เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1705 รวมใจเป็นหนึ่ง

บทที่ 1705 รวมใจเป็นหนึ่ง

บทที่ 1705 รวมใจเป็นหนึ่ง

ภาคกลาง ป่าหินปราณปฐพี

มันเต็มไปด้วยเสาหิน บางต้นใหญ่ บางต้นเล็ก

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีของทะเลทรายตะวันตกชื่อกันตั้งมองป่าหินปราณปฐพีด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน

ป่าหินปราณปฐพีเต็มไปด้วยทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปฐพี หินเหล็กกลมเป็นสิ่งที่ อกันตังต้องการ

มันหาได้ยากกระทั่งในสวรรค์สีเหลือง เนื่องจากนิกายโบราณของภาคกลางต้องการเก็บมันไว้ใช้เอง

“ในสวรรค์สีเหลือง แม้ข้าจะให้ราคาเพิ่ม แต่ผู้อมตะเหล่านั้นกลับปฏิเสธที่จะขาย ฮ่าฮ่า ตอนนี้ข้าจะทําลายสถานที่แห่งนี้และนําหินเหล็กกลมไปทั้งหมดเพื่อเป็นการแก้แค้น!”

ชื่อกันตั้งสูดหายใจก่อนจะทะยานร่างออกไป

ท่าไม้ตายอมตะสามผาสวรรค์!

“บึม บึม บึม”

ภูเขาสามลูกตกลงมาจากท้องฟ้าและบดขยี้ป่าหินปราณปฐพีโดยตรง

ชื่อกันยังไม่รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย เขาวิ่งไปรอบๆและปล้นสะดมหินเหล็กกลมทั้งหมด

ในเวลาเดียวกันที่บ่อน้ําแร่จิตวิญญาณ

“หนูสกปรกตัวใดกล้ามาที่นี่ เมื่อมาแล้วเหตุใดไม่แสดงตัว?” ผู้ปกป้องสถานที่แห่งนี้เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดของนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล หยางเฟิง

เขามีไหล่กว้าง เอวบาง กระดูกสันหลังตรงราวกับหอก ร่างกายของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายที่ดุดันของบุรุษออกมา เส้นผมสีเขียวของเขาตั้งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า ดวงตาของเขาดําสนิท เขาสวมเครื่องแบบทหาร ข้อมือข้อเท้าของเขาติดแท่งเหล็กเอาไว้

บ่อน้ําแร่จิตวิญญาณไม่ใช่แหล่งทรัพยากรทั่วไป มันค่อนข้างพิเศษ นิกายจิตวิญญาณบรรพกาลส่งหยางเฟิงมาที่นี้เพราะพวกเขาไม่ต้องการสูญเสียมัน

ผู้อมตะชายชราหลังค่อมเดินถือไม้เท้าออกมาอย่างช้าๆ

หยางเฟิงสูดหายใจลึก “เจ้าแก่ เจ้าควรใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบสุข เหตุใดต้องรนหาที่ตาย?”

ผู้อมตะเฒ่าหัวเราะ “มันช่วยไม่ได้ ข้าต้องการน้ําแร่จิตวิญญาณ”

หยางเฟิงกันเสียงเย็น “น้ําแร่จิตวิญญาณมีไม่พอสําหรับผู้อาวุโสของนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล แล้วเราจะมอบให้เจ้าได้อย่างไร?”

ผู้อมตะเฒ่าถอนหายใจ “ในกรณีนี้ข้าก็จะคว้ามันมาด้วยตนเอง”

หยางเฟิงหัวเราะเสียงดัง “เจ้าแก่ เจ้าช่างกล้าหาญนัก หากมีความกล้าก็ต่อสู้กับข้า! บอกมา เจ้าคือผู้ใด?”

ผู้อมตะเฆ่าเผยรอยยิ้มอย่างมีความหมาย “ข้าลืมชื่อของตนเองไปแล้ว แต่คนอื่นมักเรียกข้าว่านักพรตที่ถูกลืม”

“นักพรตที่ถูกลืม?” ร่างกายของหยางเฟิงสั่นสะท้านขึ้น ดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความตกใจ

หยางเฟิงมึนงงก่อนจะถามผู้อมตะเฆ่าอีกครั้ง “เดี๋ยว! ชื่อของเจ้าคือ?”

ชายชราไม่ตอบ เขาเพียงเผยรอยยิ้มบางให้หยางเฟิงเท่านั้น

หยางเฟิงขมวดคิ้วลึก “เจ้าคือผู้ใด? เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่?”

ครู่ต่อมานักพรตที่ถูกลืมก็นําน้ําแร่จิตวิญญาณไปทั้งหมด หยางเฟิงเฝ้ามองเขาจากไปก่อนจะสามารถตอบสนอง “เจ้าคือผู้ใด? เจ้าทําตัวน่าสงสัย หยุดอยู่ตรงนั้น!”

หลังจากนักพรตที่ถูกลืมหายตัวไป หยางเฟิงมองบ่อน้ําแร่จิตวิญญาณที่แห้งเหือดและกล่าวด้วยความโกรธและตกใจ “บัดซบ! ผู้ใดขโมยน้ําแร่จิตวิญญาณ!?”

“ไม่ ข้าต้องรายงานนิกาย” แต่ในเวลาต่อมาหยางเพิ่งกลับมันงงอีกครั้ง “ข้ามาทําสิ่งใดที่นี่?”

“โอ้ ถูกต้อง ข้ามาทําภารกิจปกป้องบ่อน้ําแร่จิตวิญญาณ ข้าไม่สามารถให้คนนอกเข้ามา!”

“อืม มีข้าอยู่ที่นี่ ผู้ใดกล้ามาให้ข้าสังหาร!”

….

เทือกเขาแห่งหนึ่งในภาคกลาง

การต่อสู้สิ้นสุดลง ผู้อมตะภาคกลางจากสิบนิกายโบราณที่เหลือรอดตะโกนด้วยความเกลียดชัง “จําสิ่งนี้เอาไว้!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า คนขี้แพ้” เซียวหูจื่อหัวเราะและหันหน้าไปทางอีกคนที่อยู่ด้านข้าง

ด้านเขาเขาเป็นผู้อมตะภาคเหนือที่มีร่างกายผอมบาง

เขาคือปีศาจจอมตะระดับเจ็ด ไป่ซุ้ยฮัน

เซียวหูจื่อและไป่ซุ้ยฮันต่างต้องการทรัพยากรนี้ พวกเขาร่วมมือกันและบังคับให้ผู้อมตะของภาคกลางล่าถอย

ตอนนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคน บรรยากาศจึงกลายเป็นแปลกประหลาด

“สหาย เราจะแบ่งปันทรัพยากรอย่างไร?” เซียวหูจื่อแสร้งสุภาพ

ไป่ซุ้ยฮันกันเสียงเย็น เขากล่าวอย่างไม่ลังเล “เจ้าสามารถแย่งชิงมัน”

เซียวหูจื่อตกตะลึงก่อนจะหัวเราะ “ข้าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดของตระกูลเซียวจากทะเลทราย ตะวันตก แล้วเจ้าเป็นผู้ใด? เจ้าช่างเย่อหยิ่งนัก”

“หยุดไร้สาระ” ไป้ซุ้ยฮันโจมตีเซียวหูจื่อทันที

การแสดงออกของเซียวหูจื่อกลายเป็นมืดครึ้ม ทั้งสองต่อสู้กันหลายสิบกระบวนท่าก่อนที่เซียวหูจื่อจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ในจังหวะนี้เซียวซื่อหรงกลับปรากฏตัวขึ้นจากขอบฟ้า

เซียวหูจื่อมีความสุขมาก เขาร่วมมือกับเซียวซื่อหรงและต่อสู้กับไป่ซุ้ยฮัน

แต่หลังจากชั่วครู่เซียวหูจื่อกับเซียวซือหรงกลับถูกบังคับให้ล่าถอย พวกเขาจากไปด้วยความโกรธ

“เขาคือผู้ใด? ด้วยทรัพยากรเพียงเล็กน้อย เขากลับต่อสู้ราวกับชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับมัน?” เซียวหูจื่อกัดฟันแน่น

“หากข้าจําไม่ผิด เขาคือปีศาจอมตะของภาคเหนือไป่ซุ้ยฮัน” เซียวซื่อหรงกล่าว

เซียวหูจื่อมึนงง “เขาเป็นสัตว์ประหลาดภาคเหนือ! ไม่แปลกใจเลยลืมมันไปเถอะ ภาคกลางมีทรัพยากรมากมาย เราไม่จําเป็นต้องแข่งขันกับคนบ้าเหล่านี้”

….

เวลาผ่านไปเส้นโลหิตปฐพีเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง กําแพงภูมิภาคหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง

แต่ความปั่นป่วนที่เกิดจากเส้นโลหิตปฐพียังน้อยกว่าความโกลาหลที่เกิดจากการปล้นสะดมของกลุ่มผู้อมตะ

เดิมที่ภาคกลางเต็มไปด้วยภูเขาและแม่น้ําที่งดงาม แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยไฟและควัน

ผู้อมตะบางส่วนขโมยเพียงทรัพยากรเช่นนักพรตที่ถูกลืม แต่ผู้อมตะส่วนใหญ่มักทําลายแหล่งทรัพยากรเช่นชื่อกันตั้ง

….

หลายวันต่อมา

วังสวรรค์

“เอาล่ะ เราสะสมเจตจํานงของมนุษย์เพียงพอแล้ว” ในห้องโถง เฒ่าเจิ้งหยวนกล่าว

เทพธิดาจื่อเว่ยถอยหายใจด้วยความโล่งอก ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ความสูญเสียครั้งใหญ่ของภาคกลางทําให้นางรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

“ใช้มัน” ราชันมังกรออกคําสั่ง

เฒ่าเจิ้งหยวนยืนขึ้นด้วยร่างกายสั่นเทาก่อนจะปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมาจากร่าง

ท่าไม้ตายอมตะรวมใจเป็นหนึ่ง

เจตจํานงของมนุษย์ที่สะสมไว้ถูกใช้ไปจดหมด

ผู้อมตะ ผู้ใช้วิญญาณ และมนุษย์ธรรมดาทั้งหมดในภาคกลางถูกปกคลุมด้วยรัศมีแสง

รัศมีแสงอยู่เพียงไม่นานก่อนจะเลือนหายไป

แต่ในไม่ช้าคนภาคกลางกลับรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ

“มันคือสิ่งใด?”

“ช่างลึกลับนัก”

“ข้ารู้สึกเหมือนตนเองเชื่อมต่อกับผู้คนรอบๆ ข้าสามารถสัมผัสถึงความรู้สึกของพวกเขา!”

หลังจากตกตะลึง ผู้คนก็เริ่มตระหนักว่าความรู้สึกของทุกคนเชื่อมต่อถึงกันไม่ว่าจะเป็นความหวาดกลัว ความโศกเศร้า ความเกลียดชัง และแรงบันดาลใจ

“เจ้าเป็นผู้ใด? เหตุใดเจ้าถึงเกลียดชังพวกเรามากนัก?” ในสถานที่จัดการแข่งขัน ผู้อมตะภาคเหนือถูกค้นพบ

เขาเป็นเหมือนดวงไฟท่ามกลางความมืด

เขาอยู่ในชุดคลุมขาวและดูเหมือนบัณฑิต

เขาไม่ใช่ผู้ใดนอกจากปีศาจอมตะระดับเจ็ดบัณฑิตสันโดษของภาคเหนือ

“ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางมนุษย์ช่างน่าทึ่งนัก! แม้ข้าจะปกปิดตัวตนเป็นอย่างดี แต่ข้ายังถูกเปิดเผย!” บัณฑิตสันโดษตกใจแต่เขายังเผยรอยยิ้มชั่วร้ายให้กับผู้คนรอบข้าง

ผู้อมตะระดับเจ็ดหลายคนปิดล้อมบัณฑิตสันโดษเอาไว้

“เจ้าปลอมตัวเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ เจ้าต้องการล่าความสําเร็จนั้นหรือ? ไปซะ หากเจ้าจากไปตอนนี้ เราจะไม่สร้างปัญหาให้เจ้า!” ผู้นํากลุ่มผู้อมตะภาคกลางกล่าว

บัณฑิตสันโดษหัวเราะ “เมื่อข้ามาที่นี่ ข้าก็จะไม่กลับมือเปล่า”

ผู้นํากลุ่มผู้อมตะภาคกลางสับสน “เจ้าคือผู้ใด? เราเคยมีความแค้นต่อกันงั้นหรือ?”

“คือ เจ้าลืมไปแล้วงั้นหรือ? ย้อนกลับไปเจ้าทําลายตระกูลของข้า วันนี้ในฐานะทายาทคนสุดท้ายของตระกูล ข้าจะปลิดชีวิตเจ้า!” บัณฑิตสันโดษระเบิดพลังออกมาทันที

หนึ่งชั่วโมงต่อมาบัณฑิตสันโดษจากไปพร้อมกับร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บ

ไม่เหลือมนุษย์ที่มีชีวิตทิ้งไว้เบื้องหลัง

….

สถานที่จัดการแข่งขันอีกแห่ง

“สหาย โปรดแสดงตัวด้วย” ผู้อมตะภาคกลางกล่าวอย่างสุภาพ

“พบข้าแล้วงั้นหรือ?” ผู้อมตะภาคใต้เจิ้งชิงเดินออกมา

“ข้าไม่มีเจตนาร้าย ข้าเพียงต้องการสัมผัสประสบการณ์การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม หลังจากทั้งหมดนี่อาจเป็นครั้งสุดท้าย” เจิ้งชิงเผยรอยยิ้มขมขื่น

เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษของภาคใต้ เขาได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์โดยบังเอิญ เขาไม่มีความเกลียดชังต่อภาคกลาง

ผู้อมตะภาคกลางพยักหน้า “ด้วยท่าไม้ตายอมตะรวมใจเป็นหนึ่ง เราสามารถสัมผัสถึงความตั้งใจของเจ้า น่าเสียดายที่เจ้าไม่สามารถแข่งขันต่อไป”

“ข้าเข้าใจ”

“หากไม่รังเกียจ เจ้าสามารถอยู่ที่นี่และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเรา”

เจิ้งชิงสายศีรษะและจากไปอย่างเงียบๆ

บางคนสร้างหายนะ บางคนจากไปอย่างสงบ แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็สามารถแยกแยะว่าผู้ใดคือมิตรและผู้ใดคือศัตรู

ภัยคุกคามถูกกําจัด ภาคกลางเริ่มมีเสถียรภาพอีกครั้ง

การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมดําเนินต่อไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ

“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว เหตุใดยังไม่มีฝ่ายใดแสดงตัวออกมา? พวกเขารอสิ่งใดอยู่?” ฟางหยวนกัดฟันแน่น เขาอดทนรอขณะที่วังสวรรค์เข้าใกล้ความสําเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ

จนถึงเวลานี้ถ้ําสวรรค์นิรันดรยังไม่เคลื่อนไหว

“ถึงเวลาแล้ว ไปกันเถอะ” มุมหนึ่งของภาคกลาง วูหยงปรากฏตัวขึ้น

ด้านหลังเขามีกองกําลังพันธมิตรของภาคใต้

วูหยงมองไปรอบๆก่อนกล่าว “ทุกคน ข้าไม่จําเป็นต้องอธิบายสถานการณ์ เราไม่สามารถปล่อยให้วิญญาณชะตากรรมฟื้นฟูอย่างเต็มที่ มิฉะนั้นวังสวรรค์จะมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่”

“ตามข้าไปทําลายแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ ทําลายร่องรอยของพลังงานแห่งเต่ความสําเร็จและมอบความล้มเหลวให้กับวังสวรรค์!”

“เราจะติดตามท่านผู้นํา!” กองกําลังพันธมิตรภาคใต้กล่าวอย่างพร้อมเพรียง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท