เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1667 แสงจันทร์สีขาว

บทที่ 1667 แสงจันทร์สีขาว

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1667 แสงจันทร์สีขาว

เซี่ยฮันโม่ขึ้นสู่เวทีและตกตะลึง

“เหตุใดเจ้า” นางมองฟางหยวนที่อยู่ข้างๆด้วยความประหลาดใจ

ฟางหยวนขัดจังหวะ “ในฐานะผู้ติดตามของท่าน ข้ามีคุณสมบัติที่จะขึ้นมา”

“ออกไปเร็ว.” เสี่ยฮันโม่เร่งกล่าวแต่ความกังวลอยู่บนใบหน้าของนางเพียงชั่วครู่

“ท่านจะร้องเพลงเดียวกันกับฝ่ายตรงข้ามงั้นหรือ? แม้ท่านจะร้องได้ดีกว่าตงเลย กฏก็จะตัดสิทธิ์ท่าน เชื่อข้า ข้ามีเพลงสําหรับงานนี้” ฟางหยวนขัดจังหวะเซี่ยฮันโม่อีกครั้งและส่งเพลงให้นาง

หัวใจของเซี่ยฮันโม่สั่นสะท้าน

โดยปกติผู้เข้าแข่งขันไม่สามารถเปลี่ยนเพลงได้โดยง่ายเพราะพวกนางต้องเลือกวิญญาณประเภทเครื่องดนตรีที่เหมาะสมและฝึกฝน

หากนางไม่สามารถเปลี่ยนวิญญาณเครื่องดนตรี นั่นหมายความว่าเพลงใหม่ต้องมีจังหวะและท่วงทํานองที่คล้ายคลึงกัน

มันอาจเป็นไปได้หากมีเวลาเตรียมตัวหนึ่งร้อยวัน แต่ในสถานการณ์ที่เร่งรีบเช่นนี้ โอกาสประสบความสําเร็จเกือบเป็นศูนย์

“เพลงไม่เหมือนอย่างแน่นอน แต่อย่าลืมว่าข้ามีส่วนร่วมในการแต่งเพลงของเรา ข้ามีเพลง ที่คล้ายกัน แต่ท่านต้องปรับมันด้วยตนเอง ข้าจะร่วมมือกับท่าน” ฟางหยวนกล่าว “นี่คือเนื้อเพลงและทํานอง

เซี่ยฮันโม่ตกตะลึงก่อนพยักหน้า “ตกลง”

ฟางหยวนสูดหายใจลึก “เช่นนั้นเรามาเริ่มกันเถอะ”

เชี่ยฮันโม่สูดหายใจลึกก่อนจะปิดเปลือกตาลง

ทุกคนเงียบ

พวกเขารอคอยอย่างเงียบๆ

รอ…

และรอ…

“เหตุใดนางยังไม่ร้อง?” บางคนค่อยๆหมดความอดทน

“ฮ่าฮ่าฮ่า นางจะร้องได้อย่างไร? นางไม่มีเพลงให้ร้อง!” หัวหน้าเผ่าคลื่นน้ําแข็งหัวเราะเสียงดังด้วยใบหน้าแดงก่ํา

“โอ้ ขอโทษด้วย มีผู้ใดสามารถให้ข้ายืมวิญญาณพิณหรือไม่?” ฟางหยวนทําลายความเงียบ

ทุกคน “…”

เซี่ยฮันโม่คือผู้เข้าแข่งขัน แต่ในพิธีสําคัญเช่นนี้ นางกลับไม่เตรียมวิญญาณพิณมางั้นหรือ?

“ข้าต้องการวิญญาณพิณระดับสาม ท่านใดสามารถให้ข้ายืมบ้าง?” ฟางหยวนหันหน้าไปทาง กลุ่มผู้อาวุโส

ผู้อาวุโสสูงสุดเข้าใจความนัยของฟางหยวน เซี่ยฮันโม่ประสบอุบัติเหตุและต้องการเว ลาเล็กน้อยดังนั้นผู้อาวุโสสูงสุดจึงสั่งให้บางคนนําวิญญาณพิณไปให้ฟางหยวน

ฟางหยวนได้รับวิญญาณพิณและกล่าว “นี่เป็นเรื่องสําคัญเกินไป ให้เวลาข้าปรับแต่งวิญญาณพิณสักครู่

ทุกคน “…”

กระไรนะ! เจ้าต้องการปรับแต่งวิญญาณพิณในการแข่งขันรอบสุดท้ายงั้นหรือ? จริงจังหรือไม่?

ผู้ใช้วิญญาณมนุษย์ผู้นี้กําลังคิดสิ่งใดอยู่ เขากําลังล้อเล่นกับทุกคนงั้นหรือ?

หัวหน้าเผ่าคลื่นน้ําแข็งออกคําสั่งลูกน้อง หลังจากนั้นเสียงสายหนึ่งก็ดังขึ้น “เจ้าตั้งใจถ่วงเวลา!”

ฟางหยวนตะโกนเสียงดัง “การแข่งขันครั้งนี้มีกฎห้ามปรับแต่งวิญญาณงั้นหรือ? นี่คือการเตรียมความพร้อม เราจะเริ่มหลังจากวิญญาณพิณได้รับการปรับแต่งเรียบร้อยแล้ว!”

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวเสริม “ไม่มีกฏดังกล่ว ข้าอนุญาต รีบปรับแต่งวิญญาณพิณและเริ่ มต้นทุกคนคิดอย่างไร?”

ผู้อาวุโสคนอื่นๆมองหน้ากัน บางคนต้องการกล่าว บางคนเงียบ

ลูกน้องของหัวหน้าเผ่าคลื่นน้ําแข็งตะโกนอีกครั้ง “พิธีบูชาเทพสมุทรสําคัญมาก เจ้าต้องการให้พวกเราเผ่ามนุษย์เงื่อกรอเจ้าปรับแต่งวิญญาณงั้นหรือ?”

ฟางหยวนตําหนิ “ข้าปรับแต่งวิญญาณพิณเพื่อพิธีบูชาเทพสมุทร แต่พวกเจ้ากลับไม่สามารถรอสักครู่สําหรับพิธีการที่สําคัญนี้งั้นหรือ? ผู้ใดที่ไม่สามารถอดทนต่อเรื่องนี้สามารถก้าวออกมาและจากไปได้ทันที!”

ทุกคนเงียบ

“ปากดีนัก! เมื่อเจ้ามาอยู่ในมือของข้า ข้าจะทุบฟันของเจ้าและดึงลิ้นของเจ้าออกมา!” หัวหน้าเผ่าคลื่นน้ําแข็งเย้ยหยัน

ทุกคนเฝ้ามองฟางหยวนปรับแต่งวิญญาณพิณ

เซี่ยฮันโม่ถูกละเลย

นางยืนอยู่ข้างฟางหยวน นางเคยเข้าร่วมพิธีบูชาเทพสมุทรและกลายเป็นเทพธิดาเงือกมาก่อนนางเคยเห็นพิธีบูชาเทพสมุทรมาหลายครั้งแต่ไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น

ความเร็วในการปรับแต่งวิญญาณพิณของฟางหยวนเร็วขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะเมื่อเขาได้รับความร่วมมือจากเจ้าของวิญญาณพิณ

หลังจากปรับแต่งวิญญาณพิณ ฟางหยวนยืนขึ้นและเดินไปอยู่ด้านหลังเซี่ยฮัน โม่ก่อนกล่าวด้วยความมั่นใจ “เอาล่ะ การแสดงที่แท้จริงกําลังจะเริ่มขึ้น”

“ในที่สุด…” ทุกคนถอนหายใจ

“ร้องออกมา ข้าอยากรูว่าพวกเจ้าจะร้องเพลงใด” หัวหน้าเผ่าคลื่นน้ําแข็งเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน

ผู้อาวุโสสูงสุดและสององค์รักษ์ของเซี่ยฮันโม่มีท่าทีกังวล

เสียงพิณเริ่มดังขึ้น

ฟางหยวนใช้วิญญาณพิณปล่อยเสียงและท่วงทํานองที่ไพเราะออกมา

เซี่ยฮันโม่ที่ปิดเปลือกตาอยู่เริ่มร้องเพลง

แสงจันทร์สีขาวอยู่ในใจข้า

สว่างไสวแต่เยือกเย็นมาก

ทุกคนมีความเศร้าของตนเอง

ยิ่งอยากปิดบังแต่ยิ่งชัดเจน

เสียงอันไพเราะของนางทําให้ทุกคนมีนเมา พวกเขาไม่สามารถหยุดดื่มดํากับความรู้สึกอันน่าหลงใหลและคล้อยตามไปกับบทเพลงของนาง

แสงจันทร์สีขาวทําให้ขอบฟ้าสว่างไสว

อยู่ในใจแต่ไม่อาจอยู่เคียงกาย

ข้าไม่สามารถเช็ดน้ําตาบนใบหน้าของเจ้า

ระยะทางขวางกั้น ข้าไม่อาจทําตามใจปรารถนา

มันเป็นท่วงทํานองที่โศกเศร้า เรียบง่าย และสง่างาม ทุกอย่างดําเนินไปอย่างราบรื่น ความรู้สึกโศกเศร้าทุกข์ระทมเติมเต็มหัวใจของทุกคน

เสียงของเซี่ยฮันโม่ดังกังวานและพุ่งทะยาน อ่อนโยนและอบอุ่น มันเหมือนแสงจันทร์สีขาวที่ดูเย็นชาแต่แฝงไว้ด้วยความอบอุ่นอยู่ภายใน

เปลือกหอยดนตรีเริ่มเปล่งแสงสีขาวออกมา คลื่นสมุทรสงบลงราวกับไม่ต้องการรบกวนการร้องเพลงของนาง

แสงจันทร์สีขาวทําให้ขอบฟ้าสว่างไสว

ยิ่งคิดก็ยิ่งเหงา

ข้าไม่สามารถเช็ดน้ําตาออกจากความทรงจํา

เส้นทางสายนี้ยาวไกลเกินไป ข้าไม่อาจเดินไปหาเจ้า

เซี่ยฮันโม่ตั้งใจร้องเพลงแต่สายตาของนางหันไปทางฟางหยวน

นางคิด “เจ้ามีความเศร้าอยู่ในใจด้วยงั้นหรือ?”

มนุษย์เงือกจํานวนนับไม่ถ้วนหลั่งน้ําตา

ความเจ็บปวดจากความรักและการพลัดพรากทําให้น้ําตาของพวกเขาไหลริน

แสงจันทร์สีขาวอยู่ในใจข้า

สว่างไสวแต่เยือกเย็นมาก

ทุกคนมีความเศร้าของตนเอง

ยิ่งอยากปิดบังแต่ยิ่งชัดเจน

เมื่อเพลงจบลง ทุกคนเงียบ

ในคฤหาสน์วิญญาณ หัวหน้าเผ่าคลื่นน้ําแข็งยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ

ทะเลสงบ เมฆสีดํากระจัดกระจายออกไป ดวงจันทร์ที่สว่างไสวส่องแสงลงมายังเปลือกหอยดนตรีและห่มคลุมเชี่ยฮันโม่กับฟางหยวนเอาไว้

ทั้งสองมองหน้ากัน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท