เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1706 ความมุ่งมั่นของคนใต้

บทที่ 1706 ความมุ่งมั่นของคนใต้

บทที่ 1706 ความมุ่งมั่นของคนใต้

“ไม่ วูหยงนํากองกําลังพันธมิตรภาคใต้มาที่แดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ!” เทพธิดาจื่อเว่ยตกใจ

“โอ้? ในที่สุดพวกเขาก็ปรากฏตัว” ราชันมังกรกล่าว การแสดงออกของเขายังไม่เปลี่ยน

เทพธิดาจื่อเว่ยสูดหายใจลึก นางขมวดคิ้วและรู้สึกถึงแรงกดดัน

ผู้อมตะภาคใต้สามารถรวมใจเป็นหนึ่ง พวกเขาแตกต่างจากผู้อมตะภูมิภาคอื่น นอกจากนั้น เป้าหมายของพวกเขายังเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ

หากแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติล่มสลาย มันจะเป็นหายนะของวังสวรรค์ การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมจะกลายเป็นไร้ความหมาย

“อย่ากังวล เราคาดเดาไว้แล้ว ด้วยเหตุนี้เราจึงจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะไว้ที่นั่น ทุกอย่างจะไม่มีปัญหา” ราชันมังกรกล่าว

เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้าและแสดงภาพเหตุการณ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติในห้องโถง

นางลังเลก่อนจะส่งข้อความไปหาวุหยง “วูหยง อย่าลืมว่าเราเคยร่วมมือกันมาก่อน หากเจ้าต้องการเป็นผู้นํากองกําลังพันธมิตรภาคใต้ต่อไป เจ้าควรรู้ว่าต้องทําอย่างไร?”

วูหยงลอบเย้ยหยันอยู่ในใจ ‘จื่อเว่ย โอ้ จื่อเว่ย แม้เจ้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่แต่สุดท้ายเจ้ากลับไม่ใช้สิ่งใด’

เขาไม่แยแสและไม่แม้แต่จะตอบกลับเทพธิดาจื่อเว่ย

วูหยงกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขา

ท่าไม้ตายอมตะวายุไร้ขอบเขต!

ลมสีเขียวพัดไปทุกหนทุกแห่ง

มันกลายเป็นพายุหมุนขนาดใหญ่ทําลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า

กลุ่มผู้อมตะภาคกลางเร่งกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณอมตะ

“ครืน”

อย่างไรก็ตามค่ายกลวิญญาณอมตะของพวกเขากลับไม่สามารถหยุดวายุไร้ขอบเขตของวูหยง

“ไร้ประโยชน์! นี่เป็นท่าไม้ตายลับของข้า มันใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของข้านับหมื่นร่องรอย แต่หลังจากเสียค่าใช้จ่าย มันก็ยากที่จะต่อต้าน” ดวงตาของวูหยงส่องประกายแหลมคม

“ความมุ่งมั่นนี้” เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจ

วูหยงจ่ายด้วยราคามหาศาลเพื่อใช้วายุไร้ขอบเขต มันแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของเขา ไม่มีสิ่งใดสามารถเปลี่ยนความคิดของเขา

ตอนนี้เขายืนอยู่ต่อหน้ากลุ่มผู้อมตะภาคใต้ด้วยความภาคภูมิใจ

เทพธิดาจื่อเว่ยตระหนักว่านางประเมินวูหยงต่ําเกินไป คนผู้นี้น่าเกรงขามมาก

เขามีความกล้าหาญของตระกูลวู แต่เขายังสามารถควบคุมอารมณ์และเก็บซ่อนความสามารถของตนเองได้ลึกมาก กระทั่งวตู๋ซิ่วก็ยังประเมินเขาต่ําเกินไป

เมื่อวูหยงเข้ารับตําแหน่งผู้นําตระกูลวครั้งแรก กองกําลังอื่นกดดันตระกูลวอย่างหนัก แต่ด้วยความแข็งแกร่งและคฤหาสน์วิญญาณอมตะบ้านไม้ไผ่สายลม วูหยงสามารถพลิกสถานการณ์

การต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้ วูหยงเสียงสร้างความร่วมมือกับวังสวรรค์ เขานําวิญญาณอมตะกลับคืนสู่ภาคใต้ นั่นทําให้ชื่อเสียงของเขาพุ่งสูงขึ้น

บนเทือกเขาห้าภูมิภาค เขาต้องการสังหารฟางหยวน แม้เขาล้มเหลว แต่ลั่วเว่ยหยินที่เป็นผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพก็ไม่สามารถกําจัดวูหยงขณะที่วูหยงสามารถเป็นผู้นํากองกําลังพันธมิตรของภาคใต้

ตอนนี้วังสวรรค์อยู่ในช่วงเวลาสําคัญในการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม วูหยงเป็นผู้นํากองกําลังพันธมิตรภาคใต้ในการต่อสู้ครั้งนี้ เขาไม่สนใจคําขู่ของเทพธิดาจื่อเว่ยเพราะเขามองเห็นภาพใหญ่อย่างชัดเจน

พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้วังสวรรค์ประสบความสําเร็จในการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม

“ฟื้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…”

วายุไร้ขอบเขตกัดเซาะค่ายกลวิญญาณอมตะอย่างต่อเนื่อง ผู้อมตะของวังสวรรค์พยายามหยุดมันแต่ยังไร้ประโยชน์ นี่เป็นไพ่ตายที่วูหยงใช้ออกเป็นครั้งแรก ไม่เพียงวังสวรรค์ กระทั่งผู้อมตะ ภาคใต้ก็ไม่เคยเห็น ทุกคนตกตะลึงกับมัน

ในไม่ช้ารูช่องโหว่ก็ปรากฏขึ้น วูหยงโบกมือ “ทุกคน ถึงเวลาเสี่ยงชีวิตแล้ว ไปกวาดล้างศัตรูกับข้า!”

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้พุ่งเข้าไปขณะที่ผู้อมตะของวังสวรรค์รู้สึกประหม่า “พวกเขาเข้ามา แล้วเปิดใช้แนวป้องกันชั้นที่สอง!”

วิสัยทัศน์ของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้เปลี่ยนไป แสงสีน้ําเงินปรากฏขึ้นและกลายเป็นดอกไม้สีชมพูจํานวนนับไม่ถ้วนบินไปทั่ว

ผู้อมตะระดับเจ็ดผู้หนึ่งก้าวออกมา เขาคือไท่กังเก้อหนึ่งในเสาหลักของตระกูลไท่

เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุด เขาตะโกนเสียงดังและสร้างง้าวแสงสีทองจํานวนมากขึ้นรอบตัว

“ไป!” จ้าวแสงสีทองพุ่งเข้าทําลายดอกไม้สีชมพูที่บินอยู่กลางอากาศ

ดอกไม้สีชมพูและง้าวแสงสีทองระเบิดหายไปพร้อมกัน

แม้การโจมตีของค่ายกลวิญญาณอมตะจะมีพลังอํานาจระดับแปด แต่ไท่กังเก้อกลับไม่เสียเปรียบ

ผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งค่ายกล จื่อชิวหยู ยืนอยู่ข้างเขาและพยายามอนุมานค่ายกลวิญญาณอมตะของฝ่ายตรงข้าม

ไม่กี่ลมหายใจต่อมาง้าวสีทองก็กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ผู้อมตะระดับเจ็ดเฉงชิวเร่งสนับสนุน เขายกฝ่ามือขึ้น รูสีแดงบนฝ่ามือของเขาดูดดอกไม้สีชมพูเข้าไปอย่างต่อเนื่อง

อี้ไห้ถังคํารามเสียงดังและระเบิดสายฟ้าสีน้ําเงินออกไปช่วยไท่กังเก้อและเฉิงชิว

ในเวลาเดียวกันผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งปัญญา เซี่ยลิ่วเพ่ย วางฝ่ามือบนแผ่นหลังของจื่อชิวหยูและใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อสนับสนุนการอนุมานของเขา

หลังจากไม่นานจื่อชิวหยูก็ประสบความสําเร็จ

ด้วยวิธีการของเขา จุดอ่อนของค่ายกลวิญญาณอมตะถูกเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน

“บึม บึม บึม”

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ทําลายแนวป้องกันที่สองของค่ายกลวิญญาณอมตะอย่างไร้ปรานี

ผู้อมตะภาคใต้ก้าวเข้าสู่แนวป้องกันชั้นที่สามของค่ายกลวิญญาณอมตะ

ผู้อมตะของวังสวรรค์ตกใจมาก

“มีสหายจ่ออยู่ที่นี่ ค่ายกลใดจะสามารถหยุดพวกเรา!?” วูหยงหัวเราะเสียงดัง

ขวัญกําลังใจของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้พุ่งสูงขึ้น

จื่อชิวหยูเผยรอยยิ้มขมขึ้น “วิธีอนุมานของข้าไม่ง่าย มันใช้อายุขัยของข้า แต่ในการต่อสู้ครั้งนี้ ข้าไม่สามารถลังเล!”

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้เต็มไปด้วยความอารมณ์ความรู้สึก

วูหยงกับจื่อชิวหยูมองหน้ากัน พวกเขาสามารถมองเห็นความมุ่งมั่นของแต่ละคน

อย่างไรก็ตามจื่อชิวหยูกลับเริ่มขมวดคิ้ว “ข้าไม่จําเป็นต้องอนุมานแนวป้องกันที่สาม มันง่ายมาก แกนกลางของมันคือต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดกลางป่า”

มันง่ายที่จะทําความเข้าใจแต่มันยากที่จะทําลาย

ป่าแห่งนี้พิเศษมาก

ต้นไม้แต่ละต้นเป็นพืชอสูร พืชอสูรที่อยู่ตรงกลางยังเป็นพืชอสูรแรกกําเนิด การทําลายพืชอสูรเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

แนวป้องกันที่สามของค่ายกลวิญญาณอมตะใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของป่าแห่งนี้ การโจมตีพื้นที่อื่นไม่มีประโยชน์ พวกเขาต้องทําลายพืชอสูรแรกกําเนิดที่อยู่กลางป่าเท่านั้น

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้คิดก่อนจะปล่อยสัตว์อสูรบรรพกาลและสัตว์อสูรแรกกําเนิดออกมาจากมิติช่องว่างของพวกเขา

ฝูงสัตว์อสูรต่อสู้กับพืชอสูรก่อนจะหันมาต่อสู้กันเองอย่างบ้างคลั่งจนเกิดฉากนองเลือดที่น่าสยดสยอง

“ป่าแห่งนี้มีหญ้าขัดแย้ง มันเป็นพืชอสูรบรรพกาลที่จะทําให้สัตว์อสูรต่อสู้กันเอง”

“แม้สัตว์อสูรแรกกําเนิดจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่พวกมันก็ถูกกีดขวางด้วยปราณเน่าเปื่อย”

ปราณเน่าเปื่อยมีพิษร้ายแรง มันไม่ส่งผลกระทบต่อพืชอสูร มนุษย์ หรือมนุษย์กลาย พันธุ์ แต่มันจะส่งผลกระทบต่อสัตว์อสูร กระทั่งสัตว์อสูรแรกกําเนิดก็ยังได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้

ผู้อมตะภาคใต้ล้มเหลวในความพยายามครั้งนี้

วูหยงกําลังจะนําบ้านไม้ไผ่สายลมออกมาแต่ในจังหวะนี้ผู้อมตะระดับเจ็ดศีรษะโล้นของ ตระกูลปา ปาซ่ง กลับเปิดปากกล่าว “ให้ข้าลองดู

“แม้ข้าจะไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งแต่ข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ให้ข้าเข้าไปทําลายพืชอสูรแรกกําเนิด”

“อย่างไรก็ตามข้ามีพลังการต่อสู้บนจุดสูงสุดของระดับเจ็ดเท่านั้น ข้าขอให้ท่านอี้ห่าวฟาง ช่วยสนับสนุนข้าด้วย” ปาซ่งกล่าว

ปาซ่งเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดแต่เขากลับเต็มใจที่จะเสี่ยงชีวิต หากประมาทเพียงเล็กน้อย เขาสามารถตกตายได้อย่างง่ายดาย

อี้ห่าวฟางมองผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลปา ปาซื่อปา เมื่อได้รับการอนุมัติจากคนผู้นี้ เขาจึงใช้วิธีการของเขาเพื่อสนับสนุนปาซ่ง

เขามีวิธีเสริมกําลังที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ปาซ่งรู้สึกได้ถึงพลังงานที่ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาทัน

เขาทะยานร่างออกไปและใช้ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นยักษ์พุ่งเข้าสู่จุดศูนย์กลางของป่า

ผู้อมตะของวังสวรรค์เริ่มโจมตีเขา

ผู้อมตะภาคใต้เร่งเข้าไปสนับสนุนปาซ่ง

หลังจากไม่กี่นาที่ผู้อมตะภาคใต้ก็สามารถทําลายแนวป้องกันที่สามของค่ายกลวิญญาณอมตะ

“ต่อไปขึ้นอยู่กับพวกท่านแล้ว” ปาซ่วได้รับบาดเจ็บสาหัสและสูญเสียพลังการต่อสู้

“สหาย เจ้ากล้าหาญมาก ไม่ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะจบลงอย่างไร เจ้าจะได้รับการตอบแทนจากกองกําลังพันธมิตรภาคใต้ของเราอย่างเหมาะสม!” วูหยงกล่าวอย่างหนักแน่น

ปาซ่งเผยรอยยิ้มบาง “ข้าเสี่ยงชีวิตเพราะจิตใจของข้าถูกกระตุ้นด้วยความมุ่งมั่นของท่านวูหยงและท่านจื่อชิวหยู วังสวรรค์บุกภาคใต้ของเราหลายครั้งแล้ว หากพวกเขาประสบความสําเร็จในการกู้คืนวิญญาณชะตากรรม พวกเขาจะทําอย่างไร?”

“นั่นถูกต้องแล้ว” วูหยงพยักหน้า

การแสดงออกของผู้อมตะที่อยู่รอบๆทําให้วหยงรู้สึกมั่นใจมากขึ้น

ภาคกลางสามารถรวมใจเป็นหนึ่ง ภาคใต้ก็เช่นกัน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท