เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1691 เปิดเผย

บทที่ 1691 เปิดเผย

บทที่ 1691 เปิดเผย

วังมังกรกลายเป็นแสงสีทองพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง

“เจ้าจะไปที่ใด?”

“ตาย!”

“ต้องการขวางข้างั้นหรือ? อย่าฝัน!”

ผู้อมตะระดับแปดหลายคนเข้าสู่การต่อสู้ แต่ละคนแสดงพลังอํานาจอันน่าสะพรึงกลัวออกมาระหว่างไล่ล่าวังมังกร

ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ใด ก้อนหินจะพังทลาย ทะเลจะแยกออก ท้องฟ้าจะเปลี่ยนสี สิ่งมีชีวิตจํานวนนับไม่ถ้วน

ระดับหกและระดับเจ็ดต้องหลบหนีด้วยความตกใจ

มีเพียงผู้อมตะระดับแปดที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้

ผู้อมตะระดับเจ็ดไม่สามารถเข้าแทรกแซง เว้นเพียงพวกเขาจะเป็นตัวตนเช่นเดียวกับฟงจิวเก้อหรือฟางหยวน แต่ตอนนี้ฟงจิวเก้อและฟางหยวนก้าวเข้าสู่ระดับแปดแล้ว

ผู้อมตะระดับแปดจํานวนมากเข้าสู่การต่อสู้ มีเพียงไม่กี่คนที่ยังไม่แสดงตัว” ฟางหยวนเฝ้ามองจากด้านข้าง

ตั้งแต่เขาเดินทางมายังทะเลตะวันออก เวลาผ่านไปมากกว่าสิบวันแล้ว อย่างไรก็ตามกลุ่มผู้อมตะระดับแปดยังต่อสู้กันอย่างไม่หยุดยั้ง

บางครั้งพวกเขาก็ร่วมมือกัน บางครั้งก็ต่อสู้กันเอง ตราบเท่าที่ผู้ใดเข้าใกล้วังมังกร พวกเขาจะถูกโจมตีจากทุกทิศทาง ฟางหยวนไม่มีโอกาสเคลื่อนไหว

แต่เขายังอดทนรอและไม่กังวล

“ข้อมูลเกี่ยวกับทักษะการต่อสู้ของผู้อมตะระดับแปดเหล่านี้มีค่าเช่นกัน”

“ราชันมังกรน่ากลัวจริงๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาแข็งแกร่งที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ด้วยวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันของวังมังกรและการโจมตีของผู้อมตะระดับแปดคนอื่นๆ รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของฟงจินฮวงราชันมังกรจึงไม่สามารถยึดครองวังสวรรค์ได้โดยง่าย”

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายน่ากลัว

นอกจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดวังมังกร ฟงจินฮวงก็เป็นเป้าหมายของฟางหยวนเช่นกัน

หญิงผู้นี้มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันและเป็นศิษย์ของราชันมังกร มันเห็นได้ชัดถึงความสําคัญของนาง

แต่กระทั่งฟางหยวนจะมีแผนการเช่นนี้ เขาก็ไม่มีโอกาสจัดการฟงจินฮวง

“โอกาส… โอกาส…มันจะปรากฏขึ้นอย่างแน่นอน”

“ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของทะเลตะวันออกพูดคุยกันมาแล้ว บางคนถอยขณะที่บางคนเข้าแทนที่ พวกเขาร่วมมือกันและสามารถควบคุมสถานการณ์

“ราชันมังกรต่อสู้เพียงลําพังแต่เขาแข็งแกร่งที่สุด หากมีกําลังเสริมจากวังสวรรค์ ทางตันนี้จะพังทลายลง

“แม้วังสวรรค์จะไม่ส่งกําลังเสริมมาแต่กลุ่มสี่คนของยายหรง จางหยิน และคนอื่นก็อยู่ได้ไม่นาน”

ท่ามกลางฝายทั้งสาม ฝ่ายธรรมะของทะเลตะวันออกมีเสถียรภาพมากที่สุด อีกสองฝ่ายมีโอกาสพลิกสมดุล แต่เมื่อสมดุลพังทลายลง การต่อสู้ที่วุ่นวายจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ความโกลาหลนี้จะทําให้ข้ามีโอกาสเคลื่อนไหว!”

ฟางหยวนเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน

ทันใดนั้นการระเบิดพลันปะทุขึ้น ซึ่งฉีหยวนถูกโจมตีและได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

จางหยินหัวเราะ “ข้าโจมตีเจ้าด้วยสายฟ้าทมิฬ ตามข้ามาหากไม่กลัวตาย!”

สายฟ้าทมิฬทําให้ชีวิตของซ่งฉีหยวนตกอยู่ในอันตราย

กลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะสี่คนที่ไล่ล่าวังมังกรแยกออกเป็นสองกลุ่ม หนึ่งอยู่ด้านหน้า อีกหนึ่งอยู่ด้านหลัง

“สายฟ้าทมิฬคือไพ่ตายของจางหยิน มันปราศจากรูปลักษณ์และไม่สามารถตรวจจับ เราควรทําอย่างไร?” สามผู้อมตะระดับแปดฝ่ายธรรมะกังวล

“เราต้องตามไป มันอันตรายที่จะทิ้งฮัวช่ายหยุนไว้เพียงลําพัง”

“เราทําได้เพียงส่งฝูงสัตว์อสูรเข้ารับสายฟ้าทมิฬแทนพวกเรา”

สามผู้อมตะฝ่ายธรรมะคิดอย่างรวดเร็วและปล่อยฝูงสัตว์อสูรบรรพกาลออกมา

ซ่งฉีหยวนโบกมือ กลิ่นอายของสัตว์อสูรบรรพกาลเหล่านั้นพุ่งขึ้นสู่ระดับสัตว์อสูรแรกกําเนิดทันที

“เปรี้ยง! เปรี้ยง!”

สัตว์อสูรแรกกําเนิดกระตุ้นการทํางานของกับดักสายฟ้าทมิฬที่ซ่อนอยู่

พวกมันตกตายลงอย่างต่อเนื่อง

สามผู้อมตะฝ่ายธรรมะเคลื่อนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

“เรื่องนี้ค่อนข้างลําบาก ลองดู” ฟางหยวนรู้สึกไม่สบายใจเพราะเขาต้องก้าวข้ามกับดักสายฟ้าทมิฬเช่นกัน

“เปรี้ยง!”

เขาถูกสายฟ้าทมิฬโจมตีแต่เขาไม่กล้าใช้เกราะหวนคืน

“กับดักสายฟ้าทมิฬรับมือได้ยาก ข้าควรอ้อมไป” ฟางหยวนกระอักเลือกออกมาและตัดสินใจเปลี่ยนทิศทาง

“เปรี้ยง!”

เขาถูกโจมตีอีกครั้ง

สายฟ้าทมิฬกระจายออกมาไกลถึงที่นี่ ขอบเขตของมันกว้างเกินไป” ฟางหยวนกัดฟันแน่น

“เปรี้ยง!”

ฟางหยวนยังถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง โชคของเขากลายเป็นไร้ประโยชน์

หลังจากแปดนาที ฟางหยวนที่ได้รับบาดเจ็บไปถึงสนามรบของกลุ่มผู้อมตะระดับแปดอีกครั้ง

“รับท่าไม้ตายของข้า โรคระบาดสีแดง!” ยายหรงตะโกนและยิงแสงแดงออกมา

ฮัวช่ายหยุนก่นเสียงเย็นและผลักฝ่ามือส่งก้อนเมฆออกไป

เมฆก้อนนี้เป็นสีดําสนิทและดูเหมือนหม้อคว่ำ มันเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและดูดซับแสงสีแดงเอาไว้

การแสดงออกของยายหรงเปลี่ยนไปทันที

ฮัวช่ายหยุนกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ “ท่าไม้ตายของเจ้าไร้ประโยชน์ต่อหน้าข้า”

“บัดซบ!” ฟางหยวนลอบสาปแช่ง ด้วยความบังเอิญ เขาถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายของยายหรง

ฟางหยวนในร่างงูทะเลมีความเร็วไม่มาก เขาไม่สามารถหลบได้ทันเวลา

ทะเลบริเวณนี้เผชิญหน้ากับหายนะครั้งใหญ่ สิ่งมีชีวิตจํานวนมากตกตายลง

ฟางหยวนปลอมตัวเป็นงูทะเลที่ถูกพิษและกลายเป็นซากศพ แต่เขายังปลอมตัวต่อไป

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ฟางหยวนจะติดตามกลุ่มผู้อมตะระดับแปดเหล่านี้ เขาถูกโจมตีโดยไม่คาดคิดหลายครั้ง โชคดีที่เขาอยู่ด้านหลังขณะที่กลุ่มผู้อมตะระดับแปดให้ความสนใจวังมังกรเท่านั้น

อย่างไรก็ตามสถานการณ์นี้อยู่ไม่นาน ไม่กี่วันต่อมาตัวตนของฟางหยวนก็ถูกเปิดเผย

ผู้บ่มเพาะสันโดษระดับแปดค้นพบเขา คนผู้นี้คือหยางจุน

ฟางหยวนโจมตีและหลบหนีทันที

การเคลื่อนไหวนี้ดึงดูดความสนใจของผู้อมตะระดับแปดคนอื่นๆ แต่ฟางหยวนจากไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งราชันมังกรจะต้องการทําบางสิ่ง มันก็สายเกินไปแล้ว

ภาคกลาง แดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ

ค่ายกลวิญญาณอมตะหยุดทํางาน

หลังจากตรวจสอบ เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ด้วยค่ายกลวิญญาณนี้ ผู้ใดจะสามารถทําลายแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ? กระทั่งฟางหยวนจะมาที่นี่ เขาก็จะถูกขังไว้เช่นกัน”

เทพธิดาจื่อเว่ยมั่นใจมาก

เป็นเพียงเวลานี้ที่แสงสว่างส่องลงมาจากท้องฟ้าก่อนที่ร่างหนึ่งจะปรากฏขึ้น

“ท่านหญิงจื่อเว่ย” เขาคือฟงจิวเก้อ ตอนนี้เขากลายเป็นผู้อมตะระดับแปดแล้ว น้ำเสียงที่เขาใช้ปรากฏร่องรอยของสถานะที่เท่าเทียมกับเทพธิดาจอเว่ย

เทพธิดาจื่อเว่ยยิ้ม “ฟงจิวเก้อ ข้าเรียกเจ้ามาเพราะวังมังกรปรากฏขึ้น ท่านราชันมังกรออกไปยึดครองมันแต่ถูกผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกขัดขวางไปที่ทะเลตะวันออก เป็นกําลังเสริมให้กับท่านราชันมังกร ปกป้องบุตรสาวของเจ้า และช่วยวังสวรรค์น้ำวังมังกรกลับมา”

ฟงจิวเก้อเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะปฏิเสธ “ฮวงเอ๋อได้รับการคุ้มครองโดยท่านราชันมังกร นางจะไม่พบอันตรายใดๆ แต่เมื่อข้าก้าวเข้าสู่ระดับแปด ข้าได้รับแรงบันดาลใจและต้องการสร้างเพลงใหม่ ข้าต้องการเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลาเพื่อสังเกตเหตุการณ์ทุกประเภทตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ข้าต้องการสัมผัสประสบการณ์การเดินทางของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด”

เทพธิดาจื่อเว่ยปืนงงอยู่ชั่วครู่ “เอาล่ะ เช่นนั้นก็ไปปกป้องสายธารแห่งกาลเวลาแทนหลี่ฮวง”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท