เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1686 สัตว์ประหลาดฟางหยวน

บทที่ 1686 สัตว์ประหลาดฟางหยวน

บทที่ 1686 สัตว์ประหลาดฟางหยวน

ฟางหยวนค้นพบถ้ําสวรรค์นักรบอสูร สิ่งสําคัญที่สุดคือมันไม่เคยกลืนกินเศษชิ้นส่วนของสวรรค์ทั้งเก้า

“แต่นี่เป็นถ้ําสวรรค์บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของข้ายังไม่เพียงพอ”

ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง แต่มันยังไม่เพียงพอ

อย่างไรก็ตามเขาสามารถยกระดับความสําเร็จด้วยการสํารวจอาณาจักรแห่งความฝัน

ภาคใต้มีอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงอยู่มากมาย มั่นเพียงพอที่จะทําให้ฟางหยวนบรรลุระดับปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเขาเพียงต้องก้าว ข้ามอุปสรรคบางอย่างเท่านั้น

นอกจากอาณาจักรแห่งความฝัน ฟางหยวนยังมีวิธีสํารองสําหรับการยกระดับความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง มันคือการใช้วิญญาณเรียกภัยพิบัติและท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติเพื่อดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งออกมาจากแดนน้ําแข็งของภาคเหนือ

“เจ้าของเดิมของถ้ําสวรรค์นักรบอสูรเป็นผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวข้ามหมื่นภัยพิบัติมาหนึ่งครั้ง”

ผู้อมตะระดับแปดต้องผ่านหมื่นภัยพิบัติจํานวนสามครั้งเพื่อก้าวเข้าสู่ระดับเก้า

หมื่นภัยพิบัติเป็นภัยพิบัติที่รุนแรงและน่ากลัวที่สุด มันอาจทําให้ผู้อมตะระดับแปดตกตายแต่มันก็เป็นโอกาสก้าวหน้าครั้งสําคัญของพวกเขา

หมื่นภัยพิบัติคือตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของผู้อมตะระดับแปดผู้อมตะระดับแปดที่ก้าวข้ามหมื่นภัยพิบัติหนึ่งครั้งกับสองครั้งมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก

หากฟางหยวนสามารถกลืนกินถ้ําสวรรค์นักรบอสูร เขาจะสามารถก้าวข้ามหมื่นภัยพิบัติหนึ่งครั้งทันที การเติบโตของเขาจะทําให้วังสวรรค์ตื่นตระหนก

ราชันมังกรและโป้ชิงคือผู้อมตะระดับแปดที่ผ่านหมื่นภัยพิบัติสองครั้ง

อย่างไรก็ตามราชันมังกรตระหนักว่าตนเองไม่สามารถก้าวข้ามภัยพิบัติครั้งที่สามเพื่อบรรลุเป็นผู้อมตะระดับเก้า ดังนั้นเขาจึงหลอมรวมมิติช่องว่างของตนเองเข้ากับวังสวรรค์และใช้มิติช่องว่างเทียม ในทางกลับกัน โป้ชิงพยายามก้าวเข้าสู่ระดับเก้าแต่เขาเสียชีวิตระหว่างหมื่นภัยพิบัติครั้งที่สาม

“ถ้ําสวรรค์นักรบอสูรไม่เคยกลืนกินเศษชิ้นส่วนของสวรรค์ทั้งเก้าแล้วมันผ่านภัยพิบัติมาก มายมาได้อย่างไร?”

มันไม่ง่ายที่จะก้าวข้ามภัยพิบัติซ้ําแล้วซ้ําอีกโดยพึ่งพาเพียงกําลังของตัวมันเอง

ในอดีตจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องเปลี่ยนถ้ําสวรรค์ให้เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์เพราะเกรงกลัวต่อภัยพิบัติ นี่เป็นทางเลือกที่ฉลาด แน่นอนว่าวิธีการเปลี่ยนถ้ําสวรรค์เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เรื่องง่ายและหาได้ยาก ไม่ใช่ทุกถ้ําสวรรค์ที่สามารถทําเช่นนี้

กายาสวรรค์ยังส่งข้อมูลให้กับฟางหยวนอย่างต่อเนื่อง

ฟางหยวนค้นพบปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาด ภัยพิบัติทั้งหมดของถ้ําสวรรค์แห่ง นี้ล้วนเป็นภัยพิบัติสัตว์อสูร

ภัยพิบัติสวรรค์จะให้กําเนิดสัตว์อสูรเดียวดาย ภัยพิบัติใหญ่จะให้กําเนิดสัตว์อสูรบรรพ กาลและหมุนภัยพิบัติจะให้กําเนิดสัตว์อสูรแรกกําเนิด

“มันใช้วิธีใด? มันสามารถกําหนดประเภทของภัยพิบัติงั้นหรือ? หากทุกภัยพิบัติเป็นภัยพิบัติสัตว์อสูร มันจะกลายเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการ หลังจากทั้งหมดสัตว์อสูรมีร่างกายภาพมันไม่เหมือนพายุฝนหรือหมอกควัน”

ฟางหยวนค้นพบข้อมูลมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาถอนหายใจ “ถ้ําสวรรค์แห่งนี้ไม่พยายามหยุดยั้งภัยพิบัติแต่มันเปลี่ยนภัยพิบัติทั้งหมดให้เป็นภัยพิบัติสัตว์อสูร ช่างน่าอัศจรรย์นัก”

ภัยพิบัติมีหลายประเภทแต่พวกมันจะได้รับผลกระทบจากการจัดเตรียมของถ้ําสวรรค์นักรบอสูรและเปลี่ยนเป็นภัยพิบัติสัตว์อสูรทั้งหมด

นอกจากท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติ ตอนนี้ฟางหวนพบวิธีใหม่ในการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติแล้ว มันคือวิธีเปลี่ยนเป็นภัยพิบัติสัตว์อสูร

“ถ้ําสวรรค์แห่งนี้สามารถดํารงอยู่มาเป็นเวลานาน นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นถ้ําสวรรค์วรรณกรรมหรือถ้ําสวรรค์นักรบอสูร พวกมันล้วนก็มีความลึกซึ้งของตัวเอง”

“นี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงจริงๆ”

“ถ้ําสวรรค์แห่งนี้มีประชากรจํานวนมากรวมถึงทรัพยากรจํานวนนับไม่ถ้วน สิ่งสําคัญคือวิธีเปลี่ยนภัยพิบัติเป็นภัยพิบัติสัตว์อสูร หากข้าได้รับวิธีนี้ มันจะมีประโยชน์มาก”

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฟางหยวนส่งลิ้นจี่ขาวอมตะให้กายาสวรรค์ทันที

เขาเข้าสู่ถ้ําสวรรค์นักรบอสูรแต่ไม่ถูกปิดกั้นโดยผู้อมตะระดับแปดเพราะไม่มีผู้อมตะระดับแปดอยู่ในถ้ําสวรรค์แห่งนี้

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเข้ามา ถ้ําสวรรค์เริ่มสั่นสะเทือน พลังงานลึกลับพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทางและกดดันฟางหยวน

“มันคือสิ่งใด?” ฟางหยวนรู้สึกสับสนเล็กน้อยแต่เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็ว

“เป็นเช่นนี้ ข้าเป็นคนนอก ถ้ําสวรรค์ปฏิเสธข้า มันปฏิบัติต่อข้าเหมือนภัยพิบัติชนิดหนึ่ง

ถ้ําสวรรค์นักรบอสูรสามารถเปลี่ยนทุกภัยพิบัติให้เป็นภัยพิบัติสัตว์อสูร ตอนนี้มันกําลังส่งผลกระทบต่อฟางหยวน

ฟางหยวนไตร่ตรอง เป็นไปได้ที่จะต่อต้านมัน แต่ข้าเกรงว่าการต่อสู้จะจบลงด้วยการทําลายล้าง แม้กายาสวรรค์จะค้นพบมรดกที่ถูกทิ้งไว้ แต่มันอาจถูกทําลาย”

ในกรณีนี้มันจะดีที่สุดที่เขาจะไม่ทําลายการจัดเตรียมของถ้ําสวรรค์นักรบอสูร

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนก็หยุดต่อต้านขัดขืน ร่องรอยของพลังงาแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจํานวนมากถูกเพิ่มเข้าไปในร่างกายของเขาเป็นการชั่วคราว ในเวลาเดียวกันร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสายอื่นของเขาก็เปลี่ยนเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง

“อัศจรรย์นัก! ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสายอื่นถูกเปลี่ยนเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง” ฟางหยวนถอนหายใจชื่นชม วิธีนี้ไม่ธรรมดา ดูเหมีอนข้าต้องเข้าออกถ้ําสวรรค์แห่งนี้สองสามครั้งและปล่อยให้การจัดเตรียมนี้ส่งผลกระทบต่อร่างกายของข้า จากนั้นข้าจะสามารถทําความเข้าใจแก่นแท้ของมัน!”

“แน่นอนว่าวิธีที่รวดเร็วที่สุดคือการยึดครองมรดกที่แท้จริง ด้วยวิธีนี้ข้าจะสามารถทําความเข้าใจวิธีการดั่งเดิมของมันได้อย่างสมบูรณ์!”

ร่างกายของฟางหยวนขยายใหญ่ขึ้นและค่อยๆเปลี่ยนเป็นสัตว์อสูร

หากไม่ใช่เพราะกายาสวรรค์ตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่มีผลข้างเคียงฟางหยวนย่อมไม่กล้ายอมรับอิทธิพลนี้

“โฮก…”

หลังจากไม่นานฟางหยวนก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่มีศีรษะเป็นวัว ร่างกายของเขาใหญ่โตราวกับภูเขา

ถ้ําสวรรค์นักรบอสูรสั่นสะเทือน

ผู้คนจํานวนนับไม่ถ้วนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเห็นฟางหยวน หลังจากมีนงง เสียงกรีดร้องก็ปะทุขึ้น

“สวรรค์ สัตว์ประหลาดยักษ์!”

“สัตว์ประหลาดปรากฏตัวอีกแล้ว!”

“สัตว์ประหลาดตัวนี้มีขนาดใหญ่โตมาก กลิ่นอายของมันแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง!”

“เร็วเข้า เรียกนักรบอสูร!”

ภายใต้ความกังวลของผู้คน นักรบอสูรปรากฏตัวขึ้นในที่สุด

เขาเป็นชายวัยกลางคนที่มีการบ่มเพาะระดับเจ็ด แต่กลิ่นอายของเขาค่อนข้างแปลก

“ในประวัติศาสตร์เคยมีสัตว์ประหลาดยักษ์ปรากฏขึ้นเพียงครั้งเดียว ข้ารู้สึกได้ถึงพลังอํานาจที่น่าสะพรึงกลัวของมันด้วยการมองเพียงครั้งเดียว!”

เขาถอนหายใจก่อนที่เจตจํานงแห่งการต่อสู้จะลุกไหม้ขึ้นในดวงตาของเขา “แต่ข้าต้องปกป้องบ้านเกิด ข้าต้องเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น ไปกันเถอะสหายของข้าเปลี่ยนร่าง!”

ชายวัยกลางคนตะโกนเสียงดังและระเบิดแสงสว่างออกมาจากร่างกาย

เสียงกรีดร้องของนกอินทรีย์ดังขึ้นขณะที่นกอินทรีย์สีเงินบินลงมาจากท้องฟ้า มันคือสัตว์อสูรบรรพกาล

อินทรีย์เงินปลดปล่อยแสงสว่างออกมาจากร่างกายของมันเช่นกัน

ชายวัยกลางคนกับนกอินทรีย์สีเงินพุ่งปะทะกันกลางอากาศ

“บึม!”

เมื่อแสงสว่างจางหาย รูปลักษณ์ของชายวัยกลางคนก็เปลี่ยนแปลงไป เขากลายเป็นมนุษย์ที่มีศีรษะเป็นนกอินทรีย์ ปีกสองข้างงอกออกมาจากแผ่นหลัง ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นเท่ากับกําแพงเมือง

ผู้คนโห่ร้องด้วยความยินดี

“เขามาแล้ว นักรบอินทรีย์!”

“นักรบอินทรีย์ ฆ่าสัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนี้!”

“เราจะสนับสนุนท่าน ท่านต้องประสบความสําเร็จ!”

เสียงโห่ร้องให้กําลังใจดังขึ้น

นักรบอินทรีย์บินขี้สูท้องฟ้า เขาพึมพํา “ข้าจะไม่ทําให้พวกเจ้าผิดหวัง!

“ปัง!”

ฟางหยวนตบนักรบอินทรีย์ด้วยมือข้างเดียว

“บึม!”

ร่างของนักรบอินทรีย์ถูกส่งลงจากท้องฟ้าราวกับดาวตกก่อนจะพุ่งปะทะพื้นอย่างรุนแรง หลุมขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นพร้อมกับฝุ่นควันที่ลอยคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ

เงียบกริบ

อาการวิงเวียนศีรษะพุ่งเข้าโจมตีนักรบอินทรีย์และทําให้เขาแทบหมดสติ

เขาใช้กําลังทั้งหมดเพื่อต่อต้านอาการวิงเวียนและค่อยๆปีนขึ้นมาจากหลุมลึก

“เกิดสิ่งใดขึ้น? ข้าข้าถูกสัตว์ประหลาดยักษ์ส่งลงมากระแทกพื้นจริงๆงั้นหรือ?” นักรบอินทรีย์ตอบสนองได้ในที่สุด

เมื่อนึกถึงฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดวงตาของเขาปรากฏให้เห็นถึงความหวาดกลัวอย่างไม่สามารถปกปิด

“ความเร็วชนิดนี้ไร้สาระเกินไป! ร่างกายใหญ่โตจะสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วและคล่องแคล่วถึงระดับนี้ได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท