เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1676 โชคชะตาคือสิ่งใด

บทที่ 1676 โชคชะตาคือสิ่งใด

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1676 โชคชะตาคือสิ่งใด

ท้องฟ้าสดใสไร้เมฆ

เมืองใบไม้แดงคึกคักไปด้วยผู้คน

หกปีผ่านไปตั้งแต่หงถิงบุตรของเจ้าเมืองถือกําเนิด

ในช่วงหกปีที่ผ่านมาเมืองใบไม้แดงมสงบสุขปราศจากภัยพิบัติ อาณาเขตของมันถูกขยายออกไปหลายสิบเท่าและกลายเป็นเมืองอันดับหนึ่งของมนุษย์

“จิ๊บ จิ๊บ”

ฝูงนกกระจอกจิตวิญญาณบินลงมาจากท้องฟ้า ร่างกายของพวกมันเรืองแสงสีทองและโบยบินราวกับกําลังเต้นรํา

พวกมันบินมาถึงยอดคฤหาสน์ของเจ้าเมืองก่อนจะระเบิดเป็นแสงสีทองระยิบระยับโปรยปรายลงมา

ภายในคฤหาสน์เจ้าเมือง หงถิงกําลังกวัดแกว่งดาบสั้นด้วยความชํานาญ

เป็นเพียงเวลานี้ที่ร่างของหงถิงหายไป แสงดาบก่อตัวเป็นทรงกลมและส่องสว่างไปทั่ว

“ยอดเยี่ยม!”

“อัศจรรย์!”

“นายน้อยมีพรสวรรค์ที่ไร้คู่เปรียบอย่างแท้จริง ท่านฝึกกระบวนท่านี้มาเพียงสามเดือนแต่สามารถปลดปล่อยแสงดาบที่หนาแน่นเช่นนี้ออกมา ช่างน่าเหลือเชื่อนัก”

ยามที่อยู่รอบๆยกย่องจากส่วนลึกของหัวใจ

เจ้าเมืองหงจูลูบเคราและพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เขาภูมิใจในตัวบุตรชายผู้นี้มาก

หลายปีที่ผ่านมาพรสวรรค์ของหงถิงเปลี่ยนความเข้าใจของเขาหลายครั้ง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าความสามารถของเขาเป็นเพียงสิ่งตื้นเขิน

เนื่องจากความประหลาดใจอย่างไม่รู้จบสิ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา หงจูเคยชินกับมันไปแล้ว ความอัศจรรย์ทั้งหมดเกี่ยวกับบุตรชายของเขากลายเป็นเรื่องธรรมดา

“บึม!”

เสียงระเบิดดังขึ้น

แสงดาบหายไป ร่างของหงถิงปรากฏขึ้นอีกครั้ง ดาบสั้นของเขาฟันหินก้อนใหญ่ออกเป็นชิ้นๆ

เสียงโห่ร้องสรรเสิรญดังขึ้น

“ท่านพ่อ ข้ารู้สึกว่าวิชาดาบของข้ายังไม่ถึงขีดจํากัด ยังมีช่องว่างสําหรับพัฒนา” หงถิงเดินออกมาจากซากปรักหักพังด้วยรอยยิ้ม-

หงจูหัวเราะเสียงดัง “ทักษะดาบนี้เป็นท่าไม้ตายของนักดาบที่มีชื่อเสียงจ้าวซานซื่อ ข้าใช้สมบัติมากมายเพื่อแลกเปลี่ยนมัน เจ้าพึ่งฝึกเพียงสามเดือนแต่กลับรู้สึกว่ามันยังไม่ดีพองั้นหรือ?”

หงถิงกระพริบตากล่าว “ท่านพ่อ มันเป็นเพียงแรงบันดาลใจ กล่าวตามตรงวิชาดาบนี้พอใช้ได้ ข้าเรียนรู้แก่นแท้ทั้งหมดของมันเรียบร้อยแล้วหลังจากฝึกมาสามเดือน”

หงจูไอและรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย พรสวรรค์ของบุตรชายของเขายอดเยี่ยมเกินไป เขาเรียนรู้เร็วและสามารถเข้าใจแก่นแท้ที่ลึกที่สุดของทักษะเหล่านั้นได้ในระยะเวลาสั้นๆ

นี่เป็นสิ่งที่ดีและไม่ดีในเวลาเดียวกัน ความมั่งคั่งของหงจูถูกใช้จ่ายไปอย่างรวดเร็ว

เขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อค้นหาเคล็ดลับต่างๆมาสอนหงถิงแต่พวกมันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับความสามารถในการเรียนรู้ของเขา หากเป็นเช่นนี้ต่อไป หงจูอาจพบปัญหา

เป็นเพียงเวลานี้ที่แสงสีทองที่นกกระจอกจิตวิญญาณระเบิดออกมาแทรกซึมเข้าสู่จิตใจของทุกคน

โดยไม่คาดคิด พวกเขาได้รัรบมรดกที่แปลกประหลาดทุกประเภท

“นี่คือของขวัญจากผู้อมตะ!”

“ข้าสงสัยว่ามันคือสิ่งใด?”

“เราควรขอบคุณนายน้อย เราทุกคนต่างได้รับผลประโยชน์จากโชคชะตาของท่าน”

ทุกคนมองหงถิงด้วยสายตาชื่นชม กระทั่งหงจูยังเกิดความรู้สึกซับซ้อน

หงถิงปิดเปลือกตาลงและจมอยู่ในทะเลแห่งความรู้ที่ได้รับ

หงจูและคนอื่นๆไม่แปลกใจกับฉากนี้ สามัญชนนอกคฤหาสน์เจ้าเมืองประหลาดใจเล็กน้อย แต่พวกเขาก็กลับไปทําธุระของตนเองอย่างรวดเร็ว

ปรากฏการณ์นี้ไม่ธรรมดา แต่เมื่อมันเกิดขึ้นบ่อยครั้ง พวกเขาก็คุ้นชินกับมันแล้ว

ตั้งแต่หงถิงถือกําเนิดและกลายเป็นศิษย์ของราชันมังกร ปรากฏการณ์ที่น่าอัศจรรย์เหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งรอบๆตัวเขา

ราชันมังกรเป็นผู้นําของวังสวรรค์ แต่ยังไม่ต้องกล่าวถึงผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ เพียงสิบนิกายโบราณที่อยู่ภายใต้การปกครองของวังสวรรค์ก็มีรากฐานที่แข็งแกร่งมากแล้ว

ราชันมังกรแจ้งข่าวเรื่องศิษย์ของเขาออกไปโดยไม่ปิดบัง ทุกคนเข้าใจเจตนาของเขา ดังนั้นทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะ ปีศาจอมตะ หรือผู้บ่มเพาะสันโดษต่างให้ความสนใจกับการเติบโตของหงถิง

หงถิงเป็นเมล็ดพันธุ์อมตะที่จะกลายเป็นผู้อมตะของวังสวรรค์ในอนาคต นี่ไม่ใช่ความลับ ดังนั้นผู้อมตะหลายคนมักให้ความช่วยเหลือหงถิงเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาล่วงหน้า

ผลที่ได้คือของขวัญเช่นนกกระจอกจิตวิญญาณรวมถึงปรากฏการณ์ระดับอมตะทุกประเภทที่ปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้จบสิ้น

หลังจากไม่นานหงถิงก็ซึมซับความรู้ทั้งหมดที่ได้รับ แต่เขายังขมวดคิ้ว “มีวิธีการฝึกอาวุธสิบแปดประเภท แต่ละวิธีทั้งประณีตและมีเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตามไม่มีสิ่งใดเกี่ยวกับการปลุกทะเลวิญญาณ ท่านพ่อ เมื่อใดที่ข้าจะสามารถปลุกทะเลวิญญาณและใช้วิญญาณ ไม่ว่าทักษะเหล่านี้จะยอดเยี่ยมเพียงใด พวกมันก็เป็นเพียงทักษะของมนุษย์ธรรมดา”

“บุตรเอ๋ย อย่ารีบร้อน เจ้าลืมไปแล้วงั้นหรือว่าอาจารย์ของเจ้าสั่งไว้ว่าอย่างไร” หงจูกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หงถิงโบกมืออย่างไม่สามารถอดทน “ท่านพ่อ ข้ารู้ ข้ารู้ ท่านอาจารย์บอกว่าแม้ข้าจะสามารถปลุกทะเลวิญญาณได้ล่วงหน้า ข้าก็สามารถทํามันเมื่ออายุครบสิบสองเท่านั้น ก่อนถึงเวลาที่เหมาะสมข้าไม่ควรเร่งรีบ ท่านอาจารย์ทรงพลังมากแต่เหตุใดท่านไม่ปลุกทะเลวิญญาณให้ข้าตอน

การแสดงออกของหงจูเปลี่ยนไป “บุตรชายของข้า อาจารย์ของเจ้าเป็นผู้อมตะ เจ้ายังไม่เข้าใจสิ่งที่เขาคิด แต่เจ้าต้องเชื่อฟัง เจ้าต้องเข้าใจว่าเขาจะไม่ทําร้ายเจ้า เขาห่วงเจ้าเหมือนพ่อกับแม่”

“ทราบแล้ว ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว โปรดอย่างโกรธเคือง” หงถิงป้องหมัดขึ้น เขารักและกตัญญูต่อบิดามารดาของเขามาก

หลายปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ราชันมังกรปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งและรับหงถิงเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ เขาพาหงถิงท่องเที่ยวไปทั่วโลกและอบรมสั่งสอนเป็นการส่วนตัว

เมื่อหงถิงอายุครบสิบสอง ราชันมังกรปลุกทะเลวิญญาณให้เขา หงถิงก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการบ่มเพาะอย่างเป็นทางการ ด้วยพรสวรรค์อันไร้คู่เปรียบและรากฐานที่แข็งแกร่ง ความก้าวหน้าของเขารวดเร็วจนน่าตกใจ

ไม่เพียงการบ่มเพาะแต่ประสบการณ์ของเขายังเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาพบผู้คนมากมายทั้งมนุษย์และผู้อมตะ คนดีและคนชั่ว เขาเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตและสวรรค์พิภพอย่างลึกซึ้ง

เขามีคุณธรรมและเกลียดชังความชั่วร้าย เขาหล่อเหลา ใจดี เจ้าเล่ห์ และมีไหวพริบ

“ท่านอาจารย์ ข้าพบว่าคนชั่วเซี่ยตู๋เต๋าที่ทําลายหมู่บ้านพักอยู่บนภูเขาใกล้กับที่นี่” หงถิงกลับมาถึงถ้ำหลังจากออกล่าสัตว์ เขากล่าวกับราชันมังกรด้วยความตื่นเต้น

ราชันมังกรพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “นั่งลงก่อน น้ำแกงเกือบพร้อมแล้ว มันทํามาจากกระดูกของสัตว์อสูรบรรพกาล มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการเติบโตของเจ้า”

หงถิงโยนเหยื่อลงบนพื้นและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ท่านอาจารย์ ข้าต้องการกําจัดเซี่ยตู๋เต๋ามานานกว่าหนึ่งปีแล้ว แต่ท่านบอกว่าข้าเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสามขณะที่เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ครึ่งปีก่อนขาก้าวเข้าสู่ระดับสี่และมีโอกาสเอาชนะเซี่ยตู๋เต๋าแต่ท่านกล่าวว่ามันมีโอกาสไม่ถึงร้อยส่วน ดังนั้นท่านจึงไม่ยอมให้ข้าเคลื่อนไหว สามเดือนก่อนขาก้าวเข้าสู่ระดับห้า ข้าสามารถจัดการเซี่ยตู๋เต๋าได้อย่างง่ายดายภายในสองหรือสามกระบวนท่า แต่ท่านบอกว่ายังไม่ถึงเวลา ท่านอาจารย์ หากเราปล่อยให้คนชั่วผู้นี้อาละวาดต่อไป ผู้ใดจะรู้ว่าต้องมีการสูญเสียอีกมากเท่าใด โปรดให้ข้าไปจัดการเขาเดี๋ยวนี้!”

ราชันมังกรวางทัพพลงและถอนหายใจกล่าว “ศิษย์ของข้า โอกาสยังมาไม่ถึง”

“ข้าไม่สนใจโอกาสใดๆทั้งสิ้น ข้ารู้เพียงว่าหากข้าไม่เคลื่อนไหวตอนนี้ ข้าจะเสียโอกาสที่ดี!” หงถิงกล่าวด้วยคยวามมุ่งมั่น

ราชันมังกรสายศีรษะ “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เซี่ยตู๋เต๋าจะตาย หากเจ้าฆ่าเขา ไม่เพียงมันจะไร้ประโยชน์ แต่มันยังจะนําไปสู่โศกนาฏกรรมที่ร้ายแรงกว่าอีกด้วย”

“ข้าไม่เชื่อ! ข้าต้องการเพียงหนึ่งกระบวนท่าเพื่อปลิดชีพเขา!” หงถิงมองราชันมังกรด้วยสายตาแข็งกร้าว

ราชันมังกรเงียบไปชั่วครู่ “เช่นนั้นก็ไปเถอะ เด็กน้อย ลองดู”

“ขอบคุณท่านอาจารย์!”

“ข้าเพียงหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจเมื่อถึงเวลานั้น”

“เหตุใดข้าต้องเสียใจ? ท่านอาจารย์ โปรดรอสักครู่ ศิษย์จะกลับมาพร้อมศีรษะของเซี่ยตู๋เต๋าภายในสิบห้านาที”

หงถิงจากไปทันที

แต่สิบห้านาทีผ่านไป สามสิบนาทีผ่านไป สี่สิบห้านาที่ผ่านไป หงถิงก็ยังไม่กลับมา

ราชันมังกรเห็นทุกสิ่ง เขาตระหนักถึงเวลาที่เหมาะสมและออกจากถ้ำไปหาหงถิง

หงถิงคุกเข่าลงบนพื้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ ความโกรธ และความเสียใจอย่างสุดซึ้ง

เขามองเชิงเขาด้วยความตื่นตระหนก ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่สงบสุข

ดวงตาของหงถิงเปลี่ยนเป็นสีแดง คราบน้ำตายังปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา

“ท่านอาจารย์ ข้าไม่คิดว่าจะมีมรดกอมตะอยู่ที่นี่ เซี่ยตู๋เต๋าลอบมาที่นี่เพื่อรับมรดกนี้ หลังจากข้าทําลายแผนการของเขา เขาใช้พลังของมรดกต่อต้านข้า ข้าต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมด แต่ข้าไม่คิดว่าการต่อสู้จะทําให้ภูเขาพังทลาย หมู่บ้านเล็กๆถูกฝังกลบอย่างสมบูรณ์ ท่านอาจารย์! เป็นเพราะข้า ข้าทําให้ชาวบ้านเหล่านี้เสียชีวิต!” หงถิงสะอื้นไห้

ราชันมังกรไม่ปลอบใจ เขานิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเปิดปากกล่าว “ศิษย์ของข้า เจ้าต้องการแก้แค้นหรือไม่? เจ้ายังต้องการกําจัดเซี่ยตู๋เต๋าหรือไม่? โอกาสมาถึงแล้ว”

“จริงหรือ? เขาอยู่ที่ใด?” ร่างกายของหงถิงสั่นสะท้านขึ้น

“ที่ภูเขาลูกนั้น” ราชันมังกรชี้นิ้วออกไป

หงถิงรีบไปและฆ่าเซี่ยตู๋เต๋าอย่างง่ายดาย

“ข้าได้รับมรดกที่แท้จริงมาแล้วและกําลังดูดซับผลประโยชน์ แต่ในช่วงเวลาสําคัญเจ้ากลับตามข้ามา หากมีเวลา ข้าจะกลายเป็นผู้อมตะ ข้าจะไม่แพ้เจ้า!” นี่เป็นคํากล่าวสุดท้ายของเซี่ยตู๋เต๋าก่อนที่เขาจะเสียชีวิต

หงถิงยืนมองศพของเซี่ยตู๋เต๋าอย่างเงียบๆ

ราชันมังกรปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

หงถิงถามด้วยเสียงแหบแห้ง “ท่านอาจารย์ หากข้าเชื่อท่าน ข้าจะฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย ชาวบ้านเหล่านั้นจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถูกต้องหรือไม่?”

ราชันมังกรไม่ตอบ เขาเพียงตบไหล่หงถิงเบาๆ

ร่างของหงถิงสั่นเทาขณะที่เขาจมลงสู่ความเงียบ หลังจากชั่วครู่เขาเปิดปากถามอีกครั้ง “ท่านอาจารย์ ข้าอยากรู้ว่า…โชคชะตาคือสิ่งใด?”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท