เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1695 ต่อสู้เพื่อวังมังกร

บทที่ 1695 ต่อสู้เพื่อวังมังกร

บทที่ 1695 ต่อสู้เพื่อวังมังกร

คฤหาสน์วิญญาณอมตะประตูสิ้นปีปรากฏขึ้น ฝ่ายที่ตกใจคือผู้อมตะของวังสวรรค์

คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังที่ห้ามาจากภาคเหนือ มันเป็นของตระกูลฮวงจิน

“คฤหาสน์วิญญาณอมตะเข้ามาตั้งแต่เมื่อใด?”

“โอ้ ไม่ มันต้องการทําบางสิ่งกับค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหิน?”

“เร็ว หยุดมัน!”

ผู้อมตะของวังสวรรค์ตะโกน กระทั่งผู้อมตะระดับแปดยังแสดงออกด้วยความตกใจ

ปิงช่ายฉวนหัวเราะเสียงดัง เขาพุ่งเข้าชกรังกระเรียนใบไม้ร่างราวกับฝนดาวตกและบังคับให้ฝ่ายหลังล่าถอยอย่างต่อเนื่อง

ศาลาอดีตปัจจุบันถูกผนึกและจมลงไปในสายธารแห่งกาลเวลา

ชิงเย่หวังต้องการหยุดประตูสิ้นปีแต่มันสายเกินไป

เสียงสายหนึ่งดังขึ้นจากประตูสิ้นปี “ดูให้ดี นี่คือแสงห้าธาตุของข้า!”

ประตูสิ้นปียิงแสงห้าสีออกมา มันพุ่งปะทะค่ายกลวิญญาณอมตะและสร้างรูช่องโหว่ขนาดใหญขึ้นทันที

“เร็วเข้า ซ่อมมัน!”

“นี่เป็นไปได้อย่างไร? ค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินไม่สามารถต่อต้านมันได้แม้แต่น้อย!”

ผู้อมตะระดับเจ็ดที่ควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะทั้งโกรธและตกใจ

รูม่านตาของฟงจิวเก้อหดเล็กลง เขาจํามันได้ “มันคือปราจารย์ห้าธาตุ ผู้บ่มเพาะสันโดษของภาคเหนือ คนผู้นี้บ่มเพาะบนเส้ทางแห่งค่ายกลและสามารถเลียนแบบธาตุทั้งห้าได้แก่ปฐพี วารี ไฟ ไม้ และโลหะ เขาเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกล ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะเข้าร่วมกับถ้ำสวรรค์นิรันดร!”

หลังจากใช้กระบวนท่านี้ ปรมาจารย์ห้าธาตุหอบหายใจอย่างหนักหน่วง กลิ่นอายของเขาลดลงอย่างมาก

แสงห้าธาตุของเขาสามารถทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะ เขาเตรียมท่าไม้ตายนี้มานานแล้ว นี่ทําให้ค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินถูกทําลายลงครึ่งหนึ่งในครั้งเดียว

แน่นอนว่านี่เป็นเพราะฟางหยวนให้ข้อมูลสําคัญกับถ้ำสวรรค์นิรันดร

ฟางหยวนเข้าใจค่ายกลวิญญาณผนึกบัวหินของวังสวรรค์อย่างลึกซึ้ง แต่เขายังไม่มีโอกาสโจมตีมันด้วยตนเอง

ด้วยข้อมูลดังกล่าว ปรมาจารย์ห้าธาตุจึงสามารถใช้แสงห้าธาตุทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินของวังสวรรค์

เมื่อค่ายกลวิญญาณอมตะแตกออก เกาะบัวหินจึงเผยตัวต่อสายตาของทุกคน

ฟางหยวนหัวเราะและกระโจนร่างออกไป

“ปัง!”

เขาเตะรังกระเรียนใบไม้ร่วงตกลงสู่สายธารแห่งกาลเวลาและทําให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่

ต่อมาเขาพุ่งไปยังเกาะบัวหินราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่

ผู้อมตะที่ควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หากค่ายกลวิญญาณอมตะพังทลายลงอย่างสมบูรณ์ พวกเขาจะพบกับฟันเฟือนที่รุนแรง

แต่พวกเขาทําได้เพียงเฝ้ามองฟางหยวนเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาเท่านั้น

“มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง!” ฟางหยวนมองเกาะบัวหินด้วยดวงตาส่องประกาย วิญญาณกาลเวลาที่อยู่ในมิติช่องว่างของร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

มันเป็นเกาะบัวหินจริงๆ

ฟางหยวนได้รับกําไรมหาศาลจากเกาะบัวหินก่อนหน้า มันทําให้เขาหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ หากเขาได้รับมรดกที่แท้จริงนี้ เขาจะเติบโตขึ้นอีกมากเพียงใด?

“ฟางหยวน อย่าแม้แต่จะคิด!” ชิงเย่หวังตะโกนและบังคับฉลามล่องคลื่นพุ่งเข้าโจมตีแผ่นหลังของฟางหยวน

แต่ในช่วงเวลาสําคัญยิ่งช่ายฉวนกลับปรากฏตัวขึ้นและปิดกั้นฉลามล่องคลื่น

“ฟางหยวน รีบรับมรดกเร็ว!” ปิงชายฉวนกระตุ้นฟางหยวน

ฟางหยวนมองปิงช่ายฉวนอย่างลึกซึ้ง ดูเหมือนถ้ำสวรรค์นิรันดรจะต้องการร่วมมือกับเขาจริงๆ

“อย่าฝัน!” ผู้อมตะระดับแปดชิงเยู่บังคับนาวานิรันดร์เข้าไปหาฟางหยวน

“ต้องการจับเขางั้นหรือ? ฮ่าฮ่า เจ้าต้องผ่านข้าไปก่อน” ประตูสิ้นปีปรากฏขึ้นและกีดขวางเส้นทางของนาวานิรันดร์

ชิงเยู่ขมวดคิ้วแต่ยังหัวเราะเสียงเย็น “นาวานิรันดร์ของข้ารวดเร็วที่สุด เจ้าจะหยุดข้าอย่างไร?”

แต่การแสดงออกของชิงเย่กลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันเมื่อเห็นค่ายกลวิญญาณอมตะปรากฏขึ้นรอบๆนาวานิรันดร์

“สามารถสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะได้ในระยะเวลาสั้นๆ?” ชิงเย่ตระหนักถึงความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของปรมาจารย์ห้าธาตุในที่สุด

“มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงเป็นของข้า!” ฟางหยวนตะโกน

แต่ในจังหวะที่เขากําลังจะก้าวเท้าเข้าไปในเกาะบัวหิน เกาะบัวหินกลับระเบิดแสงสว่างออกมาและผลักฟางหยวนออกไป

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ฟางหยวนประหลาดใจ

“บึม บึม บึม”

การโจมตีจากทุกทิศทางพุ่งเข้าหาฟางหยวน

ในที่สุดค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินก็กลับสู่เสถียรภาพ แม้มันจะได้รับความเสียหายแต่ผู้อมตะระดับเจ็ดของวังสวรรค์ยังสามารถใช้มันโจมตีฟางหยวน

ฟางหยวนถูกขัดขวาง เขาไม่สามารถเข้าใกล้เกาะบัวหินได้โดยง่ายในเวลานี้

“เกาะบัวหินปฏิเสธข้าเพราะค่ายกลวิญญาณนี้นั้นหรือ?”

ฟางหยวนกําลังคิดเรื่องนี้ขณะที่ฟงจิวเก้อนํารังกระเรียนใบไม้ร่วงกลับมา

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอีกครั้ง สถานการณ์กลายเป็นชะงักงัน

ในเวลาเดียวกันที่ทะเลตะวันออก

“หลี่ฮวงคาวระทานราชันมังกร” บนท้องฟ้า เปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นเมื่อชายขราปรากฏตัว เขาเป็นกําลังเสริมจากวังสวรรค์ ผู้อมตะระดับแปดหลี่ฮวง

ราชันมังกรพยักหน้าและส่งฟงจินฮวงลอยเข้าไปหาหลี่ฮวงอย่างช้าๆ

“ปกป้องฮวงเอ๋อ หากเกิดสิ่งใดขึ้นกับนาง มันจะเป็นความรับชอบของเจ้า” ราชันมังกรกล่าวอย่างชัดเจน

หลี่ฮวงแสดงออกอย่างเคร่งขรึมและตอบกลับด้วยความมั่นใจ “ท่านราชันมังกรอย่ากังวล ด้วยเสื้อคลุมเพลิงสุริยันของข้า ผู้ใดจะสามารถทําร้ายฟงจินฮวง”

ราชันมังกรไม่สนใจหลี่ฮวง เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนหน้านี้การปกป้องฟงจินฮวงทําให้เขาเสียเวลา วังมังกรบินห่างออกไปแล้ว

ราชันมังกรเผยรอยยิ้ม เขาไม่รู้สึกกังวล

เขากําหมัดแน่น ในเวลาต่อมาเขาหายตัวไปทันที

วังมังกรถูกชิงอวี๋อันกีดขวางขณะที่ผู้อมตะระดับแปดคนอื่นๆกําลังต่อสู้กันเอง

โอกาสมาถึงแล้ว ข้าต้องคว้ามันมาให้ได้!” ดวงตาของชิงอวี๋อันส่องประกายขึ้น ในที่สุดโอกาสที่เขารอคอยก็มาถึง

แต่เพียงเมื่อชิงอวี๋อันกําลังจะไปถึงวังมังกร กลิ่นอายที่ทรงพลังกลับพุ่งเข้ามา กลิ่นอายแห่งความตายทําให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก

เขาหันหลังกลับและป้องกันการโจมตีที่รุนแรง เขาสามารถป้องกันตัว แต่เขายังลอยกลับหลังและกระอักเลือดคําโตออกมา

“ราชันมังกร!” ชิงอวี๋อันคํารามด้วยความโกรธ

ราชันมังกรลอยอยู่บนท้องฟ้าด้วยสายตาเย็นชา

ชิงอวี๋อันต้องการตอบโต้ แต่การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

พลังปราณรูปมังกรพุ่งเข้าโจมตีเขาด้วยความเร็วสูง

“บึม”

การป้องกันของชิงอวีอันถูกทําลายลงในพริบตา

ชิงอวี่อันเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อและเร่งล่าถอย

“หยุดราชันมังกร!”

“คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้เป็นของข้า!”

ข่งฉีหยวนและจางหยินบินเข้าเผชิญหน้ากับราชันมังกรอย่างพร้อมเพรียง

ราชันมังกรเผยรอยยิ้มไม่แยแส

“โฮก…”

เสียงคํารามของมังกรดังขึ้น ซึ่งหยวนและจางหยินถูกส่งลอยกลับหลังด้วยความสับสน

พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยไม่รู้ตัว

“ระวัง ตอนนี้ราชันมังกรไม่มีภาระ เขาสามารถใช้พลังทั้งหมด!”

“นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขางั้นหรือ?”

“ทุกคน ร่วมมือกัน เราไม่สามารถปล่อยให้เขาประสบความสําเร็จ!”

พลังอํานาจของราชันมังกรทําให้ผู้อมตะระดับแปดทั้งหมดรู้สึกถึงภัยคคุกคาม พวกเขาเริ่มสร้างความร่วมมือ

ราชันมังกรสูดหายใจและปิดเปลือกตาลง

เขาไม่เคลื่อนไหว เพียงเมื่อการโจมตีของศัตรูใกล้เข้ามา เขาจึงเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง

ท่าไม้ตายอมตะปราณกลืนภูเขาและแม่น้ำ!

กลุ่มผู้อมตะระดับแปดรู้สึกถึงแรงกดดันที่รุนแรง

ท่าไม้ตายอมตะของกลุ่มผู้อมตะระดับแปดล้มเหลวทั้งหมด วังมังกรตกลงจากท้องฟ้า โลกราวกับหยุดนิ่ง ไม่มีสิ่งใดสามารถต่อต้านแรงกดดันชนิดนี้

ในที่สุดราชันมังกรก็แสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาออกมา

“ฆ่า!”

“ราชันมังกร ตายไปซะ!”

“ข้าไม่เชื่อว่าพวกเราจะไม่สามารถเอาชนะเจ้า!”

กลุ่มผู้อมตะระดับแปดที่รู้สึกอับอายพุ่งเข้าโจมตีราชันมังกรพร้อมกัน

ราชันมังกรกันเสียงเย็นก่อนจะเปิดปากคํารามอีกครั้ง

ต่อมาร่างกายของเขาก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าศัตรูขณะที่เขาชกใบหน้าของคนเหล่านั้นด้วยหมัดและทําลายการป้องกันของพวกเขาด้วยกรงเล็บ

ผู้อมตะระดับแปดทั้งหมดของทะเลตะวันออกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ทุกคนทั้งโกรธและตกใจ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทําสิ่งใด

ก่อนหน้านี้นอกจากปกป้องฟงจินฮวง ราชันมังกรยังรวบรวมข้อมูล นั่นทําให้เขาเข้าใจจุดอ่อนของผู้อมตะระดับแปดเหล่านี้

“เจ้าแก่ มากเกินไปแล้ว!”

“รับท่าไม้ตายอมตะของข้า!”

“หยุดเขา ข้าจะใช้ไพ่ตายของข้า!”

กลุ่มผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกโกรธจัด พวกเขาเริ่มใช้วิธีที่รุนแรงขึ้น ท่าไม้ตายอมตะปราณกลืนภูเขาและแม่น้ำ

“บึม บึม บึม”

กลุ่มผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกร่วงลงสู่ทะเล

ราชันมังกรสามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท