เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1682 ค้นหาถ้ําสวรรค์

บทที่ 1682 ค้นหาถ้ําสวรรค์

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1682 ค้นหาถ้ําสวรรค์

สวรรค์สีขาว

นกกระเรียนสีขาวที่งดงามบินอยู่รอบๆฟางหยวนและส่งเสียงที่ไพเราะออกมา

ฟางหยวนสามารถออกคําสั่งนกกระเรียนขาวตัวนี้ได้ด้วยความคิดของเขา มันง่ายราวกับการขยับมือของเขาเอง

ในที่สุดข้าก็สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า!” ฟางหยวนบินไปข้างหน้าและกล่าว เบาๆ “ไป!”

กระเรียนขาวกระพือปีกและทะยานร่างไปข้างหน้า แต่ก่อนที่มันจะบินห่า งออกไป มันกลับบินวนอยู่รอบๆสถานที่แห่งหนึ่งบนท้องฟ้าที่ว่างเปล่าและส่งเสียงกรีดร้องออก มาอย่างต่อเนื่อง

ริมฝีปากของฟางหยวนม้วนตัวขึ้นขณะที่เขาได้รับข้อมูลชุดหนึ่งจากกระเรียนขาว มันเป็นภาพภายในถ้ําสวรรค์ห้าเซียง

ท่าไม้ตายอมตะกายาสวรรค์ระดับเก้าไม่ใช่ท่าไม้ตายสายโจมตีหรือป้องกันแต่เป็นท่าไม้ตายสายตรวจสอบ!

เป้าหมายของการตรวจสอบของมันคือทุกสิ่งที่อยู่ในสวรรค์สีขาว

ระยะการตรวจสอบของมันกว้างใหญ่และเกินขีดจํากัดของฟางหยวนไปไกลมาก ดังนั้นมันจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการค้นหาและปล้นสะดมทรัพยากรธรรมชาติทุกชนิดในสวรรค์สีขาว

ความสามารถในการตรวจสอบของมันแข็งแกร่งมากเช่นกัน

มันสามารถค้นพบถ้ําสวรรค์ที่ซ่อนอยู่!

ถ้ําสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ในสวรรค์สีขาวจะถูกค้นพบอย่างง่ายดาย แม้ถ้ําสวรรค์จะไม่เปิดออก แต่กระเรียนขาวยังสามารถรวบรวมข้อมูลและภาพทิวทัศน์ทั้งหมดที่อยู่ภายในถ้ําสวรรค์เหล่านั้นส่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวนโดยตรง

ข้อดีอีกประการของท่าไม้ตายอมตะกายาสวรรค์ก็คือมันไม่พึ่งพาพลังงานอมตะในกระบวนการทั้งหมด กายาสวรรค์เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าที่มีต้นกําเนิดมาจากเทพปีศาจปล้นสวรรค์ มันไม่ใช่ท่าไม้ตายธรรมดา ความสามารถในการตรวจสอบของมันราวกับความสามารถโดยกําเนิดของกระเรียนขาวตัวนี้

“แต่หากข้าต้องการบุกเข้าไปในถ้ําสวรรค์ ข้ายังต้องใช้พลังงานอมตะ” ริมฝีปากของฟางหยวนโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มขณะที่เขาส่งลิ้นจี่ขาวอมตะให้กับกายาสวรรค์

กระเรียนขาวระเบิดแสงสีขาวที่อ่อนโยนออกมาทันที

ร่างของฟางหยวนหายเข้าไปในแสงสีขาว สายตาของเขากลายเป็นพร่ามัวก่อนที่เขาจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในถ้ําสวรรค์ห้าเซียง

เพียงไม่กี่ลมหายใจ ฟางหยวนก็สามารถเข้ามาในถ้ําสวรรค์ห้าเซียงได้โดยไร้สิ่งกีดขวาง

เขาสามารถเข้าสู่ถ้ําสวรรค์ได้ด้วยพลังอํานาจของท่าไม้ตายอมตะกายาสวรรค์!

“ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่เมื่อคิดว่าข้าเป็นผู้อมตะระดับแปดขณะที่ท่าไม้ตายกายา สวรรค์เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า ลิ้นจี่ขาวอมตะที่ใช้ไปก็ไม่ถือว่ามากมาย”

“แม้จะมีแสงสีขาวปรากฏขึ้นเล็กน้อยแต่กระบวนการทั้งหมดเงียบเชียบ ไม่เลว ไม่เลว”

ฟางหยวนพยักหน้าพึงพอใจกับผลการทดลอง

เป็นเรื่องยากหากต้องการบุกเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ําสวรรค์โดยไม่มีการเตรียมตัวอย่างเพียงพอเรื่องนี้สามารถเห็นได้จากการบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ไปหูของนิกายกระเรียนอมตะหรือการบุกโจมตีถ้ําสวรรค์ไห่ฟานของจักรพรรดิสวรรค์ไปซู ความยากลําบากของทั้งสองเหตุการณ์สา มารถพิสูจน์คุณค่าของท่าไม้ตายอมตะกายาสวรรค์ได้เป็นอย่างดี

“ตลอดระยะเวลาอันยาวนานในประวัติศาสตร์ มีผู้อมตะปรากฏตัวขึ้นกี่คน? แม้จะมีผู้อมตะระดับแปดอยู่ไม่มาก แต่ตลอดหลายล้านปี มันก็มีจํานวนไม่น้อย”

“หลังจากลูกๆของมนุษย์คนแรกทําลายสวรรค์ทั้งเจ็ด มันเหลือเพียงสวรรค์สีดําและสี ขาวด้วยเหตุนี้ผู้อมตะระดับแปดหรือระดับเก้าจึงเหลือจากเลือกเพียงสองทางในการวางถ้ําสวรรค์ของพวกเขา”

“ยังไม่ต้องกล่าวถึงผู้อมตะระดับเก้า เมื่อผู้อมตะระดับแปดตาย พวกเขาจะวางถ้ําสวรรค์ไว้ในสวรรค์สีขาวหรือสวรรค์สีดํา”

“ถ้ําสวรรค์เหล่านี้จะร่วงหล่นลงหรือพังพินาศหลังจากเผชิญหน้ากับภัยพิบัติอย่างต่อ เนื่องแต่ในเวลาเดียวกันถ้ําสวรรค์ใหม่ๆก็จะปรากฏขึ้น ดังนั้นมันย่อมมีถ้ําสวรรค์บางส่วนที่ยังเหลืออยู่ในสวรรค์สีขาวหรือสวรรค์สีดํา”

ถ้ําสวรรค์เหล่านี้จะเป็นอาหารเสริมชั้นยอดสําหรับมิติช่องว่างของฟางหยวน

หากเขาสามารถผนวกหนึ่งในถ้ําสวรรค์เหล่านั้น เขาจะสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติและแก้ปัญหาภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา

แน่นอนว่าเงื่อนไขแรกในการผนวกถ้ําสวรรค์เหล่านี้ก็คือพวกมันต้องไม่เคยกลืนกินเศ ษชิ้นส่วนของสวรรค์ทั้งเก้าเข้าไป

การกลืนกินเศษชิ้นส่วนของสวรรค์ทั้งเก้าหมายความว่าพวกมันไม่ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ แต่มันจะเต็มไปด้วยเจตจํานงสวรรค์ที่ฟางหยวนไม่สามารถกําจัดออกไป

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงไม่กลืนกินถ้ําสวรรค์ห้าเชียงและถ้ําสวรรค์ไฟฟาน

สําหรับถ้ําสวรรค์ทะเลปราณ มันไม่เคยกลืนกินเศษชิ้นส่วนของสวรรค์ทั้งเก้า มันพึ่งพาทะเลปราณในการต่อต้านภัยพิบัติ แต่ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งพลังปราณของฟางหยวนเป็นอุปสรรคที่ทําให้เขาไม่สามารถกลืนกินมัน

สําหรับถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า ฟางหยวนไม่สามารถกลับไปที่นั่นด้วยวิญญาณท่องแดนอมตะ กระทั่งเขาจะสามารถเข้าไปแต่เขาก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยไม่คิดให้รอบคอบหลังจากทั้งหมดวาฬมังกรฟ้าเป็นการจัดเตรียมของเทพอมตะสวรรค์พิภพ มันอาจตอบโต้ฟางหยวนอย่างรุนแรง

ไม่มีเทพอมตะคนใดที่สามารถดูแคลน

“ต้องมีถ้ําสวรรค์ที่เหมาะสมกับข้าอยู่อย่างแน่นอน” ฟางหยวนมั่นใจกับเรื่องนี้

ความมั่นใจนี้ไม่ได้มาจากท่าไม้ตายอมตะกายาสวรรค์เท่านั้น แต่ในความทรงจําของเขามีถ้ําสวรรค์มากมายปรากฏขึ้นในสงครามห้าภูมิภาคและเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในยุคที่กําลังจะมาถึง

ท่ามกลางถ้ําสวรรค์เหล่านั้น ฟางหยวนมีความประทับใจต่อสวรรค์เก้าภูตผีมากที่สุด ผู้อมตะที่อยู่ในถ้ําสวรรค์แห่งนี้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งภูตผีเป็นหลัก ถ้ําสวรรค์แห่งนี้สามารถเปลี่ยนสภาพเป็นภูตผี ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติมากนัก

ถ้ําสวรรค์ค่ายกลเฝ้มีผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งค่ายกลอาศัยมากมาย มันยังมีค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่ปกป้องอยู่

ถ้ําสวรรค์เทพมายา เจ้าของถ้ําสวรรค์แห่งนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเทพ ปีศาจปล้นสวรรค์หลังจากเจ้าของถ้ําสวรรค์เทพมายาตกตาย เทพปีศาจปล้นสวรรค์ช่วยจัดการ ถ้ําสวรรค์เทพมายาและทําให้เจตจํานงสวรรค์เข้าใจผิดเป็นเหตุให้ความยากลําบากของภัยพิบัติที่มันต้องเผชิญอยู่ในระดับที่ต่ํามาก

ถ้ําสวรรค์เหล่านี้ซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบๆ และมีผู้อมตะอาศัยอยู่ภายใน

แม้จะมีผู้อมตะที่แข็งแกร่งอาศัยอยู่ในถ้ําสวรรค์เหล่านี้แต่เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะก้าวเข้าสู่ระดับแปดโดยพึ่งพาเพียงทรัพยากรที่อยู่ภายใน

ด้วยหตุนี้กองกําลังใหญ่ทั้งหมดจึงตั้งอยู่ในห้าภูมิภาคที่มีทรัพยากรมากมายเท่านั้น

ฤดูร้อนผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงมาถึง ความปั่นปวนของเส้นโลหิตปฐพี่เกิดขึ้นบ่อยครั้งและทําให้ผู้อมตะรู้สึกยินดีกับฤดูแห่งการเก็บเกี่ยว

ทะเลทรายตะวันตก

ผู้อมตะหญิงยิงธนูออกไป ลูกธนูพุ่งเป็นเส้นโค้งสีชมพูอ่อนก่อนจะโจมตีสัตว์อสูรบรรกาลตัว

สัตว์อสูรบรรพกาลตัวนี้กําลังอาละวาดแต่ตอนนี้ร่างกายของมันกลับระเบิดแสงหลากหลายสีสันออกมาก่อนที่มันจะล้มลงบนพื้น

สายลมพัดทรายสีเหลืองขึ้นสู่อากาศ ร่างของสัตว์อสูรบรรพกาลกลายเป็นกลีบดอกไม้และสลายไปอย่างสมบูรณ์

“เป็นนางจริงๆ”

“คุณหนูรองของตระกูลกง กงอู่ฮวา”

“ไปเร็ว”

กลุ่มผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกมองไปที่ร่องลึกใต้พิภพที่พึ่งเกิดขึ้นก่อนจะล่าถอยออกไปภาคใต้

“ครืน…”

ภูเขาถล่มทําให้ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งปกคลุมพื้นที่รัศมีหนึ่งร้อย

แผ่นดินไหวทําให้เกิดร่องลึกใต้พิภพขนาดใหญ่ มันกลืนกินภูเขาทั้งลูกเข้าไปอย่างสมบูรณ์

สองผู้อมตะตระกูลปามองเหตุการณ์นี้ด้วยความตกใจ

“นี่คือภูเขาที่มีชื่อเสียง ภูเขารุ่งอรุณ แต่มันกลับพังทลายลงในลักษณะนี้ ช่างน่าเสียดายนัก…”

สายตาของปาเต่อส่องประกายเย็นชา “เหตุใดต้องเสียดาย? ภูเขาเก่าพังทลายแต่อนาคตที่สดใสกําลังรออยู่ ไม่ใช่ว่าเราค้นพบน้ําพุจิตวิญญาณธรรมชาติที่เกิดใหม่จํานวนมากมั้นหรือ?”

“นั่นเป็นเรื่องจริง ความปั่นปวนที่เกิดขึ้นจากเส้นโลหิตปฐพี่ไม่เพียงนํามาซึ่งทรัพยากรและวิญญาณปาแต่มันยังให้กําเนิดน้ําพุจิตวิญญาณธรรมชาติจํานวนมากอีกด้วย”

“นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด” ปาเต่อมองลงไปด้านล่างด้วยความคาดหวัง “ผู้เชี่ยวชาญปรากฏตัวขึ้นทีละคน กงอู่ฮวาแห่งทะเลทรายตะวันตกก้าวขึ้นมาเมื่อเร็วๆนี้”

“ท่านปาเต่อ กงอู่ฮวาผู้นี้จะเปรียบเทียบกับท่านได้อย่างไร?”

“เจ้าไม่ควรดูแคลนผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ แต่รอกระทั่งข้าก้าวเข้าสู่ระดับแปด กงอู่ฮวาจะไม่ใช่ภัยคุกคามของข้า” ปาเต่อกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

ผู้อมตะตระกูลปาตกตะลึงและรู้สึกสนุนสนาน “ในที่สุดท่านก็จะก้าวเข้าสู่ระดับแปดแล้ วงั้นหรือ?”

“ก่อนหน้านี้ต้องระวังกลุ่มอิทธิพลต่างๆ แต่ตอนนี้กองกําลังพันธมิตรภาคใต้ก อตั้งขึ้นแล้วขณะที่ตําแหน่งผู้นํายังว่างเปล่า สิ่งสําคัญที่สุดคือทรัพยากรจํานวนับไม่ถ้วนป รากฏขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดสิ่งเหล่านี้เพียงพอให้ข้าก้าวเข้าสู่ระดับแปด”

“แน่นอนว่ายังมีอีกเหตุผลที่สําคัญที่สุด” การแสดงออกของปาเตือกลายเป็นเคร่งขรึม “ยุคที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกําลังจะมาถึง ข้าไม่ต้องการถูกกระแสแห่งยุคสมัยกลืนกิน”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท