เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1664 การทดสอบเทพธิดาเลือก

บทที่ 1664 การทดสอบเทพธิดาเลือก

บทที่ 1664 การทดสอบเทพธิดาเลือก

เมืองทะเลศักดิ์สิทธิ์

พิธีบูชาเทพสมุทร

ผู้ชมรอบๆโห่ร้องเสียงดัง

ฟางหยวนยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนและเฝ้ามองนางเงือกที่เข้าแข่งขันอย่างลึกซึ้ง

แผนการของเขาคือเลือกหนึ่งในนั้นและช่วยนาง

“พวกเขาพยายามช่วยนางให้เป็นเทพธิดาเงือกงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งทุ่มทุนมหาศาลเพื่อช่วยซิวชวง”

องค์รักษ์เกล็ดฟ้าและเกล็ดแดงของเซี่ยฮันโม่มองหน้ากันหลังจากได้ยินเรื่องนี้ ทั้งสองเต็มไปด้วยความกังวล

ในห้องโถง ฟางหยวนกัดฟันแน่น

ก่อนหน้านี้เซี่ยฮันโม่ปกป้องฟางหยวน เรื่องนี้ทําให้เกิดข่าวลือเพิ่มขึ้น ในที่สุดวังเงือกศักดิ์สิทธิ์จึงตัดสินใจคัดเลือกเทพธิดาเลือกอีกครั้ง

“นี่เป็นอุบาย พวกเขาใช้ประโยชน์จากความเมตตาของท่าน พวกเขารู้ว่าท่านจะไม่ทิ้งข้า ดังนั้นสถานการณ์นี้จึงเกิดขึ้น” ฟางหยวนถอนหายใจ

เซี่ยฮันโม่ยิ้ม “ฟางหยวน ไม่จําเป็นต้องรู้สึกผิด หากเราทิ้งเจ้า พวกเขาจะปล่อยข่า วลือว่าข้าใจร้ายมันจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของข้าเช่นกัน”

“ท่านหญิงไม่จําเป็นต้องปลอบใจข้า” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่น “ผลกระทบและความรุนแรงของทั้งสองกรณีแตกต่างกันมาก เราทํางานร่วมกันมานาน ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร?”

เซี่ยฮันโม่ตอบ “เอาล่ะ ลืมเรื่องนี้ไปเถอะ มันไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น”

ฟางหยวนและสององค์รักษ์ปรับอารมณ์ของพวกเขาอย่างรวดเร็ว

เซียฮันโม่กล่าวเสริม “ตําแหน่งเทพธิดาเงือกไม่ใช่เรื่องง่าย ช่วงเวลาที่ข้าเริ่มตรวจสอบการทุจริต บางคนพยายามทําลายข้า นี่หมายความว่าปัญหาการทุจริตในกลุ่มผู้อาวุโสของวังเงือกศักดิ์สิทธิ์รุนแรงมาก อย่าพึ่งมองโลกในแง่ร้ายเกินไป แม้พวกเขาจะคัดเลือกเทพธิดาเลือกอีกครั้งแต่ข้ายังไม่สูญเสียคุณสมบัติ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบ่มเพาะเทพธิดาเลือกคนใหม่”

สถานที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่ล้วนมีการแข่งขันเพื่อผลประโยชน์

เมืองของมนุษย์เงือกก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

มันมีแผนการและผลประโยชน์ทับซ้อนซ่อนอยู่มากมาย

เทพธิดาเงือกมีสถานะสูงส่ง หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถบ่มเพาะเทพธิดาเงือกของตนพวกเขาจะมีความได้เปรียบทางการเมืองและจะได้รับประโยชน์มากขึ้น

โดยทั่วไปนางเงือกที่สามารถเข้าร่วมในการแข่งขันเพื่อชิงตําแหน่งเทพธิดาเลือกต้องมีภูมิหลังที่ลึกซึ้งหรือได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายที่แข็งแกร่ง

ในเมืองทะเลศักดิ์สิทธิ์ การร้องเพลงและเต้นรําค่อยๆหยุดลงขณะที่เสียงกลองดังขึ้น

ลานกว้างกลางเมืองมีนางเงือกเพียงไม่กี่คนที่เต้นรํามาจนถึงตอนนี้โดยไม่เหน็ดเหนื่อยเพราะต้องการคว้าตําแหน่งเทพธิดาเงือก

ฟางหยวนยืนอยู่ที่นั่นและมองนางเงือกเจ็ดคนที่มีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน บางคนงดงาม บางคนมีเสน่ห์ บางคนอ่อนเยาว์ บางคนน่ารัก และบางคนสง่างาม

มีน้ําพุจิตวิญญาณธรรมชาติขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางลานกว้าง มันถูกเรียกว่าน้ําพุเทพสมุทร

นางเงือกอาวุโสปรากฏตัวขึ้น

นางมองเงือกสาวทั้งเจ็ดและพยักหน้า “การทดสอบรอบแรก เข็มสีทองในน้ํามันดิบ”

หลังจากสิ้นเสียงประกาศผู้ใช้วิญญาณมากกว่าสิบคนก็นําถังขนาดใหญ่เข้ามาที่ลานกว้าง

พวกเขาวางถังไว้ด้านหน้าเงือกสาวแต่ละคน ถังมีขนาดใหญ่กว่าร่างกายของพวกนางหลายเท่า

ถังเหล่านี้เต็มไปด้วยน้ํามันดิบ การทดสอบแรกคือการงมเข็มสีทองขึ้นมาจากน้ํามันดิบในเวลาที่กําหนด

“ข้าขอให้ผู้ติดตามเป็นตัวแทนของข้าในรอบนี้” นางเงือกเกล็ดขาวซูอี้มองถังน้ํามันข นาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าและกล่าวอย่างใจเย็น

“อนุญาต” นางเงือกอาวุโสกล่าว

“อย่าเครียด อย่ากังวล” เซี่ยหลินให้กําลังใจตนเองอย่างต่อเนื่องขณะเดินเข้าไปในลานกว้าง

“เกิดสิ่งใดขึ้น? ท่านหญิงซูอี้ผู้ยิ่งใหญ่มีผู้ใช้วิญญาณระดับสองเป็นผู้ติดตามงั้นหรือ?”

“ใจเย็นๆ ซูอี้ต้องมีเหตุผลที่เลือกนางเงือกผู้นี้”

ทุกคนแสดงความคิดเห็น

“เป็นนาง?” ฟางหยวนมองเซี่ยหลินและขมวดคิ้ว เขาไม่ได้คาดหวังว่าเงือกสาวผู้นี้จะเป็นผู้ติดตามของนางเงือกผู้เข้าแข่งขันที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

วิญญาณรวบรวมน้ํามัน!

เซี่ยหลินใช้วิญญาณระดับห้าของนางทันที

น้ํามันดิบในถังเริ่มเคลื่อนไหว พวกมันถูกดึงออกมาและรวบรวมไว้ในมือของนาง

ลานกว้างตกสู่ความโกลาหล

“วิญญาณระดับห้า!”

“นางเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสองแต่นางสามารถใช้วิญญาณระดับห้างั้นหรือ? ข้าเห็นสิ่งใดผิดไปหรือไม่?

“ข้าเข้าใจแล้ว นี่ต้องเป็นวิญญาณรวบรวมน้ํามันระดับห้าที่เป็นประเด็นร้อนเมื่อไม่นานมานี้”

“นางมีวิญญาณที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ซูอี้รับนางเป็นผู้ติดตาม”

พลังอํานาจของวิญญาณรวบรวมน้ํามันไม่ใช่เรื่องตลก หลังจากไม่นานถังน้ํามันก็กลายเป็นว่างเปล่าและทิ้งไว้เพียงเข็มสีทองที่ส่องประกายอยู่ที่ก้นถังเท่านั้น

ผู้คนรู้สึกตื่นเต้น

สายตาที่เร้าร้อนจํานวนนับไม่ถ้วนมองไปที่เชี่ยหลิน

เซี่ยหลินเริ่มประหม่า ใบหน้าของนางกลายเป็นสีแดงระเรือโดยไม่รู้ตัว

ซูอี้มองนางด้วยรอยยิ้มและคิดกับตนเอง “ข้าคิดถูกแล้วที่รับนางเข้ากลุ่ม

ในการทดสอบแรกซูอี้พึ่งพาความสามารถของเซี่ยหลินเพื่อเพิ่มชื่อเสียงให้กับตนเอง

ดวงตาของฟางหยวนกลายเป็นมืดครึ้มราวกับขุมนรก เขาคิด “หกในเจ็ดคนที่ผ่าน การทดสอบรอบแรกทุกคนต่างเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีสําหรับการทดสอบนี้ เห็นได้ชัดว่าเนื้อหาของการทดสอบรั่วไหล

เปลวไฟสีเขียวซีดลุกไหม้อยู่ด้านหน้าเชี่ยยันโม่และสร้างเป็นเส้นทางเพลิงที่น่าขนลุก

นางเงือกเกล็ดขาวชิวซวงยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามและมองมาที่เชี่ยฮันโม่ด้วยสายตาเย้ยหยัน “อดีตเทพธิดา ถึงคราวของท่านแล้ว”

“บัดซบ! เพลิงภูตผีผลาญวิญญาณ! มันต้องใช้วิญญาณชนิดพิเศษเพื่อต่อต้านมัน เราเตรียมตัวมาเต็มที่แล้ว แต่ผู้ใดจะคิดว่าการทดสอบแรกจะเฉพาะเจาะจงเช่นนี้!”

“สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือชิวชวงมาพร้อมกับวิญญาณที่เหมาะสม นางสามารถต่อต้านเพลิงภูตผีผลาญวิญญาณ นี่คือโชคงั้นหรือ? ไม่! นางรู้เนื้อหาของการทดสอบอย่างชัดเจนนี่คือแผนการของเผ่าคลื่นน้ําแข็ง พวกเขาสมรู้ร่วมคิดและโกงอย่างเปิดเผย!”

สององค์รักษ์ของเซียฮันโมโกรธมาก

“ปล่อยข้า” ฟางหยวนเดินเข้าไปหาเซียฮันโม่ที่กําลังขมวดคิ้ว

“เจ้า?” เซี่ยฮันโม่มองฟางหยวนด้วยความกังวล

“เชื่อข้า ข้ามั่นใจในเรื่องนี้” ฟางหยวนมองเข้าไปในดวงตาของเชียฮันโม่โดยตรง

ทั้งสองมองหน้ากันชั่วครู่ก่อนที่เชี่ยฮันโม่จะหันหลังกลับ

“ระวังให้ดี เพลิงภูตผีผลาญวิญญาณไม่ธรรมดา หากเจ้าทนไม่ไหว เจ้าสามารถถอยออกมา” เซี่ยฮันโม่กล่าว

ฟางหยวนหัวเราะก่อนจะก้าวเข้าสู่กองไฟ

ความเจ็บปวดทุ่งเข้าโจมตีจิตวิญญาณของฟางหยวนทันที

ร่างของเขาสั่นสะท้านขึ้น เขาเดินไปตามเส้นทางเพลิงอย่างยากลําบาก

เขากัดฟันแน่นจนเลือดไหลออกมาจากปาก

ดวงตาของเขาเบิกกว้าง จิตวิญญาณของเขาถูกเผาไหม้ โชคดีที่เขามีประสบการณ์มากมาย และเป็นปีศาจต่างโลก เพลิงภูตผีผลาญวิญญาณส่งผลกระทบต่อเขาน้อยกว่าคนทั่วไป

เขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเพราะความล้มเหลวของเขาหมายถึงความล้มเหลวของเซี่ยฮันโม่

เขาประสบความสําเร็จในการเดินผ่านเส้นทางเพลิงและทําให้ทุกคนตกตะลึง

หัวใจของมนุษย์เงือกหลายคนสั่นไหว

ฟางหยวนพยายามฝืนยิ้มแต่ในวินาทีต่อมาเขาก็หมดสติลง

แต่เมื่อเขากําลังจะล้มลงบนพื้น เซี่ยฮันโม่กลับเข้ามาประคองเขาเอาไว้ในอ้อมแขน

“อย่ากังวล ข้าจะไม่ทําให้ความพยายามของเจ้าสูญเปล่า” เซี่ยฮันโม่มองฟางหยวนอย่างลึกซึ่งก่อนที่นางจะหันหน้าไปทางชิวชวงและเป็นครั้งแรกที่สายตาอันอ่อนโยนของนางเผย กลายเป็นเย็นชา

ด้วยการเสียสละของฟางหยวน เซี่ยฮันโม่ตั้งใจจัดการฝ่ายตรงข้ามอย่างเด็ดเดี่ยว

การทดสอบรอบที่สอง รอบที่สาม และรอบที่สี่

นางจัดการได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตอนนี้คู่แข่งของนางเหลือเพียงชิวซวงเท่านั้น

“ดูเหมือนท่านหญิงเซี่ยฮันโม่จะสามารถรักษาตําแหน่งของนาง” ฟางหยวนยังอ่อนแรงแต่เขาแสดงออกด้วยความยินดี

“ทั้งหมดต้องขอบคุณเจ้า ฟางหยวน หากเจ้าไม่แสดงผลงานในรอบแรก พวกเราคงไม่สามารถมาถึงรอบนี้”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าเดินผ่านถนนเพลิงภูตผีผลาญวิญญาณ มันทําให้ทุกคนตกตะลึง เจ้ารู้หรือไม่ว่า ข่าวของเจ้าทําให้มนุษย์เงือกทั้งหมดในเมืองเงือกศักดิ์สิทธิ์ตกใจมาก”

องค์รักษ์ทั้งสองหัวเราะเสียงดัง

ฟางหยวนกล่าวอย่างจริงจัง “ระวัง พวกเราอาจดูเหมือนเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ฝ่า ยตรงข้ามย่อมไม่ต้องการเห็นพวกเราได้รับชัยชนะ”

ฟางหยวนคาดเดาไว้แล้วว่าผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งจะลงมือแต่เขาไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายเช่นนี้

ในบ้านหลังหนึ่ง องค์รักษ์เกล็ดแดงคุกเข่าลงบนพื้นด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดง “ท่านหญิงโปรดให้ข้าออกไปต่อสู้ ข้าต้องการลบล้างข้อกล่าวหาและความอัปยศที่พวกเขามอบให้ข้า ข้าจะรังแกหญิงม่ายได้อย่างไร?”

เซี่ยฮันโม่ถอนหายใจ “ลุกขึ้น ข้ารู้จักเจ้าดี นี่เป็นแผนการของฝ่ายตรงข้าม หากเจ้าเคลื่อนไหวแผนการของพวกเขาจะประสบความสําเร็จ”

องค์รักษ์เกล็ดฟ้ากังวล “นี่ไม่ใช่หญิงม่ายธรรมดา นางคือซูเหลียน ภรรยาของอดีตผู้อาวุโสลําดับที่สามของวังเงือกศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาชั่วร้ายเกินไป เจ้าหน้าที่จะมาจับกุมเขาเพื่อนําตัวไปพิจารณาคดีในไม่ช้า ในกรณีนี้เขาจะไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขัน ความแข็งแกร่งของพวกเราจะลดลงอย่างมาก!”

ฟางหยวนกล่าวเสริม “ภรรยาของอดีตผู้อาวุโสลําดับที่สามของวังเงือกศักดิ์สิทธิ์เต็มใจเสียสละชื่อเสียงของนางเพื่อกล่าวหาเขา นางต้องมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็ง การทุจริตครั้งนี้รุนแรงมาก มิฉะนั้นนางจะไม่เสียสละตนเอง เพื่อวางกับดักนี้ พวกเขาต้องเตรียมตัวมาอย่างเพียงพอ หากเราพยายามทําให้สถานการณ์กระจ่างขึ้น เราจะตกลงสู่กับดักของพวกเขา ตอนนี้เราทําได้เพียงไหลไปตามกระแสและหาทางออกเท่านั้น”

“เราจะทําเช่นนั้นได้อย่างไร?”

“ ง่ายมาก ข้าจะรับผิดเรื่องนี้เอง” ฟางหยวนกล่าวอย่างชัดเจน

ดวงตาขององค์รักษ์ทั้งสองเบิกกว้างขณะมองฟางหยวน

“ไม่มีทาง” เซี่ยฮันปฏิเสธข้อเสนอนี้ทันที

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท