เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1689 ความล้มเหลว

บทที่ 1689 ความล้มเหลว

บทที่ 1689 ความล้มเหลว

สวรรค์สีขาว ถ้ำสวรรค์นักรบอสูร

“ปีศาจหัววัว รับสิ่งนี้!” วานรขนทองตะโกนขณะพุ่งเข้าไปหาฟางหยวนพร้อมกับพายุสายฟ้า

ปีศาจหัววัวฟางหยวนยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน เพียงเมื่อวานรขนทองเข้ามาใกล้ เขาก็ยกมือขึ้นเล็กน้อย

“ปัง!”

มันเป็นหมัดตรงที่เรียบง่าย แต่วานรขนทองกลับถูกส่งลอยกลับหลังราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่

“บึม!”

วานรขนทองพุ่งชนภูเขา หินถล่มลงมาและฝังมันเอาไว้ภายใน

“ความแข็งแกร่งระดับนี้ กระทั่งนักรบวานรทองยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน!”

“ข้าไม่เคยเห็นความแข็งแกร่งที่มาพร้อมกับความเร็วเช่นนี้มาก่อน มันอยู่ในระดับเดียวกับหอยทากดาราจริงๆ!”

นอกจากนักรบวานรทองที่ถูกฝังกลบ นักรบอสูรคนอื่นๆที่อยู่ในสนามรบต่างรู้สึกหวาดกลัว

“ร่วมมือกัน! เห็นได้ชัดว่านี่เป็นทักษะการต่อสู้ มันจะสูญเสียพลังจํานวนมากในการใช้ งาน!” นักรบอสูรราชันสีห์สายฟ้าคําราม

ฟางหยวนกําหราบนักรบอสูรเกือบทั้งหมดที่ถูกส่งมาโดยราชาอสูร ตอนนี้เหลือนักรบอสูรเพียงห้าคนที่ยังมีพลังเหลืออยู่

ทั้งห้าเป็นนักรบอสูรที่แข็งแกร่งที่สุด

ท่ามกลางนักรบอสูรทั้งห้า คนแรกคือนักรบราชสีห์สายฟ้าที่มีศีรษะเป็นสิงโตร่างกายมนุษย์ เขาใช้สายฟ้าเป็นอาวุธ คนที่สองคือนักรบกายาราชสีห์ เขามีศีรษะเป็นมนุษย์แต่ร่างกายเป็นสิงโต เขามีพลังการฟื้นฟูที่แข็งแกร่ง

นักรบอสูรคนที่สามคือนักรบหอยศิลา เขาอยู่ในเปลือกหอยขนาดใหญ่และสามารถยิงอุกกาบาตเพลิงออกมา

นักรบอสูรคนที่สี่คือนักรบแรดยักษ์ ร่างกายของเขาราวกับเหล็กกล้าที่แข็งแกร่ง

นักรบอสูรคนสุดท้ายคือนักรบผีเสื้อน้ำค้าง เขาอยู่ในร่างมนุษย์แต่มีปีกผีเสื้อและปลดปล่อยพลังงานความเย็นออกมา

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าโง่ เจ้าถูกจับแล้ว!” นักรบผีเสื้อน้ำค้างปรากฏตัวขึ้นเหนือศีรษะของฟางหยวน

พลังงานความเป็นระเบิดออกมาปกคลุมศีรษะและไหล่ของฟางหยวน

“โฮก…”

นักรบแรดยักษ์คํารามและพุ่งเข้าไปหาฟางหยวน

“ลองลิ้มรสทักษะการต่อสู้ใหม่ของข้า!” นักรบหอยศิลากดทับเท้าของฟางหยวนเอาไว้

นักรบแรดยักษ์พุ่งเข้ากระแทกฟางหยวนอย่างรุนแรง

มวลอากาศเย็นทําให้แขนของฟางหยวนถูกแช่แข็ง

“ถึงเวลาแล้ว!” นักรบราชสีห์สายฟ้าและนักรบกายาราชสีห์โจมตีศีรษะของฟางหยวนจากด้านซ้ายและขวา

“ตาย!” นักรบอสูรทั้งห้าตะโกนพร้อมกัน เจตนาสังหารของทุกคนพุ่งสูงขึ้น

“บึม!”

เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงและส่งคลื่นกระแทกออกไปรอบๆ นักรบอสูรทั้งห้าราวกับแผ่นไม้เล็กๆท่ามกลางพายุใหญ่ พวกเขากระอักเลือดและถูกส่งลอยกลับหลัง

ท่ามกลางฝุ่นควัน ร่างสีดําขนาดเท่าภูเขาค่อยๆปรากฏขึ้น

ฟางหยวนยืนอยู่อย่างเงียบๆที่จุดเดิม เขามองนักรบอสูรทั้งห้าที่ดิ้นรนอยู่บนพื้นก่อนจะเดินหน้าต่อไปอย่างไม่แยแส

ทุกย่างก้าวของเขาทําให้แผ่นดินสะเทือนและทิ้งรอยเท้าขนาดใหญ่เอาไว้เบื้องหลัง

“บัดซบ!”

“อย่าไป…”

“หยุด!”

นักรบอสูรทั้งห้าพยายามลุกขึ้นยืนแต่มีเพียงนักรบราชสีห์สายฟ้าเท่านั้นที่ยืนขึ้นมาได้สําเร็จ

“นักรบราชสีห์สายฟ้า!”

“ไป เจ้าต้องหยุดสัตว์ประหลาดตัวนี้!”

นักรบราชสีห์สายฟ้าพุ่งเข้าไปหาฟาหงยวนโดยปราศจากความหวาดกลัว สายตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “หากเจ้าต้องการสังหารผู้อื่น เจ้าต้องข้ามศพข้าไปก่อน!”

“บึม!”

ไม่มีผู้ใดเห็นการโจมตีของฟางหยวน พวกเขาเห็นเพียงนักรบราชสีห์สายฟ้าถูกกระแทกกลับด้วยความเร็วที่น่าตกใจเท่านั้น

ร่างของนักรบราชสีห์สายฟ้าตกลงบนพื้นและพุ่งต่อไปอีกสามสิบเมตรก่อนจะหยุดลง

นักรบราชสีห์สายฟ้าหมดสติและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก

ฟางหยวนยังเดินหน้าต่อไป

เขาควบคุมพลังของตนเองและไม่สังหารผู้คนเหล่านี้ นี่ต่างจากแรกเริ่มที่เขาบุกเข้ามา หลังจากได้รับมรดกหลายอย่าง ทัศนคติของเขาเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้เขาเห็นทุกสิ่งในถ้ำสวรรค์นักรบอสูรเป็นสมบัติของเขารวมถึงนักรบอสูรเหล่านี้

“ยังมีมรดกสุดท้ายเหลืออยู่ ตราบเท่าที่ข้าได้รับมรดกนี้ ข้าจะสามารถรวมเนื้อหาของมรดกหมด”

ในไม่ช้าฟางหยวนก็มาถึงด้านหน้าเปลือกหอยทากดารา

หอยทากดาราเป็นสัตว์อสูรแรกกําเนิด แต่ตัวที่อยู่ด้านหน้าฟางหยวนเป็นเพียงซากศพของมัน

เจ้าของถ้ำสวรรค์แห่งนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับหอยทากดาราและไม่สามารถรักษา ก่อนเสียชีวิต เขาทิ้งมรดกไว้เบื้องหลัง เปลือกหอยทากดาราเป็นสถานที่เก็บมรดกชิ้นสุดท้ายของเขา

“ปีศาจหัววัว ข้ารอเจ้าอยู่” ราชาอสูรรุ่นปัจจุบันยืนอยู่บนเปลือกหอยทากดารา

เขาแก่มากแล้วและดูเหมือนมดตัวเล็กที่ยืนอยู่ต่อหน้ายักษ์ฟางหยวน

แต่ดวงตาของมดตัวนี้กลับลุกไหม้ด้วยเจตจํานงแห่งการต่อสู้

แสงสว่างส่องประกายขึ้นก่อนที่เปลือกหอยทากดาราจะพุ่งเข้าหลอมรวมกับชายชรา

เมื่อแสงสว่างหายไป ยักษ์หุ้มเกราะที่มีร่างกายเล็กกว่าฟางหยวนเพียงเล็กน้อยก็ปรากฏตัวขึ้น

โอ้ วิธีนี้ไม่จํากัดเฉพาะสิ่งมีชีวิต มันยังสามารถใช้กับซากศพของสัตว์อสูรแรกกําเนิด! ฟางหยวนลอบประหลาดใจ

แต่หลังจากนั้นเขาก็สามารถทําความเข้าใจ

วิธีนี้เกี่ยวกับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ มันไม่มีความแตกต่างระหว่างสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งที่ตายแล้ว

แม้หอยทากดาราจะตายไปแล้ว แต่เปลือกหอยของมันยังมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจํานวนมากเหลืออยู่ ชายชราสามารถใช้งานมัน

“นี่ควรเป็นไพ่ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของถ้ำสวรรค์แห่งนี้ น่าเสียดาย กระทั่งมันจะเป็นหอยทากดาราที่มีชีวิต มันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” ฟางหยวนเย้ยหยันอยู่ภายใน

การต่อสู้ปะทุขึ้น ผลลัพธ์เป็นไปตามความคาดหวังของฟางหยวน

ในสนามรบที่พังทลาย ฟางหยวนยืนหยัดอย่างภาคภูมิขณะที่นักรบหอยทากดาราล้มลงบนพื้นและกําลังจะตาย

“ไม่มีความหวัง” นักรบอสูรคนอื่นๆที่เข้ามาช่วยนักรบหอยทากดาราคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าซีดขาว

นักรบหอยทากดารากลับสู่ร่างมนุษย์ของราชาอสูรรุ่นปัจจุบันอีกครั้ง เปลือกหอยทากดาราเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว

ฟางหยวนตรวจสอบและค้นพบบางสิ่ง

เขาหัวเราะก่อนกล่าว “จิตวิญญาณสวรรค์ เจ้ายังไม่ออกมาอีกขั้นหรือ?”

“…”

นักรบอสูรทั้งหมดตะลึง

“ข้า…ข้า…ข้าได้ยินสิ่งใดผิดไปหรือไม่?”

“สัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนี้พูดได้ มันพูดภาษามนุษย์ได้จริงๆ!”

“ข้าหูฝาดเพราะข้าแก่เกินไปและกําลังจะตายใช่หรือไม่?” ราชาอสูรรุ่นปัจจุบันพึมพํา

วินาทีถัดมาจิตวิญญาณสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นในที่สุด

มันบินเข้าไปหาฟางหยวน

จิตวิญญาณสวรรค์อยู่ในร่างกิเลนหนุ่ม มันกล่าวด้วยเสียงที่คมชัด “ผู้อมตะจากภายนอก เจ้ามาที่นี่และได้รับมรดกมากมาย แต่เจ้ายังไม่ได้รับการยอมรับจากข้า เจ้าสังหารผู้บริสุทธิ์มากมายและอาละวาดไปทั่ว เจ้าแข็งแกร่ง แต่เจ้าจะได้รับท่าไม้ตายอมตะของร่างหลักเท่านั้น อย่าคิดว่าเจ้าจะได้รับวิญญาณอมตะและถ้ำสวรรค์แห่งนี้”

“งั้นหรือ?” ฟางหยวนหัวเราะอย่างมีความหมาย

กิเลนหนุ่มกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้ารู้ว่าเจ้ากําลังคิดสิ่งใด แม้ข้าจะไม่สามารถเอาชนะเจ้า แต่ข้าสามารถระเบิดทําลายวิญญาณอมตะและถ้ำสวรรค์ทั้งหมด เจ้าจะไม่ได้รับสิ่งใดเลย”

ฟางหยวนเงียบ

เขารู้สึกกังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นความแน่วแน่ของกิเลนหนุ่ม จิตวิญญาณสวรรค์เหมือนจิตวิญญาณแผ่นดิน พวกมันไม่สามารถโกหก

ฟางหยวนไม่สามารถตรวจสอบการคงอยู่ของวิญญาณอมตะ

นอกจากนั้นท่าไม้ตายอมตะแสงโลหิตก็ยังไม่ทรงพลังพอที่จะกําหราบจิตวิญญาณสวรรค์กิเลนตัวนี้

“เป็นเช่นนี้ นักรบอสูรเป็นส่วนหนึ่งของมรดก ข้าตระหนักถึงความตั้งใจนี้แล้ว” ฟางหยวนกล่าว

“แม้เจ้าจะเข้าใจตอนนี้ มันก็สายเกินไปแล้ว ทุกคนมีโอกาสเพียงครั้งเดียว แต่เจ้าจะไม่จากไปมือเปล่า ร่างหลักของข้าจะมอบท่าไม้ตายอมตะให้เจ้า” จิตวิญญาณสวรรค์ชี้แจงอย่างชัดเจนและต้องการให้ฟางหยวนจากไป

หลังจากได้รับท่าไม้ตายอมตะ ฟางหยวนไม่อยู่ต่อหรือใช้กําลัง เขาออกมาจากถ้ำสวรรค์โดยง่าย

ทะเลตะวันออก

การต่อสู้ของห้าผู้อมตะทําให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่

“หากพวกเจ้ายังมีวิธีใดเหลืออยู่ก็ใช้มันออกมา!” ราชันมังกรยังผ่อนคลาย

ฟงจินฮวงยืนอยู่ข้างกายราชันมังกร นางยังปลอดภัยและไม่สูญเสียเส้นผมแม้แต่เส้นเดียว ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นการต่อสู้ของผู้อมตะระดับแปด มันช่วยขยายวิสัยทัศน์ของนางเป็นอย่างมาก

ยายหรง หยางจื่ออี้ และคนอื่นๆแสดงออกด้วยความเคร่งเครียด

หลังจากแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันอย่างจริงจัง พวกเขาได้ลิ้มรสพลังของราชันมังกร แม้ราชันมังกรจะต่อสู้เพียงลําพังและมีฟงจินฮวงเป็นภาระ แต่ผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่ของทะเลตะวันออกก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ตอนนี้พวกเขาเห็นสัญญาณของความพ่ายแพ้แล้ว

“เขามีความแข็งแกร่งของถึงระดับเก้า เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!”

“ทรงพลังเกินไป สมกับเป็นราชันมังกรแห่งวังสวรรค์…”

ขวัญกําลังใจของผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่ร่วงหล่นลงสู่จุดต่ำสุด

“บัดซบ! เราวางแผนยึดครองวังมังกรมานานแล้ว แต่ยังสวรรค์กลับขโมยมันไป!”

“เห้อ…ไปกันเถอะ เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชันมังกร มันไม่มีความหมายที่จะอยู่ต่อ”

ผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่ตัดสินใจล่าถอย

ราชันมังกรไม่ได้ไล่ล่าพวกเขา

เป้าหมยของเขาในครั้งนี้คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดวังมังกรเท่านั้น

“วังมังกรถูกกัดกร่อนโดยอาณาจักรแห่งความฝัน ข้าสงสัยว่ามันเหลือวิญญาณอมตะกี่ดวง” ราชันมังกรถอนหายใจ

“หือ?”

เขากําลังจะย้ายวังมังกรแต่วินาทีต่อมามันกลับพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยไม่คาดคิด

ราชันมังกรยืนอยู่ที่เดิม เขาไม่สามารถขัดขวางวังมังกรและทําได้เพียงมองมันบินจากไปเท่านั้น ดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความตกใจขณะที่เลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขา “วังมังกรยังไม่บุบสลาย ไม่เพียงเท่านั้น หนึ่งในแกนกลางของมันยังเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความฝัน!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ราชันมังกร ดูว่าคราวนี้เจ้าจะสู้กับพวกเราอย่างไร?” ผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่ของทะเลตะวันออกย้อนกลับมา

การแสดงออกของราชันมังกรกลายเป็นมืดครื้ม

สถานการณ์กลายเป็นยากลําบาก

เขาถูกปิดล้อมขณะที่วังมังกรปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกไปทุกหนทุกแห่ง สิ่งนี้จะสร้างความวุ่นวายขึ้นในทะเลตะวันออกอย่างแน่นอน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท