เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1666 ช่วงชิง

บทที่ 1666 ช่วงชิง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1666 ช่วงชิง

ทะเลยามค่ําคืนปั่นป่วนด้วยคลื่นสมุทรที่ดุร้าย

ท่ามกลางทะเลสีดํา เสียงเพลงดังกังวานเคียงคู่เสียงพิณอยู่ท่ามกลางเกลียวคลื่น

นักรบเงือกจํานวนมากสวมชุดเกราะโบราณที่ทํามาจากเปลือกหอยและถือโล่สีขาวขนาดใหญ่เอาไว้ในมือด้านหลังพวกเขา นางเงือกหลายคนกําลังเต้นรําและร้องเพลงอยู่รอบๆเชี่ยฮันโม่และตงเล่ย มนุษย์เงือกจํานวนนับไม่ถ้วนกําลังเฝ้ามองการทดสอบสุดท้ายด้วยความตื่นเต้น

เปลือกหอยขนาดใหญ่ลอยอยู่บนผิวน้ํา นี่คือเวทีของการแข่งขัน

เปลือกหอยดังกล่าวถูกทิ้งไว้โดยหอยดนตรีแรกกําเนิด มันเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งเสียง ผู้ใช้วิญญาณที่ยืนอยู่ภายในสามารถส่งเสียงของพวกเขาออกไปในวงกว้าง

ตงเล่ยเป็นคนแรกที่ขึ้นไปบนเปลือกหอยดนตรี

มนุษย์เงือกจํานวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่บนผิวน้ําและเฝ้ามองด้วยความสนใจ

จากมุมหนึ่ง บนคฤหาสน์วิญญาณที่เหมือนเรือ ปู่ซูเหลียนมองตงเล่ยและกล่าวกับผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็ง “เจ้ามั่นใจในตั้งตงเลยงั้นหรือ? คนที่เริ่มก่อนจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยธรรมชาติ

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งยิ้ม “รอดู ข้าไม่สามารถอธิบายเป็นคําพูด”

ปู่ชูเหลียนมองผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งอย่างลึกซึ้งก่อนจะหันหน้าไปทางเปลือกหอยดนตรี

ตงเลยเริ่มร้องเพลง

เสียงของนางชัดเจนและหนักแน่น มนุษย์เงือกทั้งหมดมีความสุขกับบทเพลงของนาง

เปลือกหอยดนตรีขยายเสียงออกไปในรัศมีหนึ่งพันลี้ กระทั่งเสียงคลื่นอันเชี่ยวกรากยังถูกสะกดข่ม

มนุษย์เงือกถือกําเนิดขึ้นมาพร้อมกับความสามารถในการร้องเพลง เสียงของมนุษย์เงือกไพเราะอย่างไม่น่าเชื่อ

ตามมาตรฐานของมนุษย์ มนุษย์เงือกทุกคนถือเป็นนักร้องโดยกําเนิด

ร่างกายของมนุษย์เงือกเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งวารี ในลําคอของมนุษย์เงือกยังมีกระดูกอ่อนที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งเสียง นี่คือลักษณะเด่นของเผ่ามนุษย์เงือก

ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ มนุษย์ออกล่ามนุษย์เงือกเพื่อกระดูกอ่อนที่อยู่ในลําคอของพวก เขาเนื่องจากมันเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งเสียงชั้นยอด

นางเงือกที่เข้าแข่งขันชิงตําแหน่งเทพธิดาเลือกมักมีความสามารถในการร้องเพลงที่เหนือกว่ามนุษย์เงือกส่วนใหญ่

มนุษย์ที่อาศัยอยู่ใกล้ทะเลมักได้ยินข่าวลือต่างๆเกี่ยวกับเสียงร้องเพลงของนางเงือกที่ทําให้พวกเขาลืมเวลา สูญเสียการรับรู้ทิศทาง และอื่นๆ นั่นทําให้เรือของพวกเขามักชนกับโขดหินอยู่เสมอ

นี่ไม่ใช่การกล่าวเกินจริง แต่มันคือเรื่องจริง

การร้องเพลงของตงเล่ยยอดเยี่ยมมาก คนส่วนใหญ่มีความสุขกับบทเพลงของนาง มีเพียงฟางหยวนและกลุ่มของเขาที่ขมวดคิ้วแน่นด้วยความไม่พอใจ กระทั่งเชี่ยฮันโม่ที่เยือกเย็นเสมอยังมีการแสดงออกที่เปลี่ยแปลงไป ความโศกเศร้าและความตกใจปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“เหตุใดตงเล่ยถึงร้องเพลงที่พวกเราเตรียมไว้เ”

องค์รักษ์เกล็ดแดงและเกล็ดฟ้าโกรธจัด

ฟางหยวนกัดฟันแน่นและกล่าวอย่างเคร่งเครียด “ยังไม่ชัดเจนอีกงั้นหรือ? มีสายลับอยู่ในกลุ่มของพวกเรา เขาแจ้งศัตรูเกี่ยวกับเพลงที่พวกเราเตรียมไว้เ”

องค์รักษ์ทั้งสองมองหน้ากับก่อนจะหันหน้าไปทางฟางหยวน

ฟางหยวนมองตอบอย่างไม่เกรงกลัว “มีเพียงพวกเราสี่คนเท่านั้นที่รู้ คนทรยศคือหนึ่งในพวกเรา มันคือผู้ใด?”

เซี่ยฮันโม่ไม่สามารถเป็นคนทรยศ มีเพียงฟางหยวน องค์รักษ์เกล็ดแดง และองค์รักษ์เกล็ดฟ้าเท่านั้นที่สามารถทรยศ

“บัดซบ!”

“ผู้ใดเป็นคนทรยศ!”

องค์รักษ์ทั้งสองปฏิเสธด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดง

เซี่ยฮันโม่ถอนหายใจและส่ายศีรษะ “อาจไม่มีสายลับ พวกเขาอาจค้นพบด้วยวิธีการพิเศษบางอย่าง”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ไกลออกไป ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งหัวเราะเสียงดังอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณของเขา

ซูเหลียนสังเกตเชี่ยฮันโม่และคนอื่นๆมานานแล้ว เมื่อเห็นการแสดงออกของพวกเขา นางเข้าใจบางอย่างทันที “เจ้าวางสายลับไว้ใกล้ตัวนางงั้นหรือ?”

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งหัวเราะ “แน่นอน เซี่ยฮันโม่ยังเด็กและไร้เดียงสาเกินกว่าจะแข่งขันกับข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าต้องจ่ายราคามหาศาลเพื่อวางสายลับไว้ใกล้ตัวนาง”

ดวงตาของซูเหลียนส่องประกายขึ้น “สมกับเป็นผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็ง ราคาที่เจ้าจ่ายถือว่าคุ้มค่า ตอนนี้ตงเลยร้องเพลงของฝ่ายตรงข้ามไปแล้ว เชี่ยฮันโม่ไม่สามารถใช้เพลงที่นางเตรียมไว้ได้อีกนางจะไม่มีเพลงให้ร้อง”

เซี่ยฮันโม่ตกลงสู่หลุมพรางของผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็ง

รอบสุดท้ายเป็นการแข่งร้องเพลงจํานวนสามเพลง ทั้งสามเพลงจําเป็นต้องได้รับการคัดเลือกมาเป็นพิเศษ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งเสียงเป็นสิ่งจําเป็น นอกจากนั้นพวกนางยังต้องฝึกฝนอย่างหนัก

แต่ละบทเพลงต้องส่งผลกระทบที่แตกต่างกัน

เพลงแรกคือการทําให้คลื่นทะเลสงบ เพลงที่สองคือการดึงดูดสิ่งมีชีวิต เพลงที่สามคือการขับไล่สัตว์ทะเล

ดังนั้นแม้เชี่ยฮันโม่จะเตรียมเพลงสามเพลง แต่หลังจากตงเลยขโมยเพลงแรกไป สองเพลงที่เหลือของนางก็ไม่สามารถใช้แทนที่

“พวกเราจะทําอย่างไร?” องค์รักษ์ทั้งสองรู้สึกกระสับกระส่าย

“บัดซบ! เรามาไกลแล้วแต่กลับติดกับดัก!”

“ไร้ประโยชน์ มันสายเกินไปแล้วที่จะเตรียมตัวตอนนี้”

“นี่เป็นแผนการของผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็ง เราจะเปิดเผยมันและทําลายชื่อเสียงของเขา!” องค์รักษ์เกล็ดแดงกรีดร้อง

ฟางหยวนมององค์รักษ์เกล็ดแดงด้วยสายตาเย้ยหยัน “เจ้ามีหลักฐานงั้นหรือ? ผู้ใดจะเชื่อพวกเรา พวกเขาจะใช้โอกาสนี้โต้กลับ หากเป็นเช่นนั้นพวกเราจะทําอย่างไร?”

“นี่” องค์รักษ์เกล็ดแดงตะลึง

เซี่ยฮันโม่ถอนหายใจ “เช่นนั้นก็ลืมมันไปซะ”

“ท่านหญิง…” องค์รักษ์ทั้งสองไม่รู้ว่าควรกล่าวสิ่งใด

เชี่ยฮันโม่เผยรอยยิ้มขมขึ้น “พวกเจ้ายังสามารถจากไป เร็วเข้า จากไปตอนที่ยังมีเวลา”

หากเซียฮันโม่พ่ายแพ้ นางจะไม่ใช่เทพธิดาเลือกอีกต่อไป หากเป็นเช่นนั้นนางต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีจากเทพธิดาเงือกคนใหม่ตงเลยและผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็ง นางจะพบกับจุดจบที่เลวร้า

เพื่อไม่ให้ผู้ติดตามทั้งสามของนางติดร่างแห แม้จะมีสายลับซ่อนตัวอยู่ แต่เชี่ยฮันโม่ก็ไม่ต้องการให้พวกเขาเดือดร้อนไปพร้อมกับนาง

“ท่านหญิง” เมื่อเข้าใจเจตนาของเซี่ยฮันโม่ องค์รักษ์ทั้งสองเริ่มหลั่งน้ําตา

สถานการณ์นี้ดึงดูดความสนใจของทุกคน

“เกิดสิ่งใดขึ้นกับเชี่ยฮันโม่?”

“ดูเหมือนจะมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น!”

“พวกเขากําลังตื่นตระหนก ฮ่าฮ่า ดูเหมือนการร้องเพลงของท่านหญิงตงเล่ยจะทําให้พวกเขาสิ้นหวัง”

“เฮียฮันโม่จบแล้ว” ในคฤหาสน์วิญญาณ ปู่ซูเหลียนถอนหายใจ

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งเผยรอยยิ้มชั่วร้าย “แม้ข้าจะไม่สามารถจัดการผู้อาวุโสสูงสุดที่โง่เขลาแต่ข้าก็สามารถทรมานเชี่ยฮันโม่เพื่อระบายความโกรธและความเกลียดชังของข้า!”

ตงเล่ยก้าวเท้าลงจากเวทีและกล่าวด้วยความมั่นใจ “ข้าทําให้ทะเลสงบลงหนึ่งเมตรครึ่งข้าจะต่อสู้กับเชียฮันโม่ต่อไป”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท