เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1710 ทางเลือก

บทที่ 1710 ทางเลือก

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1710 ทางเลือก

วังสวรรค์

ท้องฟ้าสีขาวถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีรุ้ง

คฤหาสน์วิญญาณอมตะขนาดใหญ่ลอยอยู่กลางอากาศ

มันคือแท่นบูชาหยกขาวที่ยิ่งใหญ่ตระการตา คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด แท่นบูชาแห่งโชค!

เทพอมตะตะวันเดือดสร้างมันขึ้นมาด้วยตนเอง มันเป็นหนึ่งในสามคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่เขาใช้งาน

เดิมทีแท่นบูชาแห่งโชคถูกทิ้งไว้ที่ถ้ําสวรรค์นิรันดร แต่เพื่อโจมตีวังสวรรค์ พวกเขาจึงน้ํามันออกมา

การกระทํานี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของถ้ําสวรรค์นิดรันดรและทําให้ผู้อมตะของวังสวรรค์รู้สึกกังวล

เทพธิดาจื่อเว่ยขมวดคิ้วลึก

กระทั่งราชันมังกรยังแสดงออกอย่างเคร่งขรึม อย่างไรก็ตามความสนใจของเขาไม่ได้อยู่ที่แท่นบูชาแห่งโชคแต่เป็นสายรุ้งบนท้องฟ้า

ราชันมังกรกล่าวเสียงต่ํา “แท่นบูชาแห่งโชคและผู้อมตะของถ้ําสวรรค์นิรันดรบุกเข้ามาที่นี่ได้อย่างง่ายดาย แสงสีรุ้งเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าของเทพอมตะตะวันเดือด!”

“เทพอมตะตะวันเดือด?” เทพธิดาจื่อเว่ยมันงงก่อนจะตระหนักถึงบางสิ่ง “ตามบันทึกของวังสวรรค์ เทพอมตะตะวันเดือดเคยได้รับเชิญให้มาเยี่ยมวังสวรรค์ เขาลอบสร้างเส้นทางนี้ขึ้นมาอย่างลับๆงั้นหรือ?”

“ควรจะเป็นเช่นนั้น” ราชันมังกรตอบ

“ผู้อมตะระดับเก้าล้วนเป็นตัวตนที่ไม่สามารถหยั่งถึง เทพอมตะตะวันเดือดใช้วิธีบนเส้นทางแห่งโชค พวกเราไม่สามารถค้นพบมันกระทั่งมันจะถูกใช้งาน” ราชันมังกรถอนหายใจและสายศีรษะ

ย้อนกลับไปเทพอมตะตะวันเดือดสร้างเส้นทางแห่งโชคขึ้นมา สิ่งนี้เป็นอุปสรรคต่อวิญญาณ ชะตากรรมผู้อมตะห่วงทองซึ่งเป็นผู้นําวงสวรรค์ในเวลานั้น วางแผนและเชิญเทพอมตะตะวันเดือดมาเยี่ยมวังสวรรค์โดยประกาศกับโลกว่าพวกเขาเชิญเทพอมตะตะวันเดือดเข้าร่วมอย่างเปิดเผย

เทพอมตะตะวันเดือดรับคําเชิญและเดินทางมาสํารวจวังสวรรค์

ผู้อมตะห่วงทองนําทางเทพอมตะตะวันเดือดชมสถานที่สําคัญของวังสวรรค์โดยเฉพาะสถานที่ที่เทพปีศาจไร้ขอบเขต เทพปีศาจคลั่ง และเทพปีศาจบัวแดงบุกโจมตีพวกเขา

เทพอมตะตะวันเดือดต้องการเห็นวิญญาณชะตากรรม ผู้อมตะห่วงทองไม่ปฏิเสธ พวกเขาขึ้นไปบนหอคอยดวงตาสวรรค์เพื่อพบกับวิญญาณชะตากรรม

หลังจากเทพอมตะตะวันเดือดออกจากหอคอยดวงตาสวรรค์ เขานิ่งเงียบไปตลอดทาง

เขาจากไปและบอกว่าต้องการเวลาพิจารณาเรื่องการเข้าร่วมกับวังสวรรค์

บทสนทนาระหว่างเทพอมตะตะวันเดือดและผู้อมตะห่วงทองถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของวังสวรรค์อย่างชัดเจน

“พลังอํานาจของผู้อมตะระดับเก้าช่างลึกล้ํานัก เราพึงสังเกตเห็นการจัดเตรียมของเทพอมตะตะวันเดือดในวันนี้ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก วังสวรรค์ของเราไม่เชี่ยวชาญด้านเส้นทางแห่งโชค อย่างไรก็ตามกระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณที่สามารถวางสายลับไว้ในวังสวรรค์ยังตกเป็นเชลยของเรา เทพอมตะตะวันเดือดตายไปนานแล้ว เพียงแท่นบูชาแห่งโชคและกลุ่มผู้อมตะภาคเหนือไม่ใช่ ปัญหาวังสวรรค์ของเราสามารถกําหราบพวกเขาได้อย่างง่ายดาย” เสียงของเฒ่าเจิ้งหยวนดังขึ้น

เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้าแต่นางยังขมวดคิ้ว “แท่นบูชาแห่งโชคเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดของเทพอมตะตะวันเดือด น่าเสียดายที่องค์ชายฟงเชี่ยนไม่ได้เข้าร่วมในครั้งนี้ มิฉะนั้นเราจะได้รับข้อมูลล่วงหน้า”

“สิ่งสําคัญที่สุดคือแท่นบูชาแห่งโชคซ่อนพลังไว้มากเพียงใด?”

“ฮีม ข้าคิดว่ามันไม่น่าจะมีพลังอํานาจมากมายนัก เราไม่ได้รับข่าวใดๆเพราะถ้ําสวรรค์นิรันดรอาจเก็บข้อมูลไว้กับคนจํานวนไม่มาก”

เทพธิดาจื่อเว่ยวิเคราะห์

“ควรเป็นเช่นนั้น” ราชันมังกรพยักหน้า แม้เขาจะลุกขึ้นแล้ว แต่มือของเขายังไพล่หลัง เขาไม่เคลื่อนไหวราวกับเขากําลังรอบางสิ่ง

วินาทีถัดมา วังสวรรค์พลันเกิดการสั่นสะเทือน เสียงลมดังขึ้น

ราชันมังกร เทพธิดาจื่อเว่ย และเฒ่าเจิ้งหยวนไม่แปลกใจ พวกเขากระทั่งเผยรอยยิ้มบางขึ้นบนใบหน้า

“ท่าไม้ตายอมตะที่เทพอมตะแรกกําเนิดทิ้งไว้ทํางานแล้ว!”

ภายในแท่นบูชาแห่งโชค ผู้อมตะของถ้ําสวรรค์นิรันดรไม่แปลกใจเช่นกัน

เทพอมตะตะวันเดือดทิ้งข้อมูลนี้ไว้เบื้องหลัง ในความเป็นจริงแม้พวกเขาจะไม่มีข้อมูลของเทพอมตะตะวันเดือด ถ้ําสวรรค์นิรันดรก็ยังมีมรดกที่แท้จริงบางส่วนของเทพปีศาจคลั่งและเทพปีศาจไร้ขอบเขต ทั้งสองต่างเป็นคนเหนือ ข้อมูลการโจมตีวังสวรรค์ของพวกเขาอยู่ในมือสวรรค์นิรันดร

“นี่คือท่าไม้ตายอมตะกําแพงปราณ?”

“เทพอมตะแรกกําเนิดเชี่ยวชาญเส้นทางแห่งพลังปราณตั้งแต่ยังเยาว์”

“เมื่อเขากลายเป็นผู้อมตะระดับเก้า ท่าไม้ตายอมตะกําแพงปราณก็ถูกพัฒนาเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าเช่นกัน”

กลุ่มผู้อมตะของถ้ําสวรรค์นิรันดรพูดคุยและเริ่มใช้แท่นบูชาแห่งโชคโจมตีบริเวณรอบๆ

อากาศรอบๆเกิดระลอกคลื่นขึ้นก่อนจะกลับสู่สภาพปกติ

ผู้อมตะของถ้ําสวรรค์นิรันดรตกใจ

“สมกับเป็นท่าไม้ตายอมตะของเทพอมตะแรกกําเนิด!”

“ท่าไม้ตายอมตะกําแพงปราณระดับเก้าของเทพอมตะแรกกําเนิดกระทั่งแข็งแกร่งกว่ากําแพงปราณสวรรค์!”

“เราจะทําอย่างไร?” ปรมาจารย์ห้าธาตุแสดงออกด้วยความกังวล เขาพึ่งเข้าร่วมกับถ้ําสวรรค์นิรันดรและพึ่งรู้เรื่องการบุกโจมตีวังสวรรค์เมื่อไม่กี่วันก่อน

หากถ้ําสวรรค์นิรันดรต้องทําลายกําแพงปราณทั้งหมดที่กีดขวางอยู่บนเส้นทาง พวกเขาจะเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล พวกเขาจะไปไม่ถึงตัวราชันมังกรก่อนที่พลังงานอมตะของพวกเขาจะเหือดแห้ง

แต่มันยากเกินไปที่จะคลี่คลายท่าไม้ตายนี้

ประการแรก มันเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า มีเพียงวิธีในระดับใกล้เคียงกันเท่านั้นที่สามารถใช้งาน

ประการที่สอง ในยุคปัจจุบันเส้นทางแห่งพลังปราณแทบสูญสิ้นไปแล้ว ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณมีน้อยมาก

แล้วพวกเขาจะทําอย่างไร?

“อย่ากังวล เรามีวิธี!”

“แม้มันจะเป็นท่าไม้ตายอมตะที่สร้างขึ้นโดยเทพอมตะแรกกําเนิด แต่หลังจากผ่านวันเวลามานานหลายปี โดยเฉพาะหลังจากการบุกโจมตีของสามเทพปีศาจ ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”

“เทพปีศาจทั้งสามสร้างเส้นทางของตนเอง บนเส้นทางทั้งสามสาย พลังอํานาจของกําแพงปราณจะอ่อนแอที่สุดและไม่สามารถสร้างใหม่ ตราบเท่าที่เราทําลายพื้นที่เล็กๆ เราจะสามารถเข้าสู่หนึ่งในสามเส้นทาง!”

ปรมาจารย์ห้าธาตุถอนหายใจ “เป็นเช่นนั้น แล้วเราจะเลือกเส้นทางใด?”

ในเวลาเดียวกันราชันมังกรกล่าวกับเทพธิดาจื่อเว่ย “แม้กําแพงปราณจะแข็งแกร่ง แต่มันถูกเปิดเผยมานานแล้ว ตั้งแต่ถ้ําสวรรค์นิรันดรตัดสินใจบุกโจมตี พวกเขาย่อมตระหนักถึงจุดอ่อนของมัน พวกเขาจะใช้เส้นทางที่เทพปีศาจสร้างขึ้น”

เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้า “เส้นทางด้านซ้ายถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจไร้ขอบเขต มันผ่านประตูสวรรค์กลาง วังสุริยัน วิหารเทพทั้งห้า วิหารกลาง หอคอยดวงตาสวรรค์ ทะเลสาบเต๋าที่ถูกลืม สุดท้ายมันหยุดอยู่บนยอดเขากลุ่มดาว”

“เส้นทางสายกลางถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจคลั่ง มันผ่านวิหารจักรพรรดิอมตะ วิหารห้วงมิติถ้ําทรายนิรันดร์ วิหารล้านราชันสวรรค์ หอเย็บปักถักร้อย วิหารกลาง และสิ้นสุดที่หอคอยดวงตาสวรรค์”

“เส้นทางด้านขวาถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจบัวแดง มันผ่านสระบัวเทพธิดา วิหารแสงจันทร์ วิหารสิบสองจิตวิญญาณ ศาลเพลิงระเบิด วิหารพฤกษาวารี วิหารกลาง และหอคอยดวงตาสวรรค์”

“ตราบเท่าที่พวกเขาเลือก เราจะรู้เส้นทางของพวกเขาและสามารถจัดตั้งแนวป้องกัน”

ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยส่องประกายด้วยความเฉลียวฉลาด

“ถูกต้อง” ราชันมังกรไม่คัดค้าน

“บีม บีม บีม”

แท่นบูชาแห่งโชคโจมตีจุดอ่อนของกําแพงปราณและเคลื่อนที่ไปข้างหน้า

ผู้อมตะวังสวรรค์รู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มสูงขึ้น

เทพธิดาจื่อเว่ยและราชันมังกรมองหน้ากัน “พวกเขาเลือกทางซ้าย!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท