เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1674 การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด

บทที่ 1674 การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1674 การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด

การแข่งขันสิ้นสุดลงแล้ว ผลลัพธ์ทําให้ทุกคนประหลาดใจ คนที่กลายเป็นเทพธิดาเงือกคือเซี่ยหลิน

วังเทพธิดาส่องประกายสว่างไสว คนรับใช้กําลังวิ่งไปรอบๆ

เซี่ยหลินเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้นางอยู่ในชุดสีขาวขณะที่หางปลาของนางวางอยู่บนก้อนเมฆ

นางเปิดหน้าต่างและมองไปที่ลานกว้าง แต่ปะการังที่งดงามเหล่านั้นไม่สามารถดึงดูดความสนใจของนาง

นางคิด “หลายวันผ่านไปแล้ว ท่านชูไม่ปรากฏตัวอีก เมื่อใดเขาจะกลับมา?”

“ท่านหญิง พี่สาวของท่านมาเยี่ยม” เป็นเพียงเวลานี้ที่สาวใช้เดินเข้ามากล่าวรายงาน

เซี่ยหลินขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ “เชิญนางเข้ามา”

จ้าวลู่พี่สาวของเซี่ยหลินเดินเข้ามา

นางเป็นเพียงพี่สาวในนามของเซี่ยหลิน แต่หลังจากฟางหยวนดัดแปลงความทรงจําของนาง พี่สาวผู้นี้ก็ไม่สงสัยในตัวตนของเซี่ยหลินอีก

“น้องเล็ก คิดทบทวบคํากล่าวของข้าเมื่อสองสามวันก่อนหรือยัง?” จ้าวลู่กล่าวเป้าหมายของนางออกมาโดยตรง

เซี่ยหลินหัวเราะ “ข้าขอโทษจริงๆ ข้าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตําแหน่งเทพธิดาเงือกไม่เคยเป็นเป้าหมายของข้า หากเป็นไปได้ ข้าก็ไม่ต้องการเป็นเทพธิดาเงือก”

จ้าวลู่หัวเราะด้วยน้ําเสียงเย้ยหยันและอิจฉา

นางพ่ายแพ้ให้กับซูอี้โดยไม่คาดคิด จากนั้นเซี่ยหลินก็ปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่าและได้รับการสนับสนุนจากกองกําลังที่อยู่เบื้องหลังนาง แต่พวกเขาไม่คิดว่าเซี่ยหลินจะประสบความสําเร็จจริงๆ

กองกําลังที่อยู่เบื้องหลังจ้าวลู่ต้องการให้เซี่ยหลินเป็นตัวแทนของพวกเขาเพื่อกอบโกยผลประโยชน์

แต่ก่อนที่ฟางหยวนจะจากไป เขาสั่งให้เซี่ยหลินปฏิเสธการมีส่วนร่วมทางการเมืองทั้งหมด

ดังนั้นเซี่ยหลินจึงปฏิเสธจ้าวลู่เมื่อไม่กี่วันก่อน

จ้าวลู่ไม่พอใจ

ประการแรก น้องสาวที่หายตัวไปของนางปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน นอกจากความเกี่ยวข้องทางสายเลือด นางไม่รู้จักน้องสาวผู้นี้แม้แต่น้อย

ประการที่สอง นางทํางานหนักมานาน แต่สุดท้ายเซี่ยหลินกลับคว้าตําแหน่งเทพธิดาเงือกไป นี่เหมือนกับการขโมยความฝันทั้งชีวิตของนาง

ประการสุดท้าย กองกําลังที่อยู่เบื้องหลังจ้าวลู่ยังให้นางออกมาชักชวนและผูกมัดเชียหลิน แต่เซี่ยหลินกลับปฏิเสธ

ทั้งหมดทําให้อารมณ์ของจ้าวลู่ไม่ดีนัก

“เซี่ยหลิน หากเจ้าไม่ต้องการเป็นเทพธิดาเงือก เหตุใดเจ้าถึงเข้าร่วมการแข่งขัน? เราทั้งคู่ต่างเข้าใจสถานการณ์นี้ บอกข้ามาว่าเจ้ามีคําขอใด เราสามารถเติมเต็มความต้องการของเจ้า!” จ้าวลู่กล่าวอย่างตรงไปตรงมา

เซี่ยหลินขมวดคิ้ว นางรู้ว่าจ้าวลู่ไม่ใช่พี่สาวที่แท้จริงของนาง ทั้งหมดเป็นเพียงการจัดเตรียมของท่านชู

ตอนนี้เมื่อนางได้ยินถ้อยคําเหล่านี้จากจ้าวลู่ ความรู้สึกที่นางมีต่อจ้าวลู่จึงแย่ลงอย่างมาก

“ท่านพี่” เซี่ยหลินกล่าวเบาๆ “ข้าขอโทษจริงๆ ข้าไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ท่านมั่นใจได้ว่าข้าจะไม่ร่วมมือกับฝ่ายอื่นเช่นกัน”

ดวงตาของจ้าวลู่เบิกกว้าง “เซี่ยหลิน เจ้าช่างไร้เดียงสานัก เจ้าคิดเช่นนี้จริงๆงั้นหรือ? ข้าคิดว่าเจ้ากําลังรอราคาที่เหมาะสม เห้อ…ข้าประเมินเจ้าสูงเกินไป หากเป็นกรณีนี้ข้าจะอธิบายให้ชัดเจน เจ้าจะตายหากเจ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากเรา เข้าใจหรือไม่?”

เซี่ยหลินตะลึง “อย่าบอกข้าว่า…”

จ้าวลู่สายศีรษะ “อย่าคิดบ้าๆ เราไม่มีเจตนาทําร้ายเจ้าแม้เจ้าจะไม่ร่วมมือกับเรา เจ้าคือเทพธิดาเงือก ไม่มีผู้ใดกล้าทําร้ายเจ้าอย่างเปิดเผย มิฉะนั้นพวกเขาจะพบกับความตายอันน่าสยดสยอง”

“เทพธิดาเงือกทุกคนมีหน้าที่สําคัญ นั่นคือการไปที่ทะเลปีศาจร่ําไห้และร้องเพลงเป็นเวลาสามวันสามคืนเพื่อกําจัดกลิ่นอายปีศาจ นี่เป็นงานอันตรายและมีโอกาสรอดชีวิตต่ํามาก เทพธิดาเงือกหลายคนเสียชีวิตในทะเลปีศาจร่ําไห้ บางคนที่สามารถกลับมาก็จะกลายเป็นคนบ้า แม้ตำแหน่งเทพธิดาเงือกจะดูดี แต่มันก็มีความเสี่ยงและอันตรายมาก”

“มีเรื่องเช่นนี้งั้นหรือ?” เซี่ยหลินประหลาดใจ

จ้าวลู่หัวเราะ “เจ้าคิดว่าข้าหลอกเจ้างั้นหรือ? ข้อมูลนี้อาจถูกซ่อนจากคนทั่วไป แต่มันไม่ใช่ความลับที่ยิ่งใหญ่ เจ้าสามารถตรวจสอบได้อย่างง่ายดายด้วยสถานะของเจ้าในปัจจุบัน”

“ท่ามกลางทะเลที่อยู่ภายใต้การปกครองของเผ่ามนุษย์เงือก ทะเลที่อันตรายที่สุดคือทะเลปีศาจร่ําไห้ มันเป็นเขตต้องห้าม! ตามตํานานเทพอมตะสวรรค์พิภพผนึกปีศาจอมตะที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดเอาไว้ที่ทะเลแห่งนี้ เทพอมตะสวรรค์พิภพใจดีเกินกว่าจะสังหารปิศาจอมตะ ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีผนึกปีศาจตนนี้เอาไว้และพยายามทําให้ปีศาจกลับใจ นั้นเป็นที่มาของเสียงโหยหวน ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในทะเลปีศาจร่ําไห้ แต่ปีศาจตนนี้แข็งแกร่งเกินไป กลิ่นอายปีศาจของมันจะค่อยๆสะสมและทําให้สิ่งมีชีวิตในทะเลดุร้ายและแข็งแกร่งขึ้น”

“ภารกิจของเทพธิดาเงือกคือการไปที่จุดศูนย์กลางของทะเลปีศาจร่ําไห้และร้องเพลงอย่างสุดกําลังเพื่อปัดเปากลิ่นอายปีศาจ มิฉะนั้นเมื่อเวลาผ่านไปทะเลปีศาจร่ําไห้จะกลืนกินทุกสิ่งและขยายอาณาเขตออกไปเรื่อยๆ”

เซี่ยหลินเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อได้ยินความลับนี้ “กระทั่งเทพธิดาเงือกที่ได้รับการสนับสนุนและเตรียมตัวอย่างเพียงพอยังต้องเผชิญหน้ากับอันตราย หากข้าไปที่นั่นเพียงลําพังโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือ มันไม่ใช่การรนหาที่ตายงั้นหรือ?”

“แน่นอน!” จ้าวลู่ตอบอย่างจริงจัง

นางคาดหวังว่าเรื่องนี้จะทําให้นางสามารถเกลี้ยกล่อมเซี่ยหลิน แต่นางไม่ได้คาดหวังว่าเซี่ยหลินจะปฏิเสธ “ถึงกระนั้นข้าก็จะไม่ร่วมมือ”

“แม้มันจะทําให้เจ้าตายงั้นหรือ?” การแสดงออกของจ้าวลู่กลายเป็นยิ่งเย็นชา

ไม่ใช่ว่าเซี่ยหลินไม่รู้สึกลังเล แต่ภาพของฟางหยวนในใจของนางทําให้นางยืนกรานที่จะทําตามคําสั่งของเขา

“ถูกต้อง ข้าแน่ใจ แม้ข้าจะตาย”

จ้าวลู่โกรธมาก นางหัวเราะ “หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็ขอให้เจ้าโชคดี!”

พี่สาวและน้องสาวแยกทางกันอย่างไร้เยื่อใย

“ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดมันก็ปรากฏ!” หน้าหอคอยเกียรติยศ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

ภารกิจใหม่ปรากฏขึ้นบนหอคอยเกียรติยศ มันคือภารกิจช่วยเทพธิดาเงือกทําภารกิจของนางให้สําเร็จ

มันไม่ได้อธิบายรายละเอียดใดๆ หากเป็นคนนอก พวกเขาจะไม่รู้ว่ามันคือภารกิจใด

แต่ฟางหยวนรู้ ภารกิจของเทพธิดาเงือกคือการชําระล้างกลิ่นอายปีศาจในทะเลปีศาจร่ําไห้

นี่คือโอกาสที่ฟางหยวนจะสามารถเข้าสู่ทะเลปีศาจร่ําไห้

เดิมทีฟางหยวนไม่แน่ใจว่าภารกิจนี้จะปรากฏขึ้นหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงต้องสนับสนุนเทพธิดาเงือกที่ไร้กําลังและไม่มีผู้ใดให้พึ่งพา

ด้วยวิธีนี้เทพธิดาเงือกจะไม่สามารถทําภารกิจดังกล่าวและต้องการความช่วยเหลือ

จากคนนอก

ในถ้ําสวรรค์แห่งนี้ไม่มีผู้อมตะท้องถิ่นนอกจากปีศาจอมตะที่ถูกผนึกไว้ในทะเลปีศาจ ให้กลิ่นอายปีศาจเป็นสิ่งอันตราย ถ้ําสวรรค์ต้องคัดเลือกเทพธิดาเงือกและให้นางกําหราบมัน

ภารกิจนี้มีความสําคัญมาก หากไม่มีเทพธิดาเงือกนานเกินไป กลิ่นอายปีศาจจะกระจายไปทั่วทั้งถ้ําสวรรค์และส่งผลกระทบต่อการจัดเตรียมของเทพอมตะสวรรค์พิภพ

สิ่งที่ฟางหยวนทําคือการเร่งให้ภารกิจนี้ปรากฏขึ้น

ผลลัพธ์ก็คือแผนการของเขาประสบความสําเร็จ

โดยปราศจากความลังเล ฟางหยวนรับภารกิจนี้และถูกส่งตัวไปยังเมืองทะเลศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง

หลายวันต่อมา

เทพธิดาเงือกเซี่ยหลินยืนอยู่บนหลังเต่ายักษ์ที่กําลังมุ่งหน้าไปยังทะเลปีศาจร่ําไห้

ฟางหยวนยืนอยู่ด้านหลังนางอย่างสงบ

การเดินทางราบรื่นมาก แต่ทันใดนั้นพายุใหญ่กลับพัดมาพร้อมกับเสียงคร่ําครวญ “ข้าเสียใจจริงๆ เหตุใดข้าต้องยั่วยุเทพอมตะสวรรค์พิภพ ข้าเสียใจมาก!”

เซียหลินสะดุ้งตกใจ นางมองฟางหยวน “ท่านชู…”

“อย่ากังวล” ฟางหยวนยิ้มและลอบใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อทําให้เซี่ยหลินและเต่ายักษ์สงบลง

เสียงคร่ําครวญเหมือนท่าไม้ตายอมตะที่สามารถรบกวนสิ่งมีชีวิตทั้งหมด

ยิ่งพวกเขาเดินทางลึกเข้าไปในทะเลปีศาจร่ําไห้มากเท่าใด เสียงคร่ําครวญก็ยิ่งดังและเข้มข้นมากเท่านั้น

“ข้าเสียใจ ข้าไม่ควรฆ่าคนมากมายเช่นนั้น!”

“ข้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง ข้าไม่ควรไล่ล่าอํานาจ มันจะดีกว่านี้หากข้าอยู่ที่บ้านดูแลบิดามาร

“ข้าสํานึกผิดแล้ว ข้าหลอกลวงทุกคนและปกปิดวิญญาณอมตะ ข้าปล่อยให้สหายที่ดีที่สุดของข้าแบกรับความผิดขณะที่ข้าฉกฉวยผลประโยชน์!”

เสียงคร่ําครวญทําให้ใบหน้าของเซี่ยหลินซีดขาวขณะที่ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะเขาสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่

“ข้าเกือบแน่ใจแล้วว่าวิญญาณความเสียใจอยู่ที่นี่ แต่หากเข้านําวิญญาณความเสียใจออกมา มันจะกระตุ้นการจัดเตรียมของเทพอมตะสวรรค์พิภพหรือไม่?” ฟางหยวนสงสัย

วิญญาณความเสียใจมีความสําคัญมาก มันถูกใช้ในการกําหราบปีศาจอมตะที่อยู่ในทะเลแห่งนี้

แต่ฟางหยวนตัดสินใจที่จะแบกรับความเสี่ยงเพื่อให้ได้รับวิญญาณความเสียใจดวงนี้

ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิธีการตรวจสอบทั้งหมดของเขา ค่ายกลวิญญาณค่อยๆปรากฏขึ้นในใจของเขาแต่มันก็ทําให้ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดเผือด

“ค่ายกลวิญญาณนี้ช่างทรงพลังนัก! มันยิ่งใหญ่ราวกับท้องฟ้า! ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของข้าไม่ต่ําต้อย วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาของข้ายิ่งทรงพลัง แต่ขากลับต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายสิบปีเพื่อทําความเข้าใจค่ายกลนี้!”

เหงื่ออันเย็นเยียบไหลลงมาจากหน้าผากของฟางหยวน หัวใจของเขาเต้นแรงเมื่อค้นพบบางสิ่ง “วิญญาณความเสียใจ!”

เขาพบมันแล้ว

แม้วิญญาณความเสียใจจะถูกซ่อนไว้ แต่ฟางหยวนรู้แล้วว่ามันอยู่ที่ใด

“ข้าควรทําอย่างไรเพื่อให้ได้รับมันมา โดยไม่กระตุ้นการตอบโต้ของค่ายกลวิญญาณอมตะ!”

บางทีข้าอาจพึ่งพาเกราะหวนคืนเพื่อต่อต้านมัน”

“หรือข้าควรหยิบยืมพลังอํานาจของปีศาจอมตะที่ถูกผนึกไว้?”

ฟางหยวนวิเคราะห์อย่างต่อเนื่องอยู่ในใจ

หากปีศาจอมตะถูกปลดปล่อย สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกใบเล็กใบนี้อาจเผชิญหน้ากับภัยพิบัติครั้งใหญ่ แต่ฟางหยวนไม่วิตกและไม่สงสาร

ขณะที่เขากําลังไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนี้ การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้น

ค่ายกลวิญญาณอมตะทํางานด้วยตัวของมันเอง วิญญาณความเสียใจพุ่งตรงมาที่ฟางหยวน!

“เกิดสิ่งใดขึ้น!?” ฟางหยวนถูกส่งออกจากถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้าทันที

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท