เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1698 เริ่มต้นการเข่นฆ่า

บทที่ 1698 เริ่มต้นการเข่นฆ่า

บทที่ 1698 เริ่มต้นการเข่นฆ่า

กําแพงภูมิภาค

“ไปเร็ว!”

“รวมตัวกัน อย่าแยกตัวออกจากกลุ่ม!”

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณของทะเลทรายตะวันตกตะโกนเสียงดัง

ข้างหลังคนกลุ่มนี้ พื้นดินกําลังแยกออกราวกับสัตว์อสูรอ้าปากและกลืนกินผู้คนเข้าไป

“อ้าก..”

“ช่วยข้าด้วย!”

ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง คนกลุ่มเล็กๆที่อยู่ด้านหลังตกลงไปในรอยแยก

“ท่านพ่อ ข้าทนไม่ไหวแล้ว!” จางปิงเป็นผู้ใช้วิญญาณหนุ่มระดับสอง ตอนนี้พลังวิญญาณของเขาเดือดแห้งไปแล้ว

“ไม่!” จางฉวนเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสาม เขาพยายามใช้ท่าไม้ตายสายเคลื่อนไหวเพื่อช่วยบุตรชายของตนอย่างเต็มที่

“ข้าควรทําอย่างไร?” จางฉวนเต็มไปด้วยความกังวล

เขาเสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้อย่างสุดซึ้ง หากเขารู้เรื่องนี้ เขาจะไม่พาบุตรชายมาเข้าร่วมการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่ภาคกลาง

เขาตัดสินใจเช่นนี้เพราะพรสวรรค์บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของบุตรชาย เขาต้องการให้บุตรชายเก็บเกี่ยวประสบการณ์ แต่ผู้ใดจะคิดว่าเส้นโลหิตปฐพีจะเคลื่อนไหวขณะที่พวกเขากําลังเดินทางข้ามกําแพงภูมิภาค

เมื่อจางฉวนและจางปิงตกอยู่ในความสิ้นหวัง ภาพตรงหน้าของพวกเขากลับชัดเจนขึ้น

จางฉวนงุนงงก่อนจะตระหนักว่าพวกเขาออกมาจากกําแพงภูมิภาคและบรรลุถึงภาคกลางแล้ว

แผ่นดินไหวทําให้เกิดร่องลึกใต้พิภพ ทรัพยากรมากมายปรากฏขึ้น ขณะเดียวกันกํา แพงภูมิภาคก็หดตัวลง

ตอนนี้การเดินทางข้ามกําแพงภูมิภาคง่ายกว่าเดิมครึ่งหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้า

“แต่แล้วอย่างไร?” จางฉวนถอนหายใจ

พลังวิญญาณของจางปิงหมดลงแล้ว จางฉวนต้องอุ้มบุตรชายของตน ด้วยเหตุนี้ความเร็วในการเดินทางของพวกเขาจึงลดลงอย่างมาก พวกเขาเกือบถูกรอยแยกที่ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องกลืนกินเข้าไป

ในช่วงเวลาสําคัญแสงลึกลับพุ่งเข้ามาหาพวกเขาและนําผู้ใช้วิญญาณทั้งหมดบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

รอยแยกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในตําแหน่งที่พวกเขาเคยอยู่

แสงลึกลับนํากลุ่มผู้ใช้วิญญาณไปยังขอบเหวลึก

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“ผู้ใดช่วยพวกเรา?”

“วิธีการที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ ข้าเกรงว่ามันจะเป็นผู้อมตะที่ช่วยพวกเรา”

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณรู้สึกตื่นเต้นที่รอดชีวิต พวกเขาเริ่มพูดคุย

บนท้องฟ้าที่พวกเขามองไม่เห็น ผู้อมตะของนิกายผีเสื้อจิตวิญญาณเผยรอยยิ้มก่อนจะบินลาดตระเวนต่อไป

การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของภาคกลางเริ่มขึ้นแล้ว ผู้ใช้วิญญาณจํานวนมากจากสี่ภูมิภาคเดินทางมาที่นี่ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา

ผู้อมตะของสิบนิกายโบราณรับภารกิจออกลาดตระเวนและปกป้องผู้คนเหล่านี้

ครั้งนี้วังสวรรค์จัดการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมขึ้นมาโดยให้ความสําคัญกับการรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษ

กลุ่มของจางฉวนและจางปิงถูกช่วยชีวิตไว้โดยผู้อมตะของภาคกลาง

หลังจากมาถึงภาคกลาง พวกเขาก็เดินทางไปยังจุดลงทะเบียนที่อยู่ใกล้ที่สุด

สองสามวันต่อมจางฉวนและจางวิ่งมาถึงนิกายเข็มแมงป่องพร้อมเป้าหมายเดียวกัน

นี่เป็นนิกายเล็กๆที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงแมงปอง

จางฉวนและจางปิงเดินทางไปยังห้องลงทะเบียนซึ่งเต็มไปด้วยผู้คน

ส่วนใหญ่เป็นคนภาคกลาง ส่วนที่เหลือมาจากทะเลทรายตะวันตก

นิกายเข็มแมงปองตั้งอยู่ใกล้กับทะเลทรายตะวันตก ดังนั้นผู้ใช้วิญญาณของทะเลทรายตะวันตกจํานวนมากจึงมาลงทะเบียนที่นี่

การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของภาคกลางดึงดูดผู้คนมากมายเสมอ ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

ตามขั้นตอน จางฉวนและจางปิงถูกนําตัวไปยังห้องโถงเพื่อประเมินความสามารถ

การทดสอบไม่ง่ายและไม่ยาก มันเป็นการทดสอบทักษะพื้นฐานที่ผู้ใช้วิญญาณส่วนใหญ่สามารถผ่านได้

จางฉวนและจางปิงผ่านการทดสอบโดยไม่มีอุบัติเหตุ พวกเขาลงทะเบียนสําเร็จ

พวกเขาได้รับป้ายประจําตัวที่ระบุชื่อ นิกาย เวลา และสถานที่ของการทดสอบรอบต่อไป

ชื่อและนิกายของพวกเขาจะถูกเก็บเป็นความลับ ด้วยเหตุนี้ผู้บ่มเพาะสันโดษและผู้ใช้วิญญาณปีศาจจึงสามารถเข้าร่วม

“หินวิญญาณหนึ่งร้อยก้อนต่อคน มันแพงเกินไป” จางปิงเก็บป้ายประจําตัวของเขาและกล่าวด้วยความไม่เต็มใจ

“ดังนั้นเจ้าก็ต้องทําให้เต็มที่ อย่าให้การลงทุนของเราเสียเปล่า” จางฉวนมองจางปิงด้วยความคาดหวัง

“ทราบแล้ว” จางปิงพยักหน้า “โอ้ ท่านพ่อ ข้าเห็นผู้ใช้วิญญาณของภาคกลางจํานวนมากลงทะเบียนโดยไม่ต้องผ่านการทดสอบ”

จางฉวนยิ้ม “คนเหล่านี้ได้รับตําแหน่งบางอย่างในการแข่งขันใหญ่ครั้งก่อน พวกเขาจะได้รับสิทธิ์ในการผ่านรอบคัดเลือกทันที”

“ท่านพ่อ ท่านได้รับตําแหน่งบางอย่างในการแข่งขันครั้งก่อน เหตุใดท่านยังต้องจ่ายค่าลงทะเบียน?” จางปิงถาม

จางฉวนส่ายศีรษะ “นั่นเป็นเพราะข้าไม่ใช่คนภาคกลาง มีเพียงผู้ใช้วิญญาณของภาคกลางที่จะได้รับสิทธิพิเศษนี้”

“เป็นเช่นนั้น” จางปิงพยักหน้า

นี่เป็นเรื่องการเมืองอย่างชัดเจน มันไม่ยุติธรรม แต่จางปิงก็สามารถยอมรับได้

ที่นี่เป็นอาณาเขตของภาคกลาง การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมก็ถูกจัดขึ้นที่ภาคกลาง มันไม่แปลกหากพวกเขาจะช่วยคนของตนเอง

“การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมกําลังจะเริ่มขึ้น” ในวังสวรรค์ ราชันมังกรกําลังให้ความสนใจกับสถานการณ์ของภาคกลาง

ตอนนี้ใบหน้าของเขายังซีดขาว อาการบาดเจ็บของเขายังไม่หายดี

“การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมครั้งนี้มีความสําคัญมาก บัวแดง เจ้ารู้หรือไม่ หลังการแข่งขันใหญ่ครั้งนี้ วิญญาณชะตากรรมจะฟื้นฟูขึ้นอย่างสมบูรณ์”

ภาพในอดีตผุดขึ้นในใจของราชันมังกร

“วิญญาณกาลเวลา? เจ้าคิดค้นวิญญาณอมตะนอกรีตเช่นนี้เพื่อสิ่งใด? หงถิง เจ้าพยายามทําสิ่งใด?” หลังจากรู้เรื่องนี้ ราชันมังกรเร่งไปพบเทพอมตะบัวแดง

เทพอมตะบัวแดงกล่าว “ท่านอาจารย์ ข้าเคยพูดไปแล้ว ข้าต้องการชุบชีวิตพวกเขา ให้ทุกสิ่งเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”

“เจ้า!” ราชันมังกรโกรธมาก

เทพอมตะบัวแดงก้มศีรษะลง “ท่านอาจารย์ ดุข้า ทุบตีข้าเท่าที่ท่านต้องการ แต่ข้าจะไม่ยอมแพ้!”

ราชันมังกรมองเทพอมตะบัวแดงด้วยความโกรธ แต่เขาไม่ดุ เขาถอยหายใจ “หงถิง ศิษย์ของข้า เจ้าไร้เดียงสาเกินไป แม้เจ้าจะเป็นผู้อมตะระดับเก้า แต่เจ้าจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมได้อย่างไร? ทํามัน ข้าจะไม่หยุดเจ้าอีกต่อไป ข้าหวังว่าความล้มเหลวจะช่วยปลุกเจ้าให้ตื่นขึ้น”

หลายวันต่อมา

“ท่านอาจารย์” เทพอมตะบัวแดงได้รับบาดเจ็บแต่เขาตื่นเต้นมาก “ในที่สุดข้าก็พบความหวัง ข้ากําลังจะประสบความสําเร็จ ข้าจะเปลี่ยนชะตากรรม!”

“เป็นไปไม่ได้!” ราชันมังกรไม่เชื่อ

“ข้าจะพึ่งพาสิ่งนี้ มันคือวิญญาณแห่งความรัก ข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากตํานานมนุษย์คนแรก มันบอกว่าความรักเป็นโชคชะตาประเภทหนึ่ง ในกรณีนี้ความรักจะสามารถเปลี่ยนชะตากรรมได้อย่างแน่นอน” เทพอมตะบัวแดงกล่าวด้วยความตื่นเต้น

ราชันมังกรโกรธและตกใจมาก “คนนอกรีต หงถิง อย่าลืมตัวตนของเจ้า! เจ้าเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะ เจ้าต้องการเปลี่ยนประวัติศาสตร์งั้นหรือ การกระทําของเจ้าจะส่งผลร้ายเกินจินตนาการ!”

“ท่านอาจารย์!” เทพอมตะบัวแดงมองราชันมังกรด้วยดวงตาส่องประกาย “ท่านยังไม่เข้าใจอีกงั้นหรือ?”

“เข้าใจสิ่งใด?”

“ยุคสมัยเปลี่ยนไป ใจคนก็เปลี่ยนเช่นกัน คนรุ่นใหม่ไม่ต้องการอยู่ในกรงขัง…”

ก่อนที่เทพอมตะบัวแดงจะกล่าวจบ ราชันมังกรก็ตะโกนขัดจังหวะ “พอแล้ว! เจ้าบอกว่าวิญญาณชะตากรรมเป็นกรงขังงั้นหรือ? หงถิง ด้วยความคิดนี้ เจ้าจะกลายเป็นปีศาจ! ข้าข้าไม่ต้องการกําจัดเจ้าในนามของความยุติธรรม!”

ราชันมังกรสูดหายใจลึกและกลับสู่ปัจจุบัน

ความทรงจําถูกเก็บไว้แต่ความรู้สึกผิดยังหลงเหลืออยู่ในใจของเขา

“โอ้ บัวแดง เจ้าไม่เข้าใจ” ราชันมังกรพึมพํา “ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร วิญญาณชะตากรรมก็จะปกป้องมนุษยชาติเสมอ เจ้ากําลังเพิกเฉยต่อภาพรวมของมนุษยชาติเพียงเพื่อเป้าหมายที่เห็นแก่ตัวของเจ้า ข้าล้มเหลวในการสั่งสอนเจ้า!”

“เจ้าเป็นศิษย์ของข้า ในฐานะอาจารย์ ข้าต้องชดใช้ความผิดพลาดของเจ้า”

“ข้าเหลือเวลาไม่มากแล้ว แต่ข้าจะอยู่จนกว่าวิญญาณชะตากรรมจะฟื้นฟูขึ้นอย่างสมบูรณ์!”

“ข้าไม่อนุญาตให้ผู้ใดมาทําลายการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมครั้งนี้”

“บึ้ม!”

ในเวลาเดียวกันการระเบิดครั้งใหญ่ก็ปะทุขึ้นที่นิกายเข็มแมงป่อง ผู้ใช้วิญญาณจํานวนนับไม่ถ้วนได้รับบาดเจ็บและล้มตาย

เมื่อฝุ่นควันจางหายไป อสูรปีมะเส็งบรรพกาลก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางซากปรักหักพัง

อสูรปีมะเส็งบรรพกาลเข่นฆ่าผู้ใช้วิญญาณมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชา

จากนั้นเขาก็ใช้ท่าไม้ตายอมตะท่องแดนอมตะเดินทางไปยังสถานที่ต่อไปอย่างรวดเร็ว

วังสวรรค์จัดการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมขึ้นมาเพราะพวกเขาต้องการร่องรอยของพลังงานแห่งเต่ความสําเร็จเพื่อซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรม

แต่ฟางหยวนจะปล่อยให้พวกเขาประสบความสําเร็จได้อย่างไร?

ดังนั้นการเข่นฆ่าอย่างไร้ปรานีจึงเริ่มต้นขึ้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท