เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1700 ข่าวลือกลายเป็นพยัคฆ์

บทที่ 1700 ข่าวลือกลายเป็นพยัคฆ์

บทที่ 1700 ข่าวลือกลายเป็นพยัคฆ์

ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศ หิมะสีขาวปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา หากมองในระยะไกล มันดูเหมือนเขาสวมชุดคลุมหนังจิ้งจอกสีขาว

นี่คือท่าไม้ตายอมตะเสื้อคลุมฤดูหนาวที่ถูกดัดแปลงใหม่

ฟางหยวนมีท่าไม้ตายสายป้องกันมากมาย ท่าที่แข็งแกร่งที่สุดคือเกราะหวนคืน แต่แม่น้ําหวนคืนอยู่ในสภาพแห้งเหือด เขาไม่สามารถใช้งานมันได้ในเวลานี้

นอกจากเกราะหวนคืน ฟางหยวนยังมีเกราะราชันภูต เสื้อคลุมฤดูหนาว เกราะขนราช สีห์ เต่าพยากรณ์ และอื่นๆ

เกราะราชันภูตเป็นการผสมผสานระหว่างวิญญาณอมตะป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณ อาภรณ์ วิญญาณ และผนึกภูผี พลังป้องกันของมันน่าเหลือเชื่อและสามารถใช้ต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด

แต่มันยังด้อยกว่าเสื้อคลุมฤดูหนาว

ท่าไม้ตายอมตะราชันภูตผีมีความสามารถครอบคลุมทั้งการโจมตี การป้องกัน และการจํากัดพื้นที่ด้วยเขตแดนอมตะ

สําหรับเสื้อคลุมฤดูหนาว มันเป็นท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันโดยเฉพาะ ฟางหยวนกลืนกินมิติช่องว่างของเซี่ยชาและได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาจํานวนมาก นั่นทําให้พลังอํานาจของเสื้อคลุมฤดูหนาวเพิ่มสูงขึ้น

สิ่งสําคัญที่สุดคือหลังจากดัดแปลง พลังป้องกันของเสื้อคลุมฤดูหนาวยิ่งยอดเยี่ยมมากขึ้นไปอีก

แม้เขาจะไม่สามารถใช้เกราะหวนคืน แต่เสื้อคลุมฤดูหนาวยังสามารถทดแทน

“บึม บึม บึม”

สามผู้อมตะระดับแปดภาคกลางโจมตีฟางหยวนอย่างดุเดือด

ฟางหยวนไม่หลบแต่ใช้เสื้อคลุมฤดูหนาวป้องกันการโจมตีทั้งหมด

“มันคือสิ่งใด?”

“ดูเหมือนจะเป็นเสื้อคลุมฤดูหนาวของเซี่ยซา”

“เป็นไปได้อย่างไร? เสื้อคลุมฤดูหนาวของเซี่ยชาไม่ใช่เช่นนี้”

สามผู้อมตะระดับแปดภาคกลางลอบพูดคุยและรู้สึกตกใจกับพลังป้องกันของเสื้อคลุมฤดูหนาว

พวกเขามองไปยังโจวซ่งซิน

สามผู้อมตะระดับแปดมาจากสิบนิกายโบราณขณะที่โจวซ่งซินเป็นสมาชิกวังสวรรค์ที่ตื่นขึ้นจากสุสานอมตะ

เขตแดนอมตะกรงข่าวลือของโจวซึ่งซินเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล ในสภาพแวดล้อมนี้เส้นทางสายอื่นจะถูกจํากัด

พลังอํานาจของเสื้อคลุมฤดูหนาวถูกจํากัด แต่สามผู้อมตะระดับแปดก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

ฟางหยวนประเมินเขตแดนอมตะกรงข่าวลือ

กรงข่าวลือเต็มไปด้วยตัวอักษรสีเงิน พวกมันเรียงร้อยกันเป็นบอลทรงกลมขนาดใหญ่ห่อหุ้มฟางหยวนและสี่ผู้อมตะระดับแปดเอาไว้

เขตแดนนี้เชื่อมต่อกับโลกภายนอก มันไม่ได้ปกปิดตัวเอง

ภายในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนอาบแสงแห่งปัญญาและพยายามอนุมานเขตแดนอมตะกรงข่าวลืออย่างเต็มที่

แต่ฟางหยวนไม่มีความสําเร็จ

หากมันเป็นเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาหรือเส้นทางแห่งการหลอมรวม ฟางหยวนจะสามารถใช้ความสําเร็จระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุดอนุมานมันได้ทันที แต่เผชิญหน้ากับเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล เขาทําได้เพียงพึ่งพาแสงแห่งปัญญาเท่านั้น

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวังสวรรค์ฉลาดมากที่ส่งผู้อมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลโจวซ่งซินออกมาจัดการฟางหยวน

หากมันเป็นผู้อมตะคนอื่นที่ฟางหยวนเคยพบ เขามีวิธีรับมือคนเหล่านั้น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนพบโจวซ่งซิน มันจึงค่อนข้างลําบาก

โจวซ่งซินอยู่ในชุดคลุมขาว เขามีใบหน้าสี่เหลี่ยมที่ดูจริงจัง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ

สมาชิกวงสวรรค์ล้วนเป็นผู้อมตะระดับแปดชั้นยอด ยังไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งใด เพียงเขตแดนอมตะกรงข่าวลือ มันก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว มันเป็นท่าไม้ตายเขตแดนอมตะที่กระตุ้นใช้งานได้รวดเร็วที่สุดเท่าที่ฟางหยวนเคยเห็น

“ฟางหยวน เมื่อเจ้าติดอยู่ที่นี่ก็อย่าคิดว่าจะสามารถออกไป เจ้าเข่นฆ่าผู้คนอย่างโหดเหี้ยม ชีวิตผู้บริสุทธิ์จํานวนมากถูกพรากไปด้วยมือของเจ้า ตอนนี้จงรับผลกรรมที่เจ้าสร้างขึ้น!” โจวซ่งซินกล่าวด้วยน้ําเสียงแห่งความชอบธรรมก่อนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะต่อไป

ท่าไม้ตายอมตะข่าวลืออันตราย!

ท่าไม้ตายอมตะข่าวลือกลายเป็นพยัคฆ์!

ตัวอักษรสีเงินไหลออกมาจากกรงข่าวลือราวกับสายน้ําก่อนจะควบรวมเป็นพยัคฆ์สีเงิน

พยัคฆ์เงินพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนทันที

ท่าไม้ตายอมตะกําปั้นยักษ์หมื่นตัวตน!

ฟางหยวนพุ่งเข้าเผชิญหน้ากับพยัคฆ์เงินแต่กําปั้นยักษ์หมื่นตัวตนเป็นฝ่ายถูกทําลาย

ฟางหยวนขมวดคิ้ว พยัคฆ์เงินมีพลังการต่อสู้สูงมาก

ท่าไม้ตายอมตะกรรไกรฤดูใบไม้ผลิ

ดวงตาของโจวซ่งซินส่องประกายขึ้น เขาคิด “มันแตกต่างจากข้อมูล หลังจากการต่อสู้แย่งชิงมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง กรรไกรฤดูใบไม้ผลิของฟางหยวนพัฒนาขึ้นอีกครั้ง มันแข็งแกร่งขึ้นมาก!”

โจวซ่งซินเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล เขาสามารถค้นพบการเปลี่ยนแปลงหรือความผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว

“ท่าไม้ตายอมตะกรรไกรฤดูหนาวไม่เคยพัฒนามานานหลายร้อยปีในมือของเซี่ยชา แต่ฟางหยวนสามารถดัดแปลงมันซ้ําแล้วซ้ําอีก ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขาสูงจริงๆงั้นหรือ? บางทีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขาก็อาจสูงเช่นกัน อย่างไรก็ตามนี่เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปด มันไม่ง่ายที่จะดัดแปลง!”

โจวซ่งซินลอบตกใจ

แม้พลังอํานาจของกรรไกรฤดูใบไม้ผลิจะถูกจํากัด แต่มันยังสามารถกําจัดพยัคฆ์เงินได้อย่างง่ายดาย

“อย่างไรก็ตามสถานการณ์ยังอยู่ในการควบคุมของข้า” โจวซ่งซินหัวเราะกับตนเอง

ครู่ต่อมาฟางหยวนต้องขมวดคิ้วลึกอีกครั้ง

“พยัคฆ์เงินปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่รู้สิ้นสุด”

สิ่งสําคัญที่สุดคือพวกมันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ!!

“แปลก….”

โดยทั่วไปวิธีการเช่นนี้หมายถึงการลดพลังการต่อสู้ของศัตรูด้วยจํานวน

แต่พยัคฆ์เงินกลับแข็งแกร่งขึ้นด้วยความเร็วที่ไม่ปกติ

ก่อนหน้านี้กรรไกรฤดูใบไม้ผลิสามารถกําจัดพวกมันได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปพยัคฆ์เงินกลับสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของกรรไกรฤดูใบไม้ผลิ

อย่างไรก็ตามตอนนี้ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนสามารถอนุมานสิ่งที่มีประโยชน์ได้ในที่สุด

ฟางหยวนมองโจวซ่งซินและกล่าว “เป็นเช่นนี้ นี่คือการรวมตัวกันระหว่างเส้นทางแห่งข้อมูล และเส้นทางมนุษย์ เจ้าใช้ความไม่พอใจของผู้คนในภาคกลางเพื่อสร้างท่าไม้ตายนี้”

คิ้วของโจวซ่งชินกระตุก ฟางหยวนค้นพบความลึกซึ้งของท่าไม้ตายนี้ได้เร็วจนน่าตกใจ

“ตั้งแต่เจ้าค้นพบ มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบัง แท้จริงแล้วท่าไม้ตายนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะแรกกําเนิดที่ใช้เจตจํานงของผู้คนเป็นเชื้อเพลิง”

“ฟางหยวน เจ้าเข่นฆ่าผู้คนมากมาย พวกเขาต่างโกรธแค้น มนุษย์หนึ่งคนอาจอ่อนแอ แต่หากเป็นมนุษย์จํานวนนับไม่ถ้วนจะเกิดสิ่งใดขึ้น? พลังอํานาจที่รวบรวมมาจากพวกเขาเหนือจินตนาการของเจ้า”

“เจ้าไม่สามารถเอาชนะเจตจํานงของผู้คนทั้งหมด นี่เป็นกรรมที่เจ้าก่อขึ้น!”

ฟางหยวนเงียบ

เขาเริ่มโจมตีกรงข่าวลือด้วยตนเอง

เขาเข้าใจความลึกซึ้งของเขตแดนอมตะนี้ กระทั่งท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปก็ไร้ประโยชน์

สถานที่แห่งหนึ่งในภาคกลาง

“ฟางหยวนติดกับ เขาน่าจะอยู่ในเขตแดนอมตะหรือค่ายกลวิญญาณอมตะ ข้าแทบไม่สามารถสัมผัสถึงการคงอยู่ของเขา การเชื่อมต่อของเรากําลังจะถูกตัดขาด” เฉินกงเจิ้งกล่าว

เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งเสียงของทะเลตะวันออก ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเฉิน

ฟางหยวนถูกท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของคนผู้นี้โจมตีโดยไม่รู้ตัวระหว่างการต่อสู้แย่งชิงวังมังกร ตอนนี้ฟางหยวนติดอยู่ในเขตแดนอมตะกรงข่าวลือ เฉินกงเจิ้งสัมผัสถึงการคงอยู่ของฟางหยวนได้เพียงเล็กน้อย

“วิธีตรวจสอบของพี่เฉินช่างยอดเยี่ยมนัก” ซ่งฉีหยวนกล่าวมาจากด้านข้าง “ก่อนหน้านี้ข้าถูกตรวจจับโดยท่าน มันเป็นฝันร้ายของข้าจริงๆ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” เฉินกงเจิ้งหัวเราะเสียงดัง “เวลานั้นพวกเรายังเด็ก ผู้ใดจะคิดว่าเจ้าจะพยายามขโมยมรดกอย่างลับๆและทําให้เราจบลงโดยไร้กําไรหลังจากการทํางานหนักของเราทั้งคู่”

“เป็นไปตามความคาดหมาย ฟางหยวนขัดขวางการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมจริงๆ”

“หลายปีก่อนเขาต่อสู้กับวังสวรรค์ ความลับของทั้งสองฝ่ายถูกเปิดเผยในสวรรค์สีเหลือง”

“วังสวรรค์กําลังฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม ฟางหยวนไม่ต้องการเห็นพวกเขาประสบความสําเร็จ มิฉะนั้นพวกเขาจะมีความได้เปรียบมากเกินไป”

กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกพูดคุย บางคนแสดงออกอย่างเย็นชาและไม่แยแส อย่างไรก็ตามพวกเขาล้วนเป็นผู้อมตะระดับแปดทั้งหมด

ซ่งฉีหยวน ชิงอวี๋อัน เฉินกงเจิ้ง จางหยิน ยายหรง ซือเมี่ยว และคนอื่นๆ นี่เป็นการรวมตัวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“สถานการณ์ดูไม่ดีนัก ฟางหยวนพบปัญหาเช่นกัน เมื่อเขาต่อสู้กับวังสวรรค์ พวกเราจะมีปัญหาน้อยลง วังมังกรอยู่ไม่ไกล ข้อมูลไม่ผิด” เฉินกงเจิ้งนํากลุ่มผู้อมตะออกเดินทาง

เนื่องจากราชันมังกรคว้าคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดวังมังกรไปจากทะเลตะวันออก ผู้อมตะระดับแปดเหล่านี้จึงสูญเสียใบหน้า

ดังนั้นระหว่างการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม คนเหล่านี้จึงรวมตัวกันอย่างลับๆโดยมีเป้าหมายที่การฉกชิงวังมังกรและกอบกู้ชื่อเสียงของพวกเขา

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท