เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1672 หยุดไร้เดียงสา

บทที่ 1672 หยุดไร้เดียงสา

บทที่ 1672 หยุดไร้เดียงสา

“ท่านชู ข้าจะไม่มีวันลืมคําแนะนําของท่านตลอดชีวิต!” เซี่ยหลินโค้งคํานับฟางหยวนอย่างจริงจัง

ฟางหยวนหัวเราะ “ความพยายามของข้าไม่สูญเปล่า แต่บางครั้งการพูดก็ง่ายกว่าการทํา ข้าจะถามเจ้าตอนนี้เจ้าต้องการทําสิ่งใดมากที่สุด”

เซี่ยหลินลังเล

“ข้าอยากติดตามท่านชู!” นี่เป็นสิ่งแรกที่ผุดขึ้นในใจของนาง

แต่ก่อนที่นางจะกล่าว นางเห็นฟางหยวนส่ายศีรษะ “เจ้ายังคิดไม่ถูก เจ้าสามารถคิดในภายหลัง แท้จริงแล้วข้าไม่กังวลว่าเจ้าต้องการทําสิ่งใด เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าต้องการทําสิ่งใด?”

เซี่ยหลินสายศีรษะ แต่ในวินาทีต่อมาดวงตาของนางกลับเบิกกว้างขึ้นขณะที่ร่างกาย กลายเป็นแข็งที่อยู่

เพราะฟางหยวนค่อยๆใช้มือลูบใบหน้าของนาง

“ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ…”

ใบหน้าของเซี่ยหลินเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ หัวใจของนางเต้นแรงมาก

นางสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากมือของฟางหยวน นางรู้สึกเหมือนสายฟ้าพุ่งผ่านร่างกายและจิตใจของนาง

ฟางหยวนดึงมือกลับ “เจ้ายังสวมหน้ากากอยู่”

เซี่ยหลินมึนงง

ฟางหยวนกล่าว “บางครั้งพวกเราจะสวมหน้ากากแห่งทัศนคติของตนเอง บางค รั้งผู้คนก็บังคับให้พวกเราสวมหน้ากาก ตอนนี้สิ่งที่ข้าต้องการทํามากที่สุดก็คือถอดหน้ากากของ เจ้ารวมมือกับข้า ตกลงหรือไม่?”

“ท่าน…ท่านชู ท่านไม่จําเป็น…” เชี่ยหลินกลายเป็นพูดติดอ่าง

ฟางหยวนกล่าวต่อ “ข้าจะไม่มีความสุขเว้นเพียงข้าจะถอดหน้ากากนี้ออก เนื่องจากเจ้ารู้สึกว่าตนเองติดหนี้ข้า เช่นนั้นจงร่วมมือกับข้าเพื่อชดใช้หนี้ที่ติดค้าง ตกลงหรือไม่?”

เซี่ยหลินจะปฏิเสธได้อย่างไรหลังจากได้ยินถ้อยคําเหล่านี้

นางคุกเข่าลงบนพื้นและก้มศีรษะคํานับฟางหยวนสามครั้งก่อนจะยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว “ท่านชูข้าจะทําทุกสิ่งที่ท่านต้องการ””

“ดี เช่นนั้นจงเป็นเทพธิดาเงือก”

“อันใด!?”

หลายวันต่อมา

การแข่งขันรอบสุดท้ายดึงดูดความสนใจของทุกคน

ซูอี้มองเซี่ยหลินด้วยความตกใจราวกับเห็นผี

สองคนรับใช้ของนางก็เช่นกัน

ตามคําอธิบายของผู้อาวุโส ผู้คนตกสู่ความโกลาหล

ซูอี้มั่นใจมากในชัยชนะเพราะคู่แข่งของนางได้รับบาดเจ็บสาหัสในรอบก่อนหน้าและไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันรอบสุดท้าย

แต่ผู้ใดจะคิดว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดจะเกิดขึ้น

น้องสาวที่พลัดพรากมานานหลายปีของผู้เข้าแข่งขันที่ได้รับบาดเจ็บคือนางเงือกเซี่ยหลิน!

“เรื่องนี้เกินจริงไปหรือไม่?”

“เหลือเชื่อ!”

“เซี่ยหลินนางคือคนที่ทรยศซูอี้เพื่อผลประโยชน์ของตนเองผู้นั้นใช่หรือไม่?”

“นั่นเป็นเรื่องโกหกที่ผู้ติดตามของซูอี้จงใจแพร่กระจายข่าวออกไป เหตุผลที่แท้จริงคือซูอี้ต้องการเปลี่ยนผู้ติดตาม ข้าได้ยินมาว่าเจ้าหน้าที่สารภาพความจริงแล้ว บทสนทนาที่เขากดดันเซี่ยหลินถูกบันทึกไว้และเป็นหลักฐานที่ชัดเจน!”

“โอ้ เรื่องนี้น้ําเน่ายิ่งกว่าละคร!”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้น

สองคนรับใช้ของซูอี้ลอบคุยกันอย่างลับๆ “เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“ความรู้สึกของมวลชนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเช่นนี้ได้อย่างไร?”

“แล้วเหตุใดเจ้าหน้าที่ถึงยอมรับความผิดโดยไร้เหตุผล?”

การแสดงออกของซูอี้กลายเป็นไม่น่ามองขณะที่เชี่ยหลินยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนอย่างสงบ

หลังจากได้รับคําชี้แนะจากฟางหยวน จิตใจของนางยกระดับขึ้นแล้ว

ซูอี้รู้สึกกดดันมากเมื่อตระหนักว่าเซี่ยหลินไม่แม้แต่จะมองนาง นางกล่าวเสียงเย็น “เซี่ยหลิน ข้าไม่คิดว่าเราจะพบกันอีกครั้งในลักษณะนี้”

“ข้าก็ไม่ได้คาดหวังเช่นกัน” เชี่ยหลินกล่าวอย่างตรงไปตรงมา นางรู้สึกว่าทุกสิ่งที่ผ่าน มาก่อนหน้านี้ราวกับความฝัน

ซูอี้กล่าวอีกครั้ง “ไม่ว่าเจ้าจะมีแผนการใด การแข่งขันรอบสุดท้ายก็ไม่ใช่สิ่งที่นางเงือกที่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างเร่งด่วนเช่นเจ้าจะสามารถผ่านได้ ตําแหน่งเทพธิดาเงือกจะเป็นของข้า”

“โอ้” เซี่ยหลินตอบเบาๆ

ซูอี้รู้สึกราวกับถูกยั่วยุ นางหงุดหงิดมาก

เซี่ยหลินกวาดตามองผู้คนที่อยู่รอบๆ ท่านบอกว่าเขาจะเฝ้ามองอยู่ท่ามกลางฝูงชน แต่เขาอยู่ที่ใดข้าไม่เห็นเขาเลย เขาอาจปลอมตัว เขามีวิธีการลึกลับมากมาย หากเขาต้องการซ่อนตัวข้าจะไม่มีวันพบเขา”

หลังจากเรื่องนี้จบลง ข้าจะบอกเขาว่าข้าต้องการติดตามเขา ข้าสงสัยว่าเขาจะตกลงหรือไม่?”

จิตใจของเซี่ยหลินติดอยู่กับคําถามนี้ หากเปรียบเทียบกับคําตอบของคําถามนี้ ตําแหน่งเทพธิดาเงือกไม่สําคัญกับนางเลย

เพลงแรก เซี่ยหลินทําได้ดีกว่าซูอี้เล็กน้อย เพลงที่สอง เซี่ยหลินสามารถเอาชนะซูอี้

ผลลัพธ์นี้เหนือความคาดหมายของทุกคน นั่นทําให้ความความโกลาหลปะทุขึ้น

ฟางหยวนที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางผู้คนแสดงออกด้วยความตกใจแต่ในใจกลับสงบนิ่ง

หลายวันที่ผ่านมาเขาฝึกฝนเซียหลินอย่างหนักโดยใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาระดับอมตะเพื่อเพิ่มเวลาฝึกฝนให้นาง

ฟางหยวนเลือกเพลงให้นางเป็นการส่วนตัวรวมถึงจัดเตรียมวิญญาณดนตรีให้นาง

นอกจากนั้นฟางหยวนยังแอบช่วยเซี่ยหลินระหว่างการแสดงของนาง

เขาคิด “นอกจากผู้อมตะที่มาจากภายนอก ในถ้ําสวรรค์แห่งนี้ไม่มีผู้อมตะคนอื่น ข้าใช้วิธีการระดับอมตะ แล้วข้าจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างไร?

“เราควรทําอย่างไร รอบที่สามกําลังจะเริ่มแล้ว” สองคนรับใช้ของซูอี้กังวลมาก ทั้งสองถูกส่งตัวมาจากกองกําลังที่อยู่เบื้องหลังซูอี้ หากซูอี้ไม่ได้รับตําแหน่งเทพธิดาเงือกทั้งสองต้องรับโทษ

ซูยิ้มองเซี่ยหลินด้วยใบหน้าซีดขาว

ในความคิดของซูอี้ เซี่ยหลินเป็นเพียงเด็กสาวทั่วไปที่ธรรมดามาก มันเป็นเพียงเพราะวิญญาณรวบรวมน้ํามันที่ทําให้ซูอี้สนใจนาง

แม้ซูอี้จะละทิ้งและโยนความผิดให้เชี่ยหลิน แต่นางก็ไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่

กระทั่งเซี่ยหลินจะต้องการแก้แค้น แต่นางจะทําสิ่งใดได้? นางไม่มีกองกําลังสนับสนุนอยู่ เบื้องหลัง การบ่มเพาะของนางก็อยู่ในระดับสองเท่านั้น

หากไม่ใช่เพราะซูอี้ต้องการตําแหน่งเทพธิดาเงือก นางจะไม่ชําเลืองมองคนเช่นเซี่ยหลิน

สําหรับซูอี้ วิญญาณระดับห้าไม่สามารถอยู่ในการครอบครองของผู้ใช้วิญญาณระดับสองในความคิดเห็นของนาง เซี่ยหลินอาจถูกฆ่าชิงทรัพย์ในอนาคต ดังนั้นมันจะดีกว่าที่นางจะเกลี้ยกล่อมให้เชี่ยหลินใช้วิญญาณรวบรวมน้ํามันระดับห้าเพื่อนาง ด้วยวิธีนี้ฝ่ายของนางจะได้รับประโยชน์ ขณะที่เซี่ยหลินจะไม่ถูกปล้นฆ่า นี่ถือเป็นความเมตตาของนาง

อย่างไรก็ตามหากนางไม่ได้รับ นางก็จะทําลาย แต่ในพิธีบูชาเทพสมุทร ซูอี้ไม่กล้าแบ่งความสนใจนางทําได้เพียงไว้ชีวิตเสี่ยหลินเป็นการชั่วคราวเท่านั้น

ก่อนหน้านี้หากบางคนกล่าวว่าเซี่ยหลินจะเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการเป็นเทพธิดา เงือกของนางนางจะหัวเราะเสียงดัง

กระทั่งตอนนี้ซูอี้ก็ยังต้องการหัวเราะกับตนเอง แต่โชคชะตามักล้อเล่นกันชีวิตผู้คนเสมอ

หลักฐานที่พิสูจน์ตัวตนของเซี่ยหลินถูกสร้างขึ้นโดยฟางหยวน มันไม่สามารถหักล้าง กระทั่งซูอี้ก็ยังเชื่อว่าตัวตนของเซี่ยหลินเป็นเช่นนั้นจริงๆ

“โอ้ โชคชะตา นี่เป็นเรื่องตลกร้ายเกินไปจริงๆ” ซูอี้ถอนหายใจ

“คุณหนู เราควรทําอย่างไร?” คนรับใช้ทั้งสองไม่มีแผนการ

“เราไม่สามารถทําสิ่งใดต่อหน้าผู้คนจํานวนมาก เราไม่มีเวลาเช่นกัน เหลือเพียงทางเดียว ข้าจะเกลี้ยกล่อมนาง” ซูอีเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะกัดฟันแน่น

นางถ่ายทอดเสียงไปหาเซี่ยหลิน “เซี่ยหลิน ข้าคือซูอี้”

เซี่ยหลินรู้สึกประหลาดใจแต่นางยังสามารถสงบจิตใจลงอย่างรวดเร็ว “เกิดสิ่งใดขึ้น?”

ซูอี้กล่าว “ข้าต้องการทําข้อตกลงกับเจ้า แพ้ในรอบต่อไปและให้ข้าเป็นเทพธิดาเงือก ข้าสาบานในนามของเทพสมุทรว่าข้าจะจ่ายในราคาที่ทําให้เจ้าพึงพอใจ แม้พลังของข้าจะไม่เพียงพอแต่ครอบครัวของข้าสามารถทําให้เจ้าพอใจได้อย่างแน่นอน”

เซี่ยหลินเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะตอบกลับ “ขอโทษ แต่ข้า…”

“อย่ารีบปฏิเสธ เชี่ยหลิน เจ้าไร้เดียงสาเกินไป บางทีเจ้าอาจยังไม่เข้าใจถึงความสําคัญของตําแหน่งเทพธิดาเงือก เจ้าคิดว่าเทพธิดาเงือกคือสิ่งใด เพียงความเชื่อหรือการคัดเลือกแบบผิวเผินงั้นหรือ? ผิดทั้งคู่ มันเกี่ยวกับผลประโยชน์ของตัวตนระดับสูง”

“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการแก้แค้น แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าสถานการณ์ของเจ้าอันตรายมาก หากเจ้ากลายเป็นเทพธิดาเงือก เจ้าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ฝ่ายพี่สาวของเจ้าผลักเจ้าขึ้นเวทีเพราะพวกเขาไม่มีตัวเลือกอื่น เมื่อเจ้ากลายเป็นเทพธิดาเลือก พวกเขาจะใช้กําลังทั้งหมดเพื่อทําให้เจ้ากลายเป็นหุ่นเชิด พวกเขาจะบังคับให้เจ้าทําทุกสิ่งเพื่อผลประโยชน์ของพวกเขา”

“แม้เราจะไม่รู้จักกันมากนัก แต่ข้าเข้าใจเจ้า เจ้าเป็นคนใจดีและไร้เดียงสา หากเจ้าเป็นเทพธิดาเงือก เจ้าจะพยายามต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของเผ่ามนุษย์เงือก แต่เจ้าจะไม่ประสบความสําเร็จ เจ้าไม่ใช่ผู้ทรงอิทธิพลทางการเมือง เจ้าเป็นเพียงคนนอก เว้นเพียงเจ้าจะเข้าร่วมกับบางกองกําลังและเป็นตัวแทนเพื่อสร้างผลประโยชน์ให้กับพวกเขา มิฉะนั้นเจ้าจะถูกต่อต้านจากทุกฝ่ายและกลายเป็นเทพธิดาเลือกที่ไร้อํานาจที่สุดในประวัติศาสตร์”

“แต่หากเจ้าเลือกทําธุรกรรมกับข้า เจ้าจะได้รับผลประโยชน์ที่เหนือจินตนาการ มันมากกว่าผลประโยชน์ที่เจ้าจะได้รับจากพี่สาวของเจ้า จงเชื่อข้า!”

ซูอีกล่าวถ้อยคําอันไพเราะและน่าอัศจรรย์ออกมา กระทั่งเซียหลินยังหวั่นไหว

แต่นางตอบว่า “ท่านหญิงซูอี้ ข้าตระหนักถึงความจริงใจของท่าน แต่ข้าไม่สามารถรับข้อเสนอของท่านในเรื่องนี้”

“เพราะเหตุใด?” น้ําเสียงของซูอี้กลายเป็นร้อนรน “เจ้าคิดว่าข้าหลอกเจ้างั้นหรือ? แม้มันจะโหดร้าย แต่สิ่งที่ข้ากล่าวล้วนเป็นความจริง อย่าทําเช่นนี้ หยุดไร้เสียงดา เข้าใจหรือไม่?”

เซี่ยหลินเงียบ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท