เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1665 ตํานานเทพสมุทร

บทที่ 1665 ตํานานเทพสมุทร

บทที่ 1665 ตํานานเทพสมุทร

แม้เชี่ยฮันโม่จะเข้าใจว่าการยอมรับผิดของฟางหยวนจะสามารถแก้ปัญหาแต่นางยังปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวโดยไม่ลังเล

นี่ทําให้เสี่ยฮันโม่และคนอื่นๆตกอยู่ในจุดที่ยากลําบาก

อย่างไรก็ตามจุดเปลี่ยนของเรื่องนี้เกิดขึ้นในอีกสามวันต่อมา

เซียฮันโม่ได้รับข้อมูลบางอย่างที่ทําให้นางตกตะลึงและถอนหายใจ “ชิวซวงไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์”

นางส่งข้อมูลที่ได้รับให้องค์รักษ์ของนางและฟางหยวน

หลังจากดูมัน การแสดงออกของพวกเขาก็เปลี่ยนแปลงไป

ชิวชวงเป็นผู้เข้าแข่งขันชิงตําแหน่งเทพธิดาเลือกที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งนางได้รับความนิยมอย่างมากในการแข่งขัน นางมีโอกาสที่จะได้รับตําแหน่งเทพธิดาเลือกมากที่สุด

แต่ผู้ใดจะคิดว่านางเสียพรหมจรรย์ไปแล้ว

มีเพียงเงือกสาวที่ครองพรหมจรรย์เท่านั้นที่สามารถเข้าสู่การแข่งขันชิงตําแหน่งเทพธิดาเงือกนี่คือเงื่อนไขแรก

องค์รักษ์เกล็ดแดงมีความสุข “เยี่ยม! ผู้ใดจะคิดว่าชิวซวงผู้นี้จะไม่ใช่หญิงพรหมจรรย์ ด้วยข้อมูลนี้พวกเขาจะกลายเป็นประวัติศาสตร์!”

องค์รักษ์เกล็ดฟ้ากล่าวอย่างสงบ “พิธีบูชาเทพสมุทรเป็นพิธีการที่สําคัญที่สุดของเผ่ามนุษย์เงือก มันถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดมาตลอด ชิวซวงผ่านการตรวจสอบมาได้อย่างไร? เว้นเพียงการทุจริตจะขยายขอบเขตไปถึงกลุ่มนักบวชแล้ว? สถานการณ์รุนแรงมาก”

ฟางหยวนขมวดคิ้ว “หากเราประกาศเรื่องนี้ออกไป ทุกคนจะคิดว่าเราพยายามปกป้ององค์รักษ์แดงและเชื่อว่านี่เป็นเพียงข้อกล่าวหา นอกจากนั้นข้อมูลที่เราได้รับมีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด? หากนี่เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของพวกเขา พวกเราจะลําบาก”

เซี่ยฮันโม่ส่ายศีรษะ “ข้อมูลนี้เชื่อถือได้ ชิวซวงได้รับการสนับสนุนจากผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็ง เราได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสสูงสุด ข้อมูลนี้ถูกมอบให้ข้าโดยนาง แม้เราจะไม่มีหลักฐานแต่ข้าเชื่อว่าตราบเท่าที่เราตรวจสอบภูมิหลังของชิวซวง เราจะพบความจริง”

เซี่ยฮันโม่สามารถเป็นเทพธิดาเลือกเพราะนางได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสสูงสุดของวังเงื่อกศักดิ์สิทธิ์

ท่ามกลางผู้อาวุโสทั้งหมด ผู้อาวุโสสูงสุดมีอํานาจและความยุติธรรมมากที่สุด แต่เนื่องจากนางใจดีเกินไป ทุกฝ่ายจึงได้รับความเสียหาย การสนับสนุนเชี่ยฮันโม่ของนางเป็นความพยายามที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดของตัวนางเอง

ทุกอย่างเป็นไปตามการทํานายของเซี่ยฮันโม่

ชิวชวงถูกสอบสวน เรื่องราวของนางถูกเปิดเผย นางสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้วจริงๆ

ข้อมูลนี้น่าตกใจเกินไป วังเงือกศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถเก็บเป็นความลับ เมื่อข่าวแพร่กระ จายออกไปเมืองเงือกศักดิ์สิทธิ์ตกสู่ความโกลาหลทันที ผู้ใช้วิญญาณจํานวนนับไม่ถ้วนอ้าปากค้างด้วยความตกใจและรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

“นี่เป็นเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่ที่สุดของวังเงือกศักดิ์สิทธิ์ในรอบหลายพันปีที่ผ่านมา!”

“ชิวชวงช่างกล้าหาญนัก นางไม่เคารพและกระทั่งดูหมิ่นเทพสมุทร นางต้องถูกลงโทษ!”

“ความตายของนางยังไม่สามารถบรรเทาความโกรธของพวกเรา!”

ความโกรธไม่ได้เกิดขึ้นในกลุ่มสามัญชนเท่านั้น วังเงือกศักดิ์สิทธิ์โกรธมากเช่นกัน บทลงโทษซิวซวงถูกตัดสินอย่างรวดเร็ว

ไม่กี่วันต่อมาศีรษะของชิวซวงก็หลุดออกจากบ่า นางถูกประหารชีวิต!

“เพล้ง!”

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งโยนแก้วคุณภาพสูงลงบนพื้น มันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“เชี่ยฮันโม่ เจ้าทํามากเกินไปแล้ว!” ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งคํารามด้วยดวงตาแดงก่ํา

“ข้าบอกเจ้ามานานแล้วว่าให้ควบคุมตนเองเมื่อดื่มสุรา หลังจากเรื่องชิวซวง ในฐานะผู้สนับสนุน ตัวตนระดับสูงจะไม่ให้ความสําคัญกับเจ้าอีกต่อไป” ในห้อง เงือกหญิงวัยกลางคนจิบชาอย่างช้าๆ นางไม่ตื่นตระหนกกับอารมณ์อันบ้าคลั่งของผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็ง

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งกัดฟันกล่าว “ซูเหลียน ข้าไม่ต้องการคําเตือนจากเจ้า พันธมิตรของเราจะไม่หันหลังให้เราเพียงเพราะปัญหาเล็กน้อยเช่นนี้ หากเชี่ยฮันโม่สามารถรักษาตําแหน่งเทพธิดาเงือก พวกเขาจะเดือดร้อนเช่นกัน แม้พวกเขาจะเกลียดข้าและไม่พอใจข้าแต่พวกเขาก็ต้องร่วมมือกับข้าต่อไป!”

ซูเหลียนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “เจ้าพูดถูก แต่ตอนนี้ชิวชวงตายแล้ว เจ้าจะเอาชนะ เซี่ยฮันโม่ได้อย่างไร? ตัวหมากเบี้ยที่ดีที่สุดของเราถูกทําลายไปแล้ว”

“ไม่ ไม่” ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งหัวเราะ “วางใจได้ ข้ามีวิธี”

“โอ้ ข้ากําลังฟังอยู่” ชูชูเหลียนตั้งใจฟัง

แต่ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งเก็บเป็นความลับ “เจ้าจะรู้ในอีกไม่กี่วัน”

ไม่กี่วันต่อมา

ลานกว้างกลางเมืองเงือกศักดิ์สิทธิ์ นางเงือกตงเล่ยกล่าวต่อหน้าทุกคน “ข้ายินดีทําหน้าที่แทนชิวซวงเพื่อให้พิธีการดําเนินต่อไป”

“นางคือผู้ใด?”

“นางเป็นหนึ่งในผู้ติดตามของชิวซวง”

“ผู้ใดจะคิดว่าผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งจะเตรียมสิ่งนี้เอาไว้”

“ตามกฏของเผ่า พี่น้องสามารถเข้าแทนที่กัน ตงเลยสามารถเข้าแทนที่ซิวซวงและชิง ตําแหน่งเทพธิดา”

ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์

ที่มาของพิธีบูชาเทพสมุทรเป็นเรื่องราวในตํานานของเผ่ามนุษย์เงือก

ตํานานกล่าวถึงมนุษย์เงือกกลุ่มแรกที่อาศัยอยู่ในทะเลตะวันออก พวกเขาสร้างหมู่บ้า นเล็กๆขึ้นบนเกาะแห่งหนึ่ง

ต่อมาสัตว์ทะเลขนาดใหญ่บุกโจมตีเกาะ มันสร้างคลื่นยักษ์ขึ้นรอบๆเกาะ หมู่บ้านม นุษย์เงือกเกือบถูกทําลายล้าง

เพื่อช่วยชาวบ้าน นางเงือกอาชิงคุกเข่าที่หน้าผาและสวดอ้อนวอนต่อเทพสมุทร

เทพสมุทรได้ยินคําอธิษฐานของนางและกล่าวว่า “อาชิง ข้าชอบฟังเพลงที่ไพเราะ หากเจ้าสามารถร้องเพลงให้ข้าฟังสามเพลงและทําให้ข้าพอใจ ข้าจะไล่สัตว์ทะเลออกไปและทําให้ทะเลสงบหมู่บ้านของเจ้าจะได้รับการปกป้องจากข้า”

อาชิงดีใจมาก นางตกลงทันที

นางเริ่มร้องเพลงแรกบนหน้าผา มันเป็นเพลงที่มีเสน่ห์ หลังจากร้องจบ เทพสมุทรก็ทําให้ทะเลสงบลง

อาชิงร้องเพลงที่สอง เสียงอันไพเราะของนางราวกับสามารถสะกดจิตเทพสมุทร สาหร่ายเต้นรําตามเสียงร้องของนาง กุ้งและปลามารวมตัวกันเพื่อฟังเพลงของนาง

อาชิงกําลังจะร้องเพลงที่สาม แต่ถึงตอนนี้นางไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกต่อไป หลังจากร้องเพลงติดต่อกันสองวันสองคืน นางรู้สึกเหนื่อยล้ามาก

นางกลับบ้านและบอกทุกสิ่งกับอาหยาน้องสาวของนางก่อนที่นางจะเสียชีวิตจากความเหน็ดเหนื่อย

อาหยาเสียใจมากแต่นางรับปากคําขอร้องสุดท้ายของพี่สาว นางไปที่หน้าผาและกล่าวกับเทพสมุทรว่า “ท่านเทพสมุทร ข้าจะทําหน้าที่แทนพี่สาวของข้าและร้องเพลงที่สามให้ท่านฟัง”

เทพสมุทรตอบ “ตกลง”

อาหยาเริ่มร้องเพลง น้ําเสียงของนางเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและทุกข์ทรมานแต่มันยังแฝงไปด้วยความมุ่งมั่น หลังจากฟังเพลงของนาง เทพสมุทรพอใจมาก สัตว์ทะเลจากไปหมู่บ้านกลับสู่ ความสงบสุขอีกครั้ง

ด้วยเหตุนี้การคัดเลือกเทพธิดาเลือกจึงถูกจัดขึ้นระหว่างพิธีบูชาเทพสมุทร

การทดสอบแต่ละครั้งมีหัวข้อที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามรอบสุดท้ายของการแข่งขันจะเหมือนเดิมเสมอ

มันคือการร้องเพลง

พวกนางต้องขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีที่เหมือนแท่นบูชา

นางเงือกจะร้องสามเพลงก่อนจะตัดสินผลลัพธ์

การทดสอบทั้งหมดก่อนหน้านี้เป็นการคัดคนออก

หากนางเงือกทั้งหมดถูกคัดออกในรอบก่อนหน้า ตําแหน่งเทพธิดาเลือกจะว่างต่อไป

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท