เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1709 วูหยงปะทะเฉินอี้

บทที่ 1709 วูหยงปะทะเฉินอี้

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1709 วูหยงปะทะเฉินอี้

“บึ้ม!” เสียงระเบิดดังขึ้น

วูหยงนํากองกําลังพันธมิตรภาคใต้ทําลายแนวป้องกันที่ห้าของค่ายกลวิญญาณอมตะและมาถึงชั้นที่หก

พื้นที่ชั้นที่หกเป็นความมืดมิดอันไร้ขอบเขต

ผู้อมตะภาคใต้ราวกับมดตัวน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ขนาดใหญ่

“นี่คือค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ” ผู้อมตะตระกูลลั่วกล่าว

เขาสวมชุดพื้นเมืองของคนใต้ เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดและเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงของตระกูลลั่ว

ชื่อของเขาคือลั่วหรัน เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติและมีความสําเร็จที่ไม่น่าเชื่อ

“นี่คือค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติจริงๆ” จื่อชิวหยูพยักหน้าเห็นด้วย “ให้ข้าอนุมาน”

การโจมตีแบบสุ่มไม่ใช่เรื่องฉลาด วิธีที่ดีที่สุดคือปล่อยให้ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลอนุมานเพื่อหาจุดอ่อนของมัน

หลังจากอนุมาน จื่อชิวหยูกล่าว “ข้าไม่พบช่องโหว่ของค่ายกลนี้”

ลั่วหรันขมวดคิ้ว “แม้ข้าจะไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกล แต่ข้าพอมีความรู้เกี่ยวกับค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติอยู่บ้าง ค่ายกลวิญญญาณชนิดนี้มักมีความสามารถเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือการขยายพื้นที่ หลังจากเข้าสู่ค่ายกล ระยะทางหนึ่งก้าวจะยาวไกลราวกับหนึ่งร้อยก้าว”

จื่อชิวหยูหัวเราะ “สหายลั่วหรันฉลาดมาก นั่นถูกต้อง แต่ค่ายกลนี้ถูกดัดแปลง มีบางสิ่งซ่อนอยู่ภายใน

บางคนถาม “สิ่งใด?”

จื่อชิวหยูสายศีรษะ “ข้ายังไม่แน่ใจ ข้าเพียงสัมผัสถึงมันเท่านั้น เราควรทดสอบ จากนั้นข้าจะสามารถอนุมานต่อ อย่ากังวล มันไม่มีพลังโจมตี มันทําได้เพียงถ่วงเวลาพวกเราเท่านั้น”

“ในช่วงเวลานี้หากวังสวรรค์โจมตี ตราบเท่าที่พวกเราสามารถป้องกันตนเอง การเปลี่ยนแปลงใดก็ตามที่เกิดขึ้นจะทําให้ข้าสามารถอนุมานบางสิ่ง”

กลุ่มผู้อมตะเลือกทําตามคําแนะนําของจื่อชิวหยู

กองกําลังพันธมิตรภาคใต้ปกป้องจื่อชิวหยูที่อยู่ตรงกลางและมีวูหยงเป็นแนวหน้า

“ดู ข้างหน้ามีบางสิ่ง!” ผู้อมตะเหยาเทียนซีกล่าว

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้เคลื่อนที่ช้าลง พวกเขาเริ่มมองเห็นหัวไชเท้าขนาดใหญ่เท่าบ้านลอยอยู่กลางอากาศ

“มันคือสิ่งใด?” เหยาเทียนซีถาม

ทุกคนขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป

วูหยงนิ่งเงียบ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับพืชอมตะแต่เขายังจําไม่ได้ในระยะเวลาสั้นๆ

“หากข้าจําไม่ผิด นี่ควรจะเป็นหัวไชเท้าน้ําแข็ง มันเป็นพืชอมตะที่สูญพันธุ์ไปแล้วตั้งแต่อดีตกาล ผู้ใดจะคิดว่าวังสวรรค์จะเก็บมันไว้จนถึงตอนนี้” เฉียวจื่อไคกล่าว

เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียว แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งไม้

ดวงตาของวูหยงส่องประกายขึ้น “ถูกต้อง มันคือหัวไชเท้าน้ําแข็ง ทุกคนระวังให้ดี หากผู้ใดเข้าใกล้ มันจะระเบิดแสงอันเย็นเยียบออกมาและทําให้คนผู้นั้นแข็งตายทันที”

เฉียวจื่อไคอธิบายเสริม “อย่าประมาทแสงน้ําแข็ง มันเกิดจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของหัวไชเท้าน้ําแข็ง หลังจากมันยิงแสงน้ําแข็งออกมา หัวไชเท้าน้ําแข็งจะสูญเสียร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋และกลายเป็นทรัพยากรระดับมนุษย์ แสงน้ําแข็งของมันอาจมีพลังอํานาจระดับแปด”

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ระวังตัวมากขึ้น

ทันใดนั้นคลื่นกระแทกลึกลับพลันระเบิดออกมาจากความว่างเปล่า

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ปกป้องตนเองมานานแล้ว อย่างไรก็ตามคลื่นกระแทกไม่ได้โจมตีพวกเขา แต่เป้าหมายของมันคือหัวไชเท้าน้ําแข็ง

หัวไชเท้าน้ําแข็งหดตัวลงอย่างกะทันหันก่อนที่มันจะระเบิด

“บึม!”

แสงน้ําแข็งพุ่งออกไปทุกทิศทาง

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ใช้ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันที่ทรงพลังที่สุดของตนเอง แต่ผู้อมตะคนหนึ่งยังถูกเปลี่ยนเป็นประติมากรรมน้ําแข็งภายในเวลาเพียงครึ่งลมหายใจ

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ตกตะลึง

เหตุการณ์นี้เกิดจากสิ่งลึกลับที่จื่อชิวหยูกล่าวถึงก่อนหน้านี้ มันทํางานร่วมกับหัวไชเท้าน้ําแข็งได้อย่างลงตัว

การแสดงออกของวูหยงกลายเป็นมืดครื้ม

เขาเป็นผู้นํากองกําลังพันธมิตรภาคใต้ แต่ตอนนี้พวกเขาสูญเสียสมาชิกคนแรกไปในที่สุด

วูหยงค่อนข้างกังวลและพยายามคิดหาวิธีรับมือกับสถานการณ์

เป็นเพียงเวลานี้ที่คลื่นกระแทกปะทุขึ้นอีกครั้ง

“อยู่ใกล้ๆข้า!” ในช่วงเวลาสําคัญผู้อมตะกั่วหรันตะโกนและกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะ

แสงน้ําแข็งยิงออกมาจากหัวไชเท้าน้ําแข็ง

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้รู้สึกถึงแรงกดันราวกับทุกคนถูกผนึกไว้ในโลงศพน้ําแข็ง

วิญญาณอมตะทําลายห้วงมิติระดับเจ็ด!

วิญญาณอมตะระดับเจ็ดดวงนี้ไม่สามารถทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะของวังสวรรค์แต่มันไม่ได้ไร้ประโยชน์

วิญญาณอมตะทําลายห้วงมิติช่วยให้กองกําลังพันธมิตรภาคใต้สามารถหลบหนีจากความตาย ในช่วงเวลาสําคัญ

แสงน้ําแข็งกลายเป็นไร้ความหมาย

“สถานการณ์เร่งด่วน ข้าต้องใช้วิญญาณอมตะทําลายห้วงมิติอย่างกะทันหัน มันมีระยะการทํางานที่ไม่แน่ชัด ข้าต้องขออภัยทุกท่านด้วย” ลั่วหรันรีบขอโทษ

วูหยงหัวเราะ “ทําได้ดีมาก!”

“วิญญาณอมตะทําลายห้วงมิติเป็นวิธีที่ดีในการตอบโต้ค่ายกลวิญญาณนี้” จื่อชิวหยูพยักหน้า ด้วยความยินดี

ลั่วหรันยิ้ม “ข้าได้รับวิญญาณอมตะดวงนี้มาจากร่องลึกใต้พิภพเมื่อเร็วๆนี้ ผู้ใดจะคิดว่ามันจะมีประโยชน์ที่นี่”

ทุกสิ่งบนโลกใบนี้มีจุดอ่อนและจุดแข็ง ไม่มีวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุด มีเพียงผู้ใช้วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุด

วังสวรรค์สร้างค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ขึ้นมาด้วยวิญญาณอมตะระดับเจ็ดและวิญญาณระดับมนุษย์จํานวนมหาศาล แต่มันยังถูกตอบโต้ด้วยวิญญาณอมตะทําลายห้วงมิติเพียงดวงเดียว

ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะทําลายห้วงมิติ กลุ่มผู้อมตะภาคใต้จึงสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ

เนื่องจากค่ายกลวิญญาณอมตะของวังสวรรค์ถูกกระตุ้นใช้งาน ดังนั้นการอนุมานของจื่อชิวหยูจึงรวดเร็วขึ้น

ครูต่อมาจื่อชิวหยูก็พบช่องโหว่

เขากล่าวกับวูหยง “ค่ายกลวิญญาณนี้ยากที่จะทําลายจากภายใน ท่านผู้นํา เหตุใดท่านไม่ใช้วายุไร้ขอบเขตที่อยู่ด้านนอกทําลายมัน วิธีนี้จะง่ายกว่า”

วูหยงทําตามคําแนะนําของจื่อชิวหยูและบังคับวายุไร้ขอบเขตทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะ

กองกําลังพันธมิตรภาคใต้กลับสู่โลกภายนอก ขวัญกําลังใจของพวกเขาพุ่งสูงขึ้น

ผลลัพธ์นี้ทําให้ผู้ควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะของวังสวรรค์รู้สึกหนักใจ

หนึ่งในนั้นเป็นชายที่ดูเยาว์วัยในชุดคลุมเขียว เขาไม่ใช่ผู้ใดนอกจากผู้อมตะระดับแปดที่ยิ่งใหญ่ อดีตผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ และผู้สืบทอดของเทพอมตะบัวสวรรค์รุ่นปัจจุบัน เฉินอี้

“ผู้ใดจะคิดว่าศัตรูจะดุร้ายเช่นนี้ เหลือแนวป้องกันเพียงสามชั้นเท่านั้น” เฉินอี้คิดก่อนกล่าวกับคนด้านข้าง “เหตุใดเราไม่ร่วมมือกันและต่อสู้กับพวกเขา ด้วยวิธีนี้พวกเราจะสามารถซื้อเวลาให้ค่ายกลวิญญาณอมตะ”

ผู้อมตะหญิงที่อยู่ด้านข้างเฉินอี้คือเพ่ยกังซุ้ย นางเป็นสมาชิกวงสวรรค์ นางเคยเข้าร่วมในการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมครั้งก่อน เมื่อได้ยินคํากล่าวของเฉินอี้ นางตกลงโดยไม่ลังเล

ทั้งสองเดินออกจากค่ายกลวิญญาณอมตะ

วูหยงกับคนอื่นๆกําลังทําลายแนวป้องกันที่เจ็ดของค่ายกลวิญญาณอมตะ

เฉินอี้ป้องหมัดขึ้น “สหายภาคใต้ ข้าคือเฉินอี้แห่งวังสวรรค์ มีผู้ใดต้องการต่อสู้กับข้าตัวต่อตัวหรือไม่?

รูม่านตาของวูหยงหดเล็กลง เขาโบกมือและนําบ้านไม้ไผ่สายลมออกมา

การต่อสู้ระหว่างผู้อมตะระดับแปด ผู้อมตะระดับเจ็ดไม่สามารถเข้าแทรกแซง แต่หากพวกเขาเข้าไปในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ พวกเขาจะสามารถเข้าร่วมการต่อสู้

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลปา ปาซื่อปา หัวเราะเสียงดัง “ตาแก่เฉินอี้ มันไม่ฉลาดที่เจ้าออกมาจากกระดอง ข้าจะต่อสู้กับเจ้า”

“เดี๋ยว! อย่าปล่อยให้เขาถ่วงเวลา เราจะโจมตีพร้อมกัน!” วูหยงหัวเราะและออกคําสั่ง

หากวูตู๋ซิ่วอยู่ที่นี่ นางจะยอมรับคําท้าทายของเฉินอี้และต่อสู้เพียงลําพัง

แต่วูหยงแตกต่างออกไป เหตุใดเขาต้องละทิ้งโอกาสประสบความสําเร็จ?

วูหยงนํากลุ่มผู้อมตะระดับแปดของภาคใต้และคฤหาสน์วิญญาณอมตะบ้านไม้ไผ่สายลม พุ่งไปข้างหน้าทันที

เฉินอี้และเพ่ยกังซุ้ยถูกโจมตีจากทุกทิศทาง

เพ่ยกังซุ้ยผลักฝามือส่งคลื่นสีขาวขนาดใหญ่ออกไป

ร่างของวูหยงกลายเป็นภาพติดตา ร่างจริงของเขาหายไปจากจุดนั้นอย่างกะทันหัน เพ่ยกังซุ้ยเผชิญหน้ากับกองทัพศัตรูด้วยพลังทั้งหมด

ปีกบนแผ่นหลังของอี้ห่าวฟางยิงพายุลูกศรจํานวนนับไม่ถ้วนไปยังเพยทั้งซุ้ยและเฉินอี้

“เข้ามา!” เฉินอี้สร้างต้นไม้มายาขนาดใหญ่ขึ้นรอบตัว

ฝนลูกศรพุ่งเข้าไปในปาและทําให้ใบไม้จํานวนมากร่วงหล่นลงจากต้น

เฉินอี้กําลังจะตอบโต้แต่วูหยงกลับปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเขาโดยไม่คาดคิด

“เขามีวิธีปกปิดที่ยอดเยี่ยม! ข้าไม่สามารถตรวจจับเขา!” เฉินอี้ตกใจมาก

ในช่วงเวลาสําคัญเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะหันหลังกลับ

“เราเป็นสหายตั้งแต่แรกพบ แต่ตอนนี้เจ้าต้องจากไป นี่คือการอําลาสหายที่ดีของข้า ให้ข้าส่งเจ้า” วูหยงเผยรอยยิ้มบาง

ใบหน้าของเฉินอี้กลายเป็นซีดเผือด

เขาตะโกนในใจ นี่คือท่าไม้ตายอมตะอําลาสหาย! วังสวรรค์หามันไม่พบ ผู้ใดจะคิดว่ามันจะอยู่ในมือของวูหยง”

ร่างของเฉินอี้ค่อยๆลอยขึ้น เส้นผม เสื้อผ้า และแขนขาของเขาเริ่มสูญสลาย

“ช่วยด้วย! เฉินอี้ตะโกนอยู่ในใจ เขาไม่สามารถส่งเสียงใดๆออกมา

เขาไม่สามารถขยับเขยื้อนและไม่สามารถตอบโต้

กระทั่งท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมก็ไม่สามารถกระตุ้นใช้งาน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท