เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1660 ผู้บงการ

บทที่ 1660 ผู้บงการ

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1660 ผู้บงการ

การพนันเป็นเรื่องของโชค ไม่มีผู้ใดปฏิเสธเรื่องนี้

แต่มนุษย์เงือกเกล็ดเหลืองกลับมั่นใจในตัวเองมาก

นี่เป็นเพราะเขาเตรียมตัวมาอย่างเพียงพอ

หลายปีที่ผ่านมาเขาเล่นพนันในเรือนหยกทองของตนเอง สังเกต วิเคราะห์ และเลือกผลึกหิน ได้อย่างแม่นยํา เขามั่นใจในการเดิมพันครั้งนี้เป็นอย่างมาก

โดยธรรมชาติแล้วผลึกหินเหล่านี้ไม่มีของล้ําค่า มิฉะนั้นเขาคงนํามันไปและจะไม่ทิ้งไว้ในร้าน

ผลึกหินส่วนใหญ่มีวิญญาณอยู่ภายใน แม้พวกมันจะไม่มีค่า แต่นี่เป็นรูปแบบหนึ่งของ การล่อลวง มันเหมือนเหยื่อปลาที่ทําให้นักพนันต้องการเดิมพันมากขึ้น

มนุษย์เงือกเกล็ดเหลืองใช้ผลึกหินเหล่านี้เดิมพันกับเซี่ยหลินด้วยความมั่นใจ

แต่ในรอบแรกเขากลับได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้

เขี่ยหลินเปิดได้วิญญาณระดับสาม มันเหนือกว่าเขา นี่เป็นการเริ่มต้นที่ดี

ผู้ใช้วิญญาณที่อยู่รอบๆตกตะลึง

มนุษย์เงือกเกล็ดเหลืองสงสัยเช่นกัน

เดิมที่เขาเสนอการแข่งขันสามรอบ แต่เซี่ยหลินขอเปลี่ยนเป็นการแข่งขันห้ารอบ การเดินพัน สูงขึ้น เขาต้องเดิมพันด้วยเรือนหยกทองทั้งหมด ในเวลาเดียวกัน หากนางแพ้เพียงครั้งเดียว นา งต้องมอบวิญญาณรวบรวมน้ํามันระดับห้าให้เขา

“ข้าแพ้งั้นหรือ? นี่เรื่องตลกใด?” มนุษย์เงือกเกล็ดเหลืองรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

เขามองเซี่ยหลินขณะที่ความสงสัยของเขาค่อยๆหายไป

มนุษย์เงือกเกล็ดเหลืองมีประสบการณ์มากมาย เขาบอกได้ว่าเซี่ยหลินเป็นมือใหม่ การแส ดงออกอย่างมีความสุขของนางหลังจากได้รับวิญญาณไม่ใช่การแสดง มันเป็นความรู้สึกที่แท้จริง

นอกจากนี้เซี่ยหลินยังไม่รู้วิธีเปิดผลึกหิน นางขอให้ผู้ใช้วิญญาณของเรือนหยกทองเปิดผ นึกผลึกหินให้นาง

“บัดซบ! นางช่างโชคดีนัก!”

“โชคดีที่เราเปลี่ยนกฎจากสามรอบเป็นห้ารอบ ข้ายังมีโอกาส

เมื่อคิดได้เช่นนี้ มนุษย์เงือกเกล็ดเหลืองก็มองไปที่ผู้ใช้วิญญาณผู้ปลดผนึกผลึกหินของเซี่ยหลิ

ผู้ใช้วิญญาณพยักหน้าตอบเบาๆ

มนุษย์เงือกเกล็ดเหลืองเผยรอยยิ้มกับตนเองอย่างลับๆ ไม่ว่าเซี่ยหลินจะ เลือกผลึกหินก้อนใด แม้มันจะมีวิญญาณอยู่ภายใน มันก็จะถูกทําลาย นางจะไม่มีโอกาสได้รับชัยชนะ

รอบที่สอง

“ข้าจะเลือกก่อน” เซี่ยหลินกล่าว

“เชิญ” มนุษย์เงือกเกล็ดเหลืองตอบด้วยรอยยิ้ม

เซี่ยหลินเดินไปข้างหน้าด้วยความตื่นตระหนก

“ข้าเลือกสิ่งนี้” นางหยุดและชี้นิ้วไปที่หินประหลาดก้อนหนึ่ง

มันเป็นหินที่บิดเบี้ยวและแปลกประหลาด

โดยปกติแล้วหินเช่นนี้จะไม่มีวิญญาณอยู่ภายใน

เมื่อเห็นเชี่ยหลินเลือกหินก้อนนี้ มนุษย์เงือกเกล็ดเหลืองหัวเราะ

เขาแสร้งเดินไปรอบๆ สัมผัส และเคาะผลึกหิน หลังจากชั่วครู่เขา ก็เลือกกินก้อนใหญ่และกล่าว “ข้าเลือกหินก้อนนี้”

การปลดผนึกผลึกหินเริ่มขึ้น

มนุษย์เงือกเกล็ดเหลืองทําด้วยตนเองขณะที่เซี่ยหลินขอให้พนักงานของเรือนหยกทองผ่า หินให้นาง

นี่เป็นการเดิมพัน ดังนั้นการผ่าหินจึงต้องทําในห้องโถงภายใต้สายตาของทุกคน

หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันคือเจ้าของบ่อนการพนันที่มีเม็ดเงินหมุนเวียนจํานวนมหาศาลหลังจากดํา เนินการมานานหลายปี

อีกหนึ่งคือผู้ใช้วิญญาณระดับสองที่มีวิญญาณรวบรวมน้ํามันระดับห้า

หลังจากทั้งหมดวิญญาณรวบรวมน้ํามันระดับห้ายอดเยี่ยมเกินไป มันสามารถเปรียบเทียบกับ เรือนหยกทองทั้งหมด

มนุษย์เงือกเกล็ดเหลืองเลือกผลึกหินก้อนใหญ่ เขาต้องใช้เวลาในการผ่ามัน

สําหรับเซี่ยหลิน นางเลือกหินทราย พนักงานฝ่าหินไม่รู้สึกกดดันใดๆ หากเขาสามารถทํา ลายวิญญาณที่อยู่ภายใน มนุษย์เงือกเกล็ดเหลืองจะมีความสุขมาก

แต่ในจังหวะนี้เชี่ยกลับเปิดปากกล่าว “ใช้วิธีดินสีเทา”

พนักงานฝ่าหินหยุดมือและกล่าว “เจ้าแน่ใจงั้นหรือ? วิธีนี้ไม่มีประสิทธิภาพมากนักกับหินทราย”

“ข้าแน่ใจ” เซี่ยหลินตอบ

พนักงานฝ่าหินสายศีรษะ “สาวน้อย ข้าไม่ได้โกหก เหตุใดเจ้าไม่ลองถามคนอื่นๆ ทุกคนรู้ดีว่ าวิธีดินสีเทามีประสิทธิภาพไม่มากกับหินทราย”

“ทําตามที่ข้าบอก” เซี่ยหลินยืนยัน

“เอาล่ะ เช่นนั้นก็ตกลง” พนักงานฝ่าหินพยักหน้า

การผ่าหินช้าลงอย่างมากเมื่อเขาใช้วิธีดินสีเทา

เขารู้สึกหงุดหงิดเพราะต้องใช้พลังวิญญาณมากขึ้น

“ใช้วิธีรมควันด้วยไฟ” เซี่ยหลินออกคําสั่งอีกครั้ง

พนักงานฝ่าหินอ้าปากค้างก่อนกล่าว “วิธีรมควันด้วยไฟอาจทําให้วิญญาณที่อยู่ภายในตาย”

“ทําตามที่ข้าบอก” เซี่ยหลินยืนยัน

พนักงานผ่าหินถอนหายใจ บางคนกล่าว “หญิงผู้นี้เล่นพนันเป็นหรือไม่? นางไม่แม้แต่จะ ถูกมองว่าเป็นมือใหม่ นางกําลังล้อเล่น!”

การแสดงออกของเซี่ยหลินยังผ่อนคลาย

พยักงานผ่าหินสายศีรษะ “เมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าก็จะทํามัน ทุกคนสามารถเป็นพย านว่าข้าไม่ได้กลั่นแกล้งเจ้า นี่เป็นคําขอของเจ้าเอง”

“ใช้วิธีหยดน้ํา”

“ใช้วิธีเครื่องหมายสีน้ําเงิน”

“ใช้วิธีปลูกถ่ายพลังปราณ”

เชี่ยหลินร้องขออีกหลายครั้ง

หินทรายหดเล็กน้อยแต่ยังไม่พบวิญญาณ

ใบหน้าของพนักงานฝ่าหินกลายเป็นน่าเกลียด เขารู้สึกว่าเซี่ยหลินตั้งใจก่อกวนเขา

“เอาล่ะ นํามันมาให้ข้า ข้าจะผ่ามันด้วยตนเอง เชี่ยหลินกล่าวอีกครั้ง

“อันใด?” พนักงานฝ่าหินตกตะลึงก่อนจะส่งหินทรายให้เซี่ยหลิน

เซี่ยหลินกัดลิ้นของนางและพ่นเลือดไปที่หินทรายก่อนจะใช้วิญญาณรวบรวมน้ํามันดูดบางสิ่งออกมา

หินทรายแตกออก วิญญาณระดับสามปรากฏขึ้น

“มีวิญญาณอยู่งั้นหรือ?”

“มันคือวิญญาณชนิดใดข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”

“มันดูสมบูรณ์มากและไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ”

ผู้ใช้วิญญาณที่อยู่รอบๆประหลาดใจมาก

พนักงานฝ่าหินตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์ เขามองเชี่ยหลินด้วยความสงสัย “หญิงผู้ นี้กําลังโกงพวกเราหรือไม่?”

มนุษย์เงือกเกล็ดเหลืองหยุดผ่าหินของตนด้วยใบหน้าที่กลายเป็นมืดครื้ม

แม้เขาจะเปิดมัน หินของเขาก็มีเพียงวิญญาณระดับสอง แต่อีกฝ่ายมีวิญญาณระดับสามที่มีชีวิต!

“มีวิญญาณอยู่จริงๆ” เซี่ยหลินมีความสุขมาก

ท่ามกลางฝูงชน ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง

ในความเป็นจริงไม่มีวิญญาณอยู่ในหินทรายก้อนนี้ มันมีเพียงทรัพยากรบางอย่าง

ฟางหยวนเป็นคนบงการเซี่ยหลังอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นวิธีผ่าหินของพนักงานผ่า หิน การหยดเลือดของเซี่ยหลินและการใช้วิญญาณรวบรวมน้ํามันในขั้นตอนสุดท้าย ทั้งหมดคือขั้ นตอนการหลอมรวมวิญญาณ!

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุดไม่ใช่เรื่องตลก

ตอนนี้ทุกคนมองเชี่ยหลินในมุมมองที่ต่างไปจากเดิมอย่างสมบูรณ์

“ผู้ใดส่งเจ้ามาที่นี่!” มนุษย์เงือกเกล็ดเหลืองคํารามและไม่สามารถรักษาความสงบได้อีกต่อไป

เขาตระหนักถึงสิ่งผิดปกติขณะที่ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจของเขา

เขาเคยสร้างความขุ่นเคืองให้กับหลายคนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขารู้สึกว่าเซี่ยหลินเป็นเห ยื่อล่อและตอนนี้เขาตกลงสู่กับดักเรียบร้อยแล้ว

“ใจเย็นๆ มนุษย์เงือกเกล็ดเหลืองพยายามสงบจิตใจ เขายังมีไพ่ตาย

มีผลึกหินก้อนพิเศษอยู่ในเรือนหยกทองหลังนี้

มันเป็นหินเทียมที่มนุษย์เงือกเกล็ดเหลืองสร้างขึ้นด้วยตนเอง

รอบที่สาม เขาแพ้

รอบที่สี่ เขาแพ้อีกครั้ง

ผู้ใช้วิญญาณที่เฝ้ามองอยู่อ้าปากค้าง ไม่มีผู้ใดคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น

ทุกคนมองไปที่เซี่ยหลินและแสดงออกอย่างเคร่งขรึม

ใบหน้าของมนุษย์เงือกเกล็ดเหลืองกลายเป็นซีดขาว เขากัดฟันแน่น ตอนนี้เขาเหมือนหมาป่า ที่ถูกบังคับให้วิ่งเข้าสู่หน้าผา

รอบสุดท้ายข้าจะแพ้ไม่ได้! ข้าต้องใช้ไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของข้า!”

เขาซ่อนซากศพของวิญญาณระดับห้าเอาไว้ในหินเทียม ตามกฏ มีเพียงวิญญาณระดับห้าที่มีชี วิตเท่านั้นที่สามารถเอาชนะเขาได้

ทั้งสองฝ่ายเลือกผลึกหินและผ่าพวกมัน

ฟางหยวนดีดนิ้วและใช้ท่าไม้ตายอมตะ

ทุกคนและทุกสิ่งกลายเป็นหยุดนิ่ง เวลาหยุดเดิน!

ฟางหยวนเดินออกมาจากฝูงชนและหยุดยืนอยู่ด้านหน้ามนุษย์เงือกเกล็ดเหลืองที่กําลัง ใช้เปลวเพลิงผ่าหินของเขาอย่างระมัดระวัง

ฟางหยวนบีบหินเบาๆและเห็นซากศพของวิญญาณระดับห้าอยู่ภายในผลึกหินก้อนนี้

หลังจากนั้นเขาก็นําซากศพของวิญญาณระดับห้าดวงนี้ใส่เข้าไปในผลึกหินของเซี่ยหลิ นและเดินกลับเข้าไปฝูงชน

วินาทีต่อมา เวลาก็เริ่มเดินอีกครั้ง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท