เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1702 ความเกลียดชังของผู้คน

บทที่ 1702 ความเกลียดชังของผู้คน

บทที่ 1702 ความเกลียดชังของผู้คน

“ทรัพยากรของหุบเขาเรือนจําถูกขโมยมากกว่าครึ่งโดยผู้อมตะลึกลับ”

“ค่ายกลวิญญาณอมตะของแม่น้ําแดงถูกทําลาย หินเพลิงโชติช่วงถูกปล้นโดยผู้อมตะ

สามคน

“บางคนขโมยทรายดึกดําบรรพ์จากน้ําตกสวรรค์ แต่เขาถูกบังคับให้ทิ้งสมบัติไว้ข้างหลังโดยผู้อมตะของนิกายเหนือสวรรค์”

ข่าวสารเหล่านี้ทําให้เทพธิดาจื่อเว่ยต้องขมวดคิ้วลึก

นางโกรธมาก

ภาคกลางมีทรัพยากรมากมาย วังสวรรค์และสิบนิกายโบราณทุ่มเทความพยายามอย่างมาก เพื่อสร้างความรุ่งเรืองในปัจจุบัน

แต่ตอนนี้โจรบางกลุ่มกําลังขโมยความมั่งคั่งของพวกเขา

ราชันมังกรนั่งฟังรายงานจากเทพธิดาจื่อเว่ยด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หากเราสูญเสียทรัพยากรเหล่านี้แล้วอย่างไร? พวกมันเป็นเพียงปัญหาเล็กๆ” ราชันมังกรบิดเปลือกตาพักผ่อน

เทพธิดาจื่อเว่ยสูดหายใจลึกและพยายามสงบจิตใจลง แต่วินาทีต่อมาดวงตาของนางกลับเบิกกว้างขึ้น นางกล่าวด้วยความโกรธ “ฟางหยวนหนีไปแล้ว สามผู้อมตะระดับแปดของภาคกลางได้รับบาดเจ็บ ผู้อาวุโสโจวซ่งซิน…เขาตายแล้ว!”

“โอ้” ดวงตาของราชันมังกรส่องประกายขึ้น เขานั่งตัวตรงและกล่าว “โจวซ่งซินได้รับการคัดเลือกมาเป็นพิเศษเพื่อต่อสู้กับฟางหยวน เขาแข็งแกร่งมากแต่เขากลับถูกสังหารขณะที่คนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บ ต้องมีเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องนี้ รายงานการต่อสู้อยู่ที่ใด?”

“อยู่นี่” เทพธิดาจื่อเว่ยส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับราชันมังกร

มันเป็นรายงานการต่อสู้ที่ละเอียดมาก หลังจากเห็นรายงาน ห้องโถงก็เงียบลง

ไม่นานหลังจากนั้นเทพธิดาจื่อเว่ยเบิดปากกล่าว “เดิมที่ข้าคิดว่าฟางหยวนจะสังหารผู้อาวุโสโจวซ่งซินด้วยตราประทับเหล่าโปแต่ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะใช้กรรไกรฤดูใบไม้ผลิ”

“ตามข้อมูลนี้ กรรไกรฤดูใบไม้ผลิได้รับการพัฒนาอีกครั้ง สิ่งสําคัญที่สุดคือฟางหยวนอยู่ในร่างของอสูรปีวอกแรกกําเนิด พลังการต่อสู้ของเขาพุ่งไปถึงจุดสูงสุดของระดับแปด!”

เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจ

นางรู้ว่าฟางหยวนเป็นภัยคุกคามมานานแล้ว หากเขาได้รับอนุญาตให้เติบโตอย่างอิสระ เขาจะกลายเป็นปัญหาใหญ่

สิ่งนี้อยู่ในการคาดหมายของเทพธิดาจื่อเว่ยแต่นางไม่คิดว่ามันจะมาถึงอย่างรวดเร็ว

“ฟางหยวนเป็นผู้อมตะมานานเท่าใด? เพียงพริบตาเขาก็กลายเป็นผู้อมตะระดับแปด ด้วยการกระพริบตาอีกครั้ง เขาไปถึงจุดสูงสุดของระดับแปด กระทั่งพลังการต่อสู้ของข้าก็อยู่ในระดับแปดเท่านั้น”

เทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกหดหูเล็กน้อย

ราชันมังกรมองเทพธิดาจื่อเว่ยและกล่าวเสียงต่ํา “จื่อเว่ย อย่าดูแคลนตนเอง ฟางหยวนเติบโตอย่างรวดเร็วไม่ใช่เพียงเพราะความสามารถของเขาแต่เขาได้รับความช่วยเหลือจากภายนอก เขาเป็นผู้สืบทอดของเทพปีศาจบัวแดง เขามีวิญญาณกาลเวลา นอกจากนี้เขายังได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณและรับสืบทอดนิกายเงา เขามีผนึกภูตผีของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ และอย่าลืมว่าการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงทําให้เขาได้รับผลประโยชน์จากเทพอมตะตะวันเดือด”

“เราให้ความสําคัญกับเขามากแล้ว ความคิดของเจ้าไม่ผิด เหตุผลที่เราล้มเหลวไม่ใช่เพียงเพราะฟางหยวน แต่มันยังเป็นเพราะกองกําลังที่สนับสนุนเขา เราไม่ได้จัดการฟางหยวนเพียงผู้เดียว เรากําลังต่อสู้กับกองกําลังที่อยู่รอบตัวเขา”

“นั่นคือเทพอมตะและเทพปีศาจ พวกเขาเป็นเหตุผลที่ทำให้ฟางหยวนสามารถเติมโตได้ถึงระดับนี้”

เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวด้วยความละอายใจ “ข้าสูญเสียความเยือกเย็น ขอบคุณสําหรับการตักเตือน”

ราชันมังกรเผยรอยยิ้มบาง “ข้าไม่ได้ปลอบเจ้า มันเป็นข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามแม้ฟางหยวนจะมีพลังการต่อสู้บนจุดสูงสุดของระดับแปด แต่ตราบเท่าที่เขาไม่ใช่ผู้อมตะระดับเก้า เขาก็ไม่สามารถล้มวังสวรรค์ของเรา รายงานกล่าวอย่างชัดเจนว่าเขาใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อทําลายกรงข่าวลือของโจวซ่งซิน”

“ฟางหยวนเป็นคนเจ้าเล่ห์และชั่วร้าย เขาจงใจถ่วงเวลาและทําให้กรงข่าวลือแข็งแกร่งขึ้นด้วยเจตจํานงของคนภาคกลาง ด้วยการทําลายมัน โจวซ่งซินจะได้รับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรง”

“สามผู้อมตะระดับแปดถูกกีดขวางโดยค่ายกลวิญญาณอมตะเช่นกัน ด้วยการเปลี่ยนเป็นอสูรปีวอกแรกกําเนิด เขาได้รับพลังการต่อสู้บนจุดสูงสุดของระดับแปดและสามารถสังหารโจวซ่งซิน”

“ฟางหยวนมักแสร้งอ่อนแอเสมอ เขาใช้กรงข่าวลือทําร้ายผู้อมตะของเรา แม้โจวซ่งซินจะระวังตัวมากแล้ว แต่เขายังตกลงสู่หลุมพรางของฟางหยวน”

“หากทั้งสองต่อสู้กันอย่างยุติธรรม แม้ฟางหยวนจะแข็งแกร่ง เขาก็ไม่สามารถสังหารโจวซ่งซิน การต่อสู้หลังจากนั้นพิสูจน์จุดนี้ สามผู้อมตะระดับแปดของเราต่อสู้กับเขาและสามารถล่าถอย ฟางหยวนไม่สามารถสังหารพวกเขา”

เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง การวิเคราะห์ของราชันมังกรเหมือนการวิเคราะห์ของนาง “ฟางหยวนเติบโตเต็มที่แล้ว เขามีทั้งพลังและแผนชั่ว ตอนนี้พลังการต่อสู้ของเขาเพิ่มสูงขึ้น การเตรียมการก่อนหน้านี้ของเราไม่สามารถใช้งาน เราควรส่งหลี่ฮวงไปจัดการเขาหรือไม่?”

ราชันมังกรสายศีรษะ “หลี่ฮวงต้องปกป้องการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม การฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมสําคัญที่สุด เราไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจ กระทั่งเราจะส่งหลี่ฮวงออกไป ฟางหยวนก็ยังสามารถใช้วิญญาณท่องแดนอมตะหลบหนี หลังจากทั้งหมดฟางหยวนไม่ใช่คนเดียวที่ต้องการขัดขวางการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมของเรา”

“ทราบแล้ว” เทพธิดาจื่อเว่ยกู้คืนความเยือกเย็น

แม้ราชันมังกรจะไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เขาดูแลวังสวรรค์มานาน ความคิดของเขาไม่ธรรมดา เขาเหมือนเสาหลักที่คอยรักษาเสถียรภาพของวังสวรรค์

กระทั่งพลังการต่อสู้ของฟางหยวนจะพุ่งทะยานขึ้นถึงระดับเดียวกับราชันมังกร แต่ราชันมังกรก็เชื่อว่าวังสวรรค์จะสามารถฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม แม้ฟางหยวนจะสร้างปัญหามากมาย ตราบเท่าที่เขาไม่ใช่ผู้อมตะระดับเก้า เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์

สิ่งที่ราชันมังกรกังวลมากที่สุดคือการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

เขามองไปที่อีกคนในห้องโถงและถาม “ท่านเจิ้งหยวน ท่าไม้ตายอมตะความเกลียดชังของผู้คนเป็นอย่างไรบ้าง?”

คนที่ถูกถามเป็นชายชรา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ร่างกายของเขาผอมแห้งราวกับกิ่งไม้ เขาดูเหมือนชายชราที่กําลังจะก้าวลงสู่หลุมศพ

เขาอาวุโสกว่าราชันมังกร แม้เขาจะเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขายังสามารถเป็นส มาชิกของวงสวรรค์ นี่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขา

เขาคือเฒ่าเจิ้งหยวน

เขาตื่นขึ้นจากสุสานอมตะเพราะการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม

โดยปกติวังสวรรค์จะรับผู้อมตะระดับแปดเท่านั้น พวกเขาต่างเป็นชนชั้นสูงในชนชั้นสูง แต่เฒ่าเจิ้งหยวนที่เป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดกลับได้รับการยอมรับจากวังสวรรค์

เหตุผลที่สําคัญที่สุดคือเฒ่าเจิ้งหยวนบ่มเพาะบนเส้นทางมนุษย์

แนวคิดเกี่ยวกับเส้นทางมนุษย์มีมานานแล้ว

ตํานานมนุษย์คนแรกเป็นมรดกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เก่าแก่ที่สุด และลึกลับที่สุดในประวัติศาสตร์ของเองมนุษยชาติ

อัจฉริยะหลายคนได้รับประโยชน์จากมันและทําให้ผู้คนตื่นตกใจ

วังสวรรค์เป็นผู้นําของมวลมนุษย์ พวกเขารวบรวมวิธีบนเส้นทางมนุษย์ทั้งหมด มัน เป็นหนึ่งในความมั่นใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของราชันมังกร

เฒ่าเจิ้งหยวนกล่าวด้วยเสียงอ่อนแรง “ย้อนกลับไปเทพอมตะแรกกําเนิดพบกับความยากลําบากในการเผชิญหน้ากับปีศาจอมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์สิบแปดตน เขาอ่านตํานานมนุษย์คนแรกและสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางมนุษย์มากมายเช่นสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน รวมใจเป็นหนึ่ง และความเกลียดชังของผู้คน”

“ข้าเป็นเพียงกุญแจที่เปิดใช้งานวิธีการที่ถูกทิ้งไว้โดยเทพอมตะแรกกําเนิดเท่านั้น ท่านราชันมังกรไม่จําเป็นต้องยกย่องข้ามากเกินไป โปรดเรียกชื่อข้าโดยตรง”

เฒ่าเจิ้นหยวนถ่อมตนมาก “ตอนนี้ท่าไม้ตายอมตะสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนถูกกระตุ้นใช้งาน แล้วท่าไม้ตายอมตะความเกลียดชังของผู้คนส่งผลกระทบต่อภาคกลางทั้งหมด ตราบเท่าที่เราสามารถรวบรวมเจตจํานงของมนุษย์ได้ในระดับหนึ่ง เราจะสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะรวมใจเป็นหนึ่ง”

“ดี” ราชันมังกรยิ้ม “นี่เป็นสิ่งที่ดี ด้วยท่าไม้ตายอมตะความเกลียดชังของผู้คน ความโกรธของคนภาคกลางจะช่วยปกป้องการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม”

ภาคกาง นิกายกายาลี้ลับ

นิกายนี้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายเมฆาวายุ อู๋ฟา มันเป็นสถานที่จัดการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

หลังจากรอบคัดเลือก ผู้คนที่มาถึงรอบนี้ล้วนมีความสามารถบางอย่างบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

มีผู้ใช้วิญญาณหลายพันคนรวมตัวกันอยู่ในลานกว้าง พวกเขากําลังหลอมรวมวิญญาณ

การหลอมรวมวิญญาณเป็นเรื่องอันตราย พวกเขาอาจได้รับบาดเจ็บหากเกิดข้อผิดพลาด

ผู้ใช้วิญญาณผู้หนึ่งประสบอุบัติเหตุระหว่างการหลอมรวมวิญญาณและหมดสติ ณ จุดเกิดเหตุ

ค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ย้ายผู้ใช้วิญญาณออกไปเพื่อรับการรักษาทันที

ในไม่ช้าเขาก็ตื่นขึ้น

“แม้เจ้าจะตื่นแล้ว แต่แขนขาและจิตใจของเจ้ายังอ่อนล้า เจ้าไม่สามารถแข่งขันต่อไป” ผู้ใช้วิญญาณสายรักษาแสดงความเสียใจ

คนผู้นี้หัวเราะ “ล้มเหลวแล้วอย่างไร? แม้ข้าจะล้มเหลวแต่ข้ายังได้รับประโยชน์ มันจะเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายธรรมะ ฝ่ายปีศาจพยายามทําลายการแข่งขันครั้งนี้ พวกเขาเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์จํานวนมาก การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมจะดําเนินต่อไป นี่คือวิธีแก้แค้นของเรา!”

แม้เสียงของเขาจะอ่อนแรงแต่ทัศนคติของเขายังแน่วแน่

“เด็กดี” ผู้ใช้วิญญาณสายรักษายกนิ้วโป้งชื่นชม “ข้าก็คิดเช่นนั้น เราจะต่อต้านและได้รับชัยชนะ!”

เป็นเพียงเวลานี้ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกลางลานกว้าง

ผู้ใช้วิญญาณวัยเยาว์สองคนยืนขึ้นพร้อมกับวิญญาณที่อยู่ในมือ

หนึ่งในนั้นคือหงอี้ เขาตะโกน “ข้าทําสําเร็จแล้ว!”

“ดี พวกเจ้าทั้งสองทําสําเร็จ พวกเจ้าจะได้รับอันดับหนึ่งร่วมกัน ตามกฎ พวกเจ้าจะได้รับรางวัลเล็กๆน้อยๆจากนิกายของเรา” เสียงของผู้อมตะอู๋ฟาดังขึ้น

ผู้ใช้วิญญาณวัยเยาว์สองคนมองหน้ากันจากระยะไกล

“บอกชื่อของพวกเจ้า” อู๋ฟาถาม

“ ข้าคือหงอี้!”

“ข้าคือเย่ฟาน!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท