยความแข็งแกร่ง แต่ความเสี่ยงสูงเกินไป เขาควรปลอมตัวและสํารวจไปพร้อมๆกับคนอื่น

โลกของผู้อมตะมีวิธีการที่น่าอัศจรรย์มากมาย หอคอยเกียรติยศเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ระดับแปดที่สร้างขึ้นโดยเทพอมตะสวรรค์พิภพ มีความเป็นไปได้สูงที่มันจะเปิดเผยชื่อจริงของเขา โชคดีที่สิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น มิฉะนั้นฟางหยวนต้องฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นี่

ตัวตนของเขาสําคัญเกินไป หากเขาไม่กําจัดคนเหล่านี้ พวกเขาอาจดึงดูดวงสวรรค์เข้ามา

‘ก่อนที่ข้าจะเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด ข้าไม่ควรโจมตีพวกเขา นี่คือมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เขาเป็นคนใจดีและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ หากข้าฆ่าคนโดยไม่คิด สิ่งเลวร้ายอาจเกิดขึ้น’

มีผู้อมตะแปดคนแต่มีเพียงสิบภารกิจจารึกอยู่บนเสา

แต่ละภารกิจมีคําอธิบายที่คลุมเครือ ผู้อมตะต้องตรวจสอบมันด้วยตนเอง

ตัวอย่างเช่นภารกิจแรกคือกําจัดพรายน้ําที่อยู่รอบเมืองอินทรีย์ทะเล

พรายน้ําคล้ายอสูรวิญญาณ หลังจากพรายน้ําตาย พวกมันจะทิ้งแก่นแท้พรายน้ําเอา ไว้เบื้องหลัง มันเป็นทรัพยากรอมตะที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งวารี

แต่พรายน้ําเหล่านี้อยู่ในระดับสัตว์อสูรเดียวดายหรือสัตว์อสูรบรรพกาล ไม่มีข้อมูลระบุไว้

เมืองอินทรีย์ทะเลอยู่ที่ใด ไม่มีข้อมูลเช่นกัน

นอกจากภารกิจนี้ ภารกิจอื่นก็แปลกประหลาดเช่นกัน

ตัวอย่างเช่นภารกิจสร้างบ่อน้ําบนเกาะปลากลม ภารกิจรวบรวมสมุนไพรสําหรับสาม เผ่า ภารกิจปกป้องขบวนสินค้า และอื่นๆ

กลุ่มผู้อมตะครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เจิ้งลั่วซอจะถอนหายใจกล่าว “วิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลของข้าไม่มีประโยชน์ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโชคให้ข้าลองก่อน ข้าจะเลือกภารกิจกําจัดพรายน้ํา”

คนอื่นๆเงียบ

แม้เจิ้งลั่วซอจะกล่าวว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับโชค

แต่ตามตรรกะ ยิ่งภารกิจยากเท่าใด แต้มบุญที่ได้รับย่อมมากเท่านั้น อย่างน้อยพรายน้ําก็เป็นสัตว์อสูรเดียวดาย ภารกิจกําจัดพวกมันถือว่ายากพอสมควร แต้มบุญที่ได้รับควรจะค่อนข้างสูง

สําหรับภารกิจสร้างบ่อน้ําหรือรวบรวมสมุนไพร พวกมันเป็นภารกิจระดับมนุษย์ ความ ยากของภารกิจต่ํากว่าการกําจัดพรายน้ําอย่างชัดเจน

เห็นได้ชัดว่าเจิ้งลั่วซอคว้าภารกิจที่ดีที่สุดไป นั่นทําให้บรรยากาศในกลุ่มเปลี่ยนไปทันที

เจิ้งลั่วซอเงียบเช่นกันแต่เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อยอยู่ในใจ

เมี่ยวหมิงเฉินพยักหน้าก่อนกล่าว “เชิญทุกคนเลือกได้เลย ข้าจะเป็นคนสุดท้าย

ทุกคนมองเขาด้วยสายตาที่แตกต่าง

เมี่ยวหมิงเฉินโบกมือ “อย่าคิดมาก ข้าเพียงรู้สึกว่าเทพอมตะสวรรค์พิภพสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาโดยมีเจตนาที่ลึกซึ้ง เขาจะไม่คิดถึงความสมดุลได้อย่างไร? ภารกิจง่ายๆเหล่านี้อาจไม่ง่ายเช่น ที่ทุกคนคิด”

ทุกคนพยักหน้าเมื่อได้ยินคํากล่าวของเมี่ยวหมิงเฉิน

ตงฮัวกล่าว “ข้าเลือกภารกิจที่สอง”

ถูเทาเทาเลือกภารกิจของตนเช่นกัน

การตัดสินใจของพวกเขาเหมือนเจิ้งลั่วซือ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเลือกภารกิจที่ยากที่สุด

“ต่อไป…ชูอิง เชิญเลือก” เมี่ยวหมิงเฉินยิ้ม

“รอก่อน” กุ้ยฉีเย่กล่าวแทรก “ทุกคน ท่านเมี่ยวหมิงเฉิน กล่าวตามตรง ข้าต้องการภารกิจนี้ตั้งแต่แรก”

ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ

เมี่ยวหมิงเฉินมองกุ้ยฉีเยู่ด้วยสายตาตําหนิ

แต่กุ้ยฉีเยไม่สนใจ เขามองฟางหยวนด้วยสายตาน่ากลัว

‘เลือกโจมตีคนที่อ่อนแอที่สุดงั้นหรือ?’ ฟางหยวนลอบหัวเราะอยู่ในใจแต่ภายนอกเขา กล่าว “กุ้ยฉีเย่ เนื่องจากเจ้าหมายตามัน นั่นหมายความว่าภารกิจนี้มีความสัมพันธ์กับเจ้า ข้าจะไม่ฉกฉวยมันไปจากเจ้า เอาล่ะข้าจะเลือกภารกิจที่เจ็ด

ทุกคนมองภารกิจที่เจ็ดและพบว่ามันคือภารกิจรวบรวมน้ํามันดิบใต้ทะเลลึก มันเป็นภารกิจ ระดับมนุษย์ที่ง่ายที่สุด

เมี่ยวหมิงเฉินเร่งกล่าว “ซูอิง…”

“ไม่จําเป็นต้องกล่าวสิ่งใด พี่เยี่ยวมีสหายที่ดี ท่านสมควรได้รับมัน หากไม่ใช่เพราะท่าน ข้าจะเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” ฟางหยวนหัวเราะ

กุ้ยฉีเย่มองฟางหยวนด้วยสายตาที่ผ่อนคลายลง

แท้จริงแล้วเขาไม่ได้เลือกภารกิจไว้ให้ตนเองแต่ทําเพื่อเมียวหมิงเฉิน

เป็นเช่นที่ฟางหยวนกล่าว ทุกคนมาที่นี่ได้เพราะเมี่ยวหมิงเฉิน เขาสมควรได้รับมัน

เมี่ยวหมิงเฉินปฏิเสธแต่ฟางหยวนยังยืนกราน

สุดท้ายเมี่ยวหมิงเฉินจึงต้องยอมรับเท่านั้น

หลังจากเลือกภารกิจ หอคอยเกียรติยศก็ส่งทุกคนไปยังสถานที่ต่างๆ

วิสัยทัศน์ของฟางหยวนเปลี่ยนไป ตอนนี้เขาอยู่บนเกาะที่ไม่รู้จัก

‘ข้าเป็นผู้อมตะระดับแปดแต่หอคอยเกียรติยศยังสามารถส่งข้ามาที่นี่ ดูเหมือนมันจะเป็นแกนกลางของถ้ําสวรรค์แห่งนี้ รากฐานของเทพอมตะสวรรค์พิภพไม่ธรรมดาจริงๆ’

เกี่ยวกับภารกิจ เขามีสมมติฐานคล้ายเมี่ยวหมิงเฉิน เขาเสียสละภารกิจก่อนหน้าไม่ใช่เพราะ เขาสุภาพแต่เพราะเขาต้องการตรจสอบเมี่ยวหมิงเฉิน

หลังจากฟางหยวนถูกเคลื่อนย้ายสถานที่ หอคอยเกียรติยศจึงเหลือเพียงกุ้ยฉีเยีและเมี่ยวหมิง เฉินเท่านั้น

“เจ้า…”เมี่ยวหมิงเฉินถอนหายใจ

กุ้ยฉีเยีป้องหมัดขึ้น “นายท่าน โปรดอภัยให้ข้าด้วย”

“เจ้าไม่ได้ทําสิ่งใดผิดแต่เพียงประเมินชูอิงต่ำเกินไป เขาเป็นคนแรกที่ตายในภาพลวงตา ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่าเขาอ่อนแอ” เมี่ยวหมิงเฉินสายศีรษะ

“นายท่านคิดว่าซูอิงซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้เช่นนั้นหรือ?”

เมี่ยวหมิงเฉินส่ายศีรษะ “ข้าไม่แน่ใจ มีความเป็นไปได้ไม่มาก แต่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จัก พวกเราควรร่วมมือกันแทนที่จะสร้างความขัดแย้งภายใน”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท