บทที่ 1705 รวมใจเป็นหนึ่ง
ภาคกลาง ป่าหินปราณปฐพี
มันเต็มไปด้วยเสาหิน บางต้นใหญ่ บางต้นเล็ก
ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีของทะเลทรายตะวันตกชื่อกันตั้งมองป่าหินปราณปฐพีด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน
ป่าหินปราณปฐพีเต็มไปด้วยทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปฐพี หินเหล็กกลมเป็นสิ่งที่ อกันตังต้องการ
มันหาได้ยากกระทั่งในสวรรค์สีเหลือง เนื่องจากนิกายโบราณของภาคกลางต้องการเก็บมันไว้ใช้เอง
“ในสวรรค์สีเหลือง แม้ข้าจะให้ราคาเพิ่ม แต่ผู้อมตะเหล่านั้นกลับปฏิเสธที่จะขาย ฮ่าฮ่า ตอนนี้ข้าจะทําลายสถานที่แห่งนี้และนําหินเหล็กกลมไปทั้งหมดเพื่อเป็นการแก้แค้น!”
ชื่อกันตั้งสูดหายใจก่อนจะทะยานร่างออกไป
ท่าไม้ตายอมตะสามผาสวรรค์!
“บึม บึม บึม”
ภูเขาสามลูกตกลงมาจากท้องฟ้าและบดขยี้ป่าหินปราณปฐพีโดยตรง
ชื่อกันยังไม่รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย เขาวิ่งไปรอบๆและปล้นสะดมหินเหล็กกลมทั้งหมด
ในเวลาเดียวกันที่บ่อน้ําแร่จิตวิญญาณ
“หนูสกปรกตัวใดกล้ามาที่นี่ เมื่อมาแล้วเหตุใดไม่แสดงตัว?” ผู้ปกป้องสถานที่แห่งนี้เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดของนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล หยางเฟิง
เขามีไหล่กว้าง เอวบาง กระดูกสันหลังตรงราวกับหอก ร่างกายของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายที่ดุดันของบุรุษออกมา เส้นผมสีเขียวของเขาตั้งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า ดวงตาของเขาดําสนิท เขาสวมเครื่องแบบทหาร ข้อมือข้อเท้าของเขาติดแท่งเหล็กเอาไว้
บ่อน้ําแร่จิตวิญญาณไม่ใช่แหล่งทรัพยากรทั่วไป มันค่อนข้างพิเศษ นิกายจิตวิญญาณบรรพกาลส่งหยางเฟิงมาที่นี้เพราะพวกเขาไม่ต้องการสูญเสียมัน
ผู้อมตะชายชราหลังค่อมเดินถือไม้เท้าออกมาอย่างช้าๆ
หยางเฟิงสูดหายใจลึก “เจ้าแก่ เจ้าควรใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบสุข เหตุใดต้องรนหาที่ตาย?”
ผู้อมตะเฒ่าหัวเราะ “มันช่วยไม่ได้ ข้าต้องการน้ําแร่จิตวิญญาณ”
หยางเฟิงกันเสียงเย็น “น้ําแร่จิตวิญญาณมีไม่พอสําหรับผู้อาวุโสของนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล แล้วเราจะมอบให้เจ้าได้อย่างไร?”
ผู้อมตะเฒ่าถอนหายใจ “ในกรณีนี้ข้าก็จะคว้ามันมาด้วยตนเอง”
หยางเฟิงหัวเราะเสียงดัง “เจ้าแก่ เจ้าช่างกล้าหาญนัก หากมีความกล้าก็ต่อสู้กับข้า! บอกมา เจ้าคือผู้ใด?”
ผู้อมตะเฆ่าเผยรอยยิ้มอย่างมีความหมาย “ข้าลืมชื่อของตนเองไปแล้ว แต่คนอื่นมักเรียกข้าว่านักพรตที่ถูกลืม”
“นักพรตที่ถูกลืม?” ร่างกายของหยางเฟิงสั่นสะท้านขึ้น ดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความตกใจ
หยางเฟิงมึนงงก่อนจะถามผู้อมตะเฆ่าอีกครั้ง “เดี๋ยว! ชื่อของเจ้าคือ?”
ชายชราไม่ตอบ เขาเพียงเผยรอยยิ้มบางให้หยางเฟิงเท่านั้น
หยางเฟิงขมวดคิ้วลึก “เจ้าคือผู้ใด? เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่?”
ครู่ต่อมานักพรตที่ถูกลืมก็นําน้ําแร่จิตวิญญาณไปทั้งหมด หยางเฟิงเฝ้ามองเขาจากไปก่อนจะสามารถตอบสนอง “เจ้าคือผู้ใด? เจ้าทําตัวน่าสงสัย หยุดอยู่ตรงนั้น!”
หลังจากนักพรตที่ถูกลืมหายตัวไป หยางเฟิงมองบ่อน้ําแร่จิตวิญญาณที่แห้งเหือดและกล่าวด้วยความโกรธและตกใจ “บัดซบ! ผู้ใดขโมยน้ําแร่จิตวิญญาณ!?”
“ไม่ ข้าต้องรายงานนิกาย” แต่ในเวลาต่อมาหยางเพิ่งกลับมันงงอีกครั้ง “ข้ามาทําสิ่งใดที่นี่?”
“โอ้ ถูกต้อง ข้ามาทําภารกิจปกป้องบ่อน้ําแร่จิตวิญญาณ ข้าไม่สามารถให้คนนอกเข้ามา!”
“อืม มีข้าอยู่ที่นี่ ผู้ใดกล้ามาให้ข้าสังหาร!”
….
เทือกเขาแห่งหนึ่งในภาคกลาง
การต่อสู้สิ้นสุดลง ผู้อมตะภาคกลางจากสิบนิกายโบราณที่เหลือรอดตะโกนด้วยความเกลียดชัง “จําสิ่งนี้เอาไว้!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า คนขี้แพ้” เซียวหูจื่อหัวเราะและหันหน้าไปทางอีกคนที่อยู่ด้านข้าง
ด้านเขาเขาเป็นผู้อมตะภาคเหนือที่มีร่างกายผอมบาง
เขาคือปีศาจจอมตะระดับเจ็ด ไป่ซุ้ยฮัน
เซียวหูจื่อและไป่ซุ้ยฮันต่างต้องการทรัพยากรนี้ พวกเขาร่วมมือกันและบังคับให้ผู้อมตะของภาคกลางล่าถอย
ตอนนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคน บรรยากาศจึงกลายเป็นแปลกประหลาด
“สหาย เราจะแบ่งปันทรัพยากรอย่างไร?” เซียวหูจื่อแสร้งสุภาพ
ไป่ซุ้ยฮันกันเสียงเย็น เขากล่าวอย่างไม่ลังเล “เจ้าสามารถแย่งชิงมัน”
เซียวหูจื่อตกตะลึงก่อนจะหัวเราะ “ข้าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดของตระกูลเซียวจากทะเลทราย ตะวันตก แล้วเจ้าเป็นผู้ใด? เจ้าช่างเย่อหยิ่งนัก”
“หยุดไร้สาระ” ไป้ซุ้ยฮันโจมตีเซียวหูจื่อทันที
การแสดงออกของเซียวหูจื่อกลายเป็นมืดครึ้ม ทั้งสองต่อสู้กันหลายสิบกระบวนท่าก่อนที่เซียวหูจื่อจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ในจังหวะนี้เซียวซื่อหรงกลับปรากฏตัวขึ้นจากขอบฟ้า
เซียวหูจื่อมีความสุขมาก เขาร่วมมือกับเซียวซื่อหรงและต่อสู้กับไป่ซุ้ยฮัน
แต่หลังจากชั่วครู่เซียวหูจื่อกับเซียวซือหรงกลับถูกบังคับให้ล่าถอย พวกเขาจากไปด้วยความโกรธ
“เขาคือผู้ใด? ด้วยทรัพยากรเพียงเล็กน้อย เขากลับต่อสู้ราวกับชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับมัน?” เซียวหูจื่อกัดฟันแน่น
“หากข้าจําไม่ผิด เขาคือปีศาจอมตะของภาคเหนือไป่ซุ้ยฮัน” เซียวซื่อหรงกล่าว
เซียวหูจื่อมึนงง “เขาเป็นสัตว์ประหลาดภาคเหนือ! ไม่แปลกใจเลยลืมมันไปเถอะ ภาคกลางมีทรัพยากรมากมาย เราไม่จําเป็นต้องแข่งขันกับคนบ้าเหล่านี้”
….
เวลาผ่านไปเส้นโลหิตปฐพีเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง กําแพงภูมิภาคหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง
แต่ความปั่นป่วนที่เกิดจากเส้นโลหิตปฐพียังน้อยกว่าความโกลาหลที่เกิดจากการปล้นสะดมของกลุ่มผู้อมตะ
เดิมที่ภาคกลางเต็มไปด้วยภูเขาและแม่น้ําที่งดงาม แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยไฟและควัน
ผู้อมตะบางส่วนขโมยเพียงทรัพยากรเช่นนักพรตที่ถูกลืม แต่ผู้อมตะส่วนใหญ่มักทําลายแหล่งทรัพยากรเช่นชื่อกันตั้ง
….
หลายวันต่อมา
วังสวรรค์
“เอาล่ะ เราสะสมเจตจํานงของมนุษย์เพียงพอแล้ว” ในห้องโถง เฒ่าเจิ้งหยวนกล่าว
เทพธิดาจื่อเว่ยถอยหายใจด้วยความโล่งอก ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ความสูญเสียครั้งใหญ่ของภาคกลางทําให้นางรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก
“ใช้มัน” ราชันมังกรออกคําสั่ง
เฒ่าเจิ้งหยวนยืนขึ้นด้วยร่างกายสั่นเทาก่อนจะปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมาจากร่าง
ท่าไม้ตายอมตะรวมใจเป็นหนึ่ง
เจตจํานงของมนุษย์ที่สะสมไว้ถูกใช้ไปจดหมด
ผู้อมตะ ผู้ใช้วิญญาณ และมนุษย์ธรรมดาทั้งหมดในภาคกลางถูกปกคลุมด้วยรัศมีแสง
รัศมีแสงอยู่เพียงไม่นานก่อนจะเลือนหายไป
แต่ในไม่ช้าคนภาคกลางกลับรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ
“มันคือสิ่งใด?”
“ช่างลึกลับนัก”
“ข้ารู้สึกเหมือนตนเองเชื่อมต่อกับผู้คนรอบๆ ข้าสามารถสัมผัสถึงความรู้สึกของพวกเขา!”
หลังจากตกตะลึง ผู้คนก็เริ่มตระหนักว่าความรู้สึกของทุกคนเชื่อมต่อถึงกันไม่ว่าจะเป็นความหวาดกลัว ความโศกเศร้า ความเกลียดชัง และแรงบันดาลใจ
“เจ้าเป็นผู้ใด? เหตุใดเจ้าถึงเกลียดชังพวกเรามากนัก?” ในสถานที่จัดการแข่งขัน ผู้อมตะภาคเหนือถูกค้นพบ
เขาเป็นเหมือนดวงไฟท่ามกลางความมืด
เขาอยู่ในชุดคลุมขาวและดูเหมือนบัณฑิต
เขาไม่ใช่ผู้ใดนอกจากปีศาจอมตะระดับเจ็ดบัณฑิตสันโดษของภาคเหนือ
“ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางมนุษย์ช่างน่าทึ่งนัก! แม้ข้าจะปกปิดตัวตนเป็นอย่างดี แต่ข้ายังถูกเปิดเผย!” บัณฑิตสันโดษตกใจแต่เขายังเผยรอยยิ้มชั่วร้ายให้กับผู้คนรอบข้าง
ผู้อมตะระดับเจ็ดหลายคนปิดล้อมบัณฑิตสันโดษเอาไว้
“เจ้าปลอมตัวเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ เจ้าต้องการล่าความสําเร็จนั้นหรือ? ไปซะ หากเจ้าจากไปตอนนี้ เราจะไม่สร้างปัญหาให้เจ้า!” ผู้นํากลุ่มผู้อมตะภาคกลางกล่าว
บัณฑิตสันโดษหัวเราะ “เมื่อข้ามาที่นี่ ข้าก็จะไม่กลับมือเปล่า”
ผู้นํากลุ่มผู้อมตะภาคกลางสับสน “เจ้าคือผู้ใด? เราเคยมีความแค้นต่อกันงั้นหรือ?”
“คือ เจ้าลืมไปแล้วงั้นหรือ? ย้อนกลับไปเจ้าทําลายตระกูลของข้า วันนี้ในฐานะทายาทคนสุดท้ายของตระกูล ข้าจะปลิดชีวิตเจ้า!” บัณฑิตสันโดษระเบิดพลังออกมาทันที
หนึ่งชั่วโมงต่อมาบัณฑิตสันโดษจากไปพร้อมกับร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บ
ไม่เหลือมนุษย์ที่มีชีวิตทิ้งไว้เบื้องหลัง
….
สถานที่จัดการแข่งขันอีกแห่ง
“สหาย โปรดแสดงตัวด้วย” ผู้อมตะภาคกลางกล่าวอย่างสุภาพ
“พบข้าแล้วงั้นหรือ?” ผู้อมตะภาคใต้เจิ้งชิงเดินออกมา
“ข้าไม่มีเจตนาร้าย ข้าเพียงต้องการสัมผัสประสบการณ์การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม หลังจากทั้งหมดนี่อาจเป็นครั้งสุดท้าย” เจิ้งชิงเผยรอยยิ้มขมขื่น
เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษของภาคใต้ เขาได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์โดยบังเอิญ เขาไม่มีความเกลียดชังต่อภาคกลาง
ผู้อมตะภาคกลางพยักหน้า “ด้วยท่าไม้ตายอมตะรวมใจเป็นหนึ่ง เราสามารถสัมผัสถึงความตั้งใจของเจ้า น่าเสียดายที่เจ้าไม่สามารถแข่งขันต่อไป”
“ข้าเข้าใจ”
“หากไม่รังเกียจ เจ้าสามารถอยู่ที่นี่และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเรา”
เจิ้งชิงสายศีรษะและจากไปอย่างเงียบๆ
บางคนสร้างหายนะ บางคนจากไปอย่างสงบ แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็สามารถแยกแยะว่าผู้ใดคือมิตรและผู้ใดคือศัตรู
ภัยคุกคามถูกกําจัด ภาคกลางเริ่มมีเสถียรภาพอีกครั้ง
การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมดําเนินต่อไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ
“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว เหตุใดยังไม่มีฝ่ายใดแสดงตัวออกมา? พวกเขารอสิ่งใดอยู่?” ฟางหยวนกัดฟันแน่น เขาอดทนรอขณะที่วังสวรรค์เข้าใกล้ความสําเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ
จนถึงเวลานี้ถ้ําสวรรค์นิรันดรยังไม่เคลื่อนไหว
“ถึงเวลาแล้ว ไปกันเถอะ” มุมหนึ่งของภาคกลาง วูหยงปรากฏตัวขึ้น
ด้านหลังเขามีกองกําลังพันธมิตรของภาคใต้
วูหยงมองไปรอบๆก่อนกล่าว “ทุกคน ข้าไม่จําเป็นต้องอธิบายสถานการณ์ เราไม่สามารถปล่อยให้วิญญาณชะตากรรมฟื้นฟูอย่างเต็มที่ มิฉะนั้นวังสวรรค์จะมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่”
“ตามข้าไปทําลายแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ ทําลายร่องรอยของพลังงานแห่งเต่ความสําเร็จและมอบความล้มเหลวให้กับวังสวรรค์!”
“เราจะติดตามท่านผู้นํา!” กองกําลังพันธมิตรภาคใต้กล่าวอย่างพร้อมเพรียง