เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1697 ไม่มีผู้ชนะและไม่มีผู้แพ้

บทที่ 1697 ไม่มีผู้ชนะและไม่มีผู้แพ้

บทที่ 1697 ไม่มีผู้ชนะและไม่มีผู้แพ้

ลมมรณะทําลายล้างเกาะบัวหิน

เกาะบัวหินค่อยๆหายไปอย่างสมบูรณ์

อย่างไรก็ตามลมมรณะไม่ส่งผลกระทบต่อสายธารแห่งกาลเวลา

เปรียบเทียบกับสายธารแห่งกาลเวลา ลมมรณะไม่ต่างจากแมลงวันตัวเล็กที่บินอยู่บนหลังวัว

กลุ่มผู้อมตะและคฤหาสน์วิญญาณอมตะต้องหลีกเลี่ยงลมมรณะไม่เว้นแม้แต่ฟงจิวเก้อ

“เกาะบัวหินถูกทําลายจริงๆ!” ฟางหยวนตกใจมาก ก่อนหน้านี้เขาถูกเกาะบัวหินปฏิเสธ แต่ผู้ใดจะคิดว่ามันจะถูกทําลายโดยลมมรณะ

ฟางหยวนเฝ้ามองค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินแตกสลายไป

ฟงจิวเก้อรู้สึกหนักอึ้งเช่นกัน

แม้เขาจะสามารถทําลายเกาะบัวหิน แต่ในความคิดของเขา เขาล้มเหลว

เพื่อค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง วังสวรรค์จ่ายด้วยกําลังคนและทรัพยากรจํานวนมหาศาล พวกเขาทุ่มเทความพยายามและทํางานอย่างหนัก แต่ผู้ใดจะคิดว่าฟางหยวนจะร่วมมือกับถ้ําสวรรค์นิรันดรเพื่อขัดขวางพวกเขา

ฟงจิวเก้อไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทําลายเกาะบัวหินและทําให้การทํางานหนักทั้งห มดของวังสวรรค์กลายเป็นสูญเปล่า

แต่ไม่มีผู้ใดสามารถตําหนิเขา

เพราะมันจําเป็น!

ค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโป มันต้องพังทลายลงอย่างแน่นอน เมื่อค่ายกลวิญญาณอมตะถูกทําลาย ฟงจิวเก้อและซิงเย่หวังจะถูกบังคับ ให้กลับเข้าไปในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

ด้วยวิธีนี้ฝ่ายของวังสวรรค์จะสูญเสียกําลังรบ

ในทางตรงข้ามฟางหยวนและบิงช่ายฉวนเหมือนปลาในน้ํา โดยปราศจากค่ายกลวิญญาณอมตะที่หยุดยั้งพวกเขา พลังการต่อสู้ของพวกเขาจะพุ่งสูงขึ้น

วังสวรรค์ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ฟางหยวนจะได้รับเกาะบัวหินในที่สุด ดังนั้นฟงจิว เก้อจึงต้องทําลายเกาะบัวหิน

“ตัดสินใจได้ดี” ฟางหยวนต้องชื่นชมการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวของฟงจิวเก้ออย่างช่วยไม่ได้

ปิงช่ายฉวนถอนหายใจ

เขาต้องการหาวิธีทําลายวิญญาณชะตากรรมจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัว แดง แต่ตอนนี้เกาะบัวหินกลับถูกทําลาย นี่ทําให้เขารู้สึกผิดหวัง

เขาไม่รู้ว่าฟางหยวนได้รับมรดกที่แท้จริงส่วนหนึ่งของเทพปีศาจบัวแดงมาแล้วและฟางหยวนก็ไม่มีความคิดที่จะบอกเรื่องนี้กับถ้ําสวรรค์นิรันดร

ค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินพังทลายลง วิญญาณอมตะและผู้อมตะเสียชีวิตทั้งหมด

คลื่นน้ํากลืนกินทุกสิ่งก่อนที่สายธารแห่งกาลเวลาจะกลับสู่สภาพปกติ

“ถอยกันเถอะ” ฟงจิวเก้อกัดฟันกล่าว

สถานการณ์ไม่เอื้ออํานวยต่อวังสวรรค์ แม้พวกเขาจะมีผู้อมตะระดับแปดถึงสามคนหรือกระทั่งราชันมังกรจะมาที่นี้ด้วยตนเอง แต่พวกเขาก็ไม่มีโอกาสได้รับชัยชนะ

ฟงจิวเก้อและคนอื่นๆไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา พวกเขาต้องซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

ในเวลาเดียวกันคฤหาสน์วิญญาณอมตะเหล่านี้ก็เป็นเพียงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ด หากพวกเขามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลา พวกเขาอาจมีโอกาสได้รับชัยชนะ

แม้วังสวรรค์จะมีรากฐานที่ยิ่งใหญ่ แต่มันไม่ได้ไร้ขอบเขต

หงซื่อ ผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาตายไปแล้ว วังสวรรค์ไม่มีผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาคนอื่น แม้พวกเขาจะสามารถสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะสีหลัง พวกมันก็เป็นเพียงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดเท่านั้น วังสวรรค์ไม่มีความสามารถในการสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาได้ในระยะเวลาสั้นๆ

ในความเป็นจริงการจัดเตรียมของเทพธิดาจื่อเว่ยไม่ผิด หากมีเพียงฟางหยวน เขาจะไม่สามารถรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง

แต่วังสวรรค์ไม่คาดหวังว่าถ้ําสวรรค์นิรันดรจะร่วมมือกับฟางหยวน

หลังจากทั้งหมดฟางหยวนเป็นอาชญากรที่ทําลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง พวกเขาเป็นศัตรูที่ไม่สามารถประนีประนอม

“ถ้ําสวรรค์นิรันดรหยุดแก้แค้นและร่วมมือกับฟางหยวนเพราะปิงช่ายฉวนงั้นหรือ?” ฟงจิวเก้อกลับเข้าไปในรังกระเรียนใบไม้ร่วงและมองปิงช่ายฉวนด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังของวังสวรรค์เร่งล่าถอย

ฟางหยวนคํารามและไล่ล่าพวกเขา

ปิงช่ายฉวยต่อสู้เคียงข้างฟางหยวน

ทั้งสองโจมตีคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังของวังสวรรค์อย่างดุเดือด

ผู้อมตะของวังสวรรค์ทําได้เพียงหลบหนี

สุดท้ายศาลาอดีตปัจจุบันก็สามารถหลบหนีออกจากท่าไม้ตายอมตะแช่แข็งเวลาของปิงช่ายฉวนและบินขึ้นมาจากสายธารแห่งกาลเวลา

สามซุนจือโกรธมาก พวกเขาต้องการโจมตีฟางหยวน แต่พวกเขากลับตกตะลึงเมื่อเห็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกสามหลังกําลังหลบหนี ค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินพังทลาย ผู้อมตะระดับเจ็ดตายทั้งหมด

“ถอยเร็ว!” ฟงจิวเก้อออกคําสั่ง

สามซุนจือกลืนน้ําลายอย่างยากลําบากก่อนจะรีบบินเข้าไปรวมกลุ่มและหลบหนี

ฟางหยวนและชิงช่ายฉวนรวมถึงปรมาจารย์ห้าธาตุที่ควบคุมประตูสิ้นปีไล่ล่าศัตรูอย่างไม่ลดละ

“สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาอยู่ใกล้ๆ พวกเรากําลังจะออกไป!” ชิงเย่ตะโกนปลุกขวัญกําลังใจ

“ต้องการจากไปงั้นหรือ? มันไม่ง่าย!” ฟางหยวนหัวเราะ

“ทุกคนรีบไป พวกเราจะถ่วงเวลาพวกเขา!” สามซุนจือตัดสินใจสู้ตาย พวกเขารั้งอยู่ด้านหลัง พร้อมกับศาลาอดีตปัจจุบันที่แทบพังทลาย

ด้วยวิธีนี้ คฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังจึงสามารถหลบหนีออกจากสายธารแห่งกาลเวลา

ศาลาอดีตปัจจุบันถูกทําลาย สามซุนจือเสียชีวิต

ฟางหยวนรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ไม่สามารถจับผู้อมตะระดับแปด

ฟางหยวนไม่ต้องการไล่ล่าพวกเขาต่อไป โลกภายนอกฟงจิวเก้อและคนอื่นๆสามารถต่อสู้ได้ตามปกติ

เขาเคลื่อนที่ผ่านสนามรบและกลืนกินมิติช่องว่างของผู้อมตะทั้งหมด

ปิงช่ายฉวนและปรมาจารย์ห้าธาตุไม่เคลื่อนไหว พวกเขาเพียงเฝ้ามองจากด้านข้าง

ผู้อมตะระดับเจ็ดจํานวนมากเสียชีวิต นั่นทําให้ฟางหยวนได้รับกําไรมหาศาล

“ไปทะเลตะวันออกกันเถอะ” หลังจากไม่นานฟางหยนก็เบิดปากกล่าว

ถ้ําสวรรค์นิรันดรแสดงความจริงใจออกมาอย่างเต็มที่ในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง พวกเขาเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในเวลานี้

ทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือป้องกันไม่ให้วังสวรรค์ฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม

หากวังสวรรค์ประสบความสําเร็จในการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม อีกสี่ภูมิภาคจะถูกคุกคาม

ฟางหยวนและบึงช่ายฉวนยืนยันว่ามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงถูกทําลายไปแล้ว ไม่มีฝ่ายใดได้รับมัน การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีผู้ชนะและไม่มีผู้แพ้

ในไม่ช้ากลุ่มของฟางหยวนก็ออกจากสายธารแห่งกาลเวลาและมุ่งหน้าไปยังทะเลตะวันออก เพื่อหยุดราชันมังกร

แต่ระหว่างทางพวกเขาได้ยินว่าความโกลาหลของทะเลตะวันออกสิ้นสุดลงแล้ว

ผู้ชนะที่ได้รับวังมังกรคือราชันมังกร!

ราชันมังกรมีพลังการต่อสู้ที่น่าเหลือเชื่อ เขาสามารถกําหราบผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกทั้งหมด ผู้อมตะระดับแปดเฉินอี้ของวังสวรรค์นําคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมาสนับสนุน นอกจากนั้นผู้บ่มเพาะสันโดษของทะเลตะวันออกหยางจุนก็หักหลังและให้ความช่วยเหลือราชันมังกรในจังหวะสําคัญ นั่นทําให้ฝายของวังสวรรค์ประสบความสําเร็จในการยึดครองวังมังกร

แต่ราชันมังกรก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน

ในช่วงเวลาสุดท้ายของการต่อสู้กลุ่มผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกใช้ไพ่ตายของพวกเขา

แต่มันสายเกินไป หลังจากราชันมังกรได้รับวังมังกร เขาเร่งจากไปทันที

“ผู้ใดจะคิดว่าผู้บ่มเพาะสันโดษระดับแปดหยางจุนจะเป็นสมาชิกของวังสวรรค์!” ปรมาจารย์ห้าธาตุสายศีรษะอย่างต่อเนื่อง ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่ตอนนี้เขากลายเป็นสมาชิกของถ้ําสวรรค์นิรันดรไปแล้ว นี่เป็นสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน

“อาจไม่ใช่กรณีนั้น หยางจุนอาจเป็นสายลับของวังสวรรค์ที่อยู่ในทะเลตะวันออกมาตั้งแต่แรก” ฟางหยวนคิดถึงองค์ชายฟงเชี่ยนของภาคเหนือ เขาเป็นสายลับของวังสวรรค์ที่แทรกซึมเข้าสู่ภาคเหนือตั้งแต่แรก ตัวตนของเขายังไม่ถูกเปิดเผยจนถึงตอนนี้

ฟางหยวนมองปิงช่ายฉวนก่อนจะตัดสินใจเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับต่อไป

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท