เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1708 สมรภูมิเมืองจักรพรรดิ

บทที่ 1708 สมรภูมิเมืองจักรพรรดิ

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1708 สมรภูมิเมืองจักรพรรดิ

ภาคกลาง เมืองจักรพรรดิ

“นี่คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ท่านอาจารย์เคยกล่าวถึงงั้นหรือ?” เย่ฟานมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความตกใจ

ผู้ใช้วิญญาณคนอื่นๆก็เช่นกัน

“คฤหาสน์วิญญาณอมตะเหล่านี้เป็นรากฐานของกองกําลังใหญ่ แต่ผู้ใดจะคิดว่าพวกมันจะมีมากมายเช่นนี้ ข้าเกรงว่าหลังจากกําแพงภูมิภาคหายไป มันจะเกิดสงครามใหญ่” เย่ฟานเข้าใจในที่สุด

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงสายหนึ่งดังขึ้นจากด้านข้าง “พี่เย่ ในที่สุดเราก็มาถึงรอบตัดสิน!”

เย่ฟานเผยรอยยิ้มและคิด “ท่านอาจารย์สั่งให้ข้าเข้าร่วมการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมครั้งนี้ ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้พบคนที่มีความสามารถเช่นนี้ แม้ข้าจะแพ้ในการแข่งขัน มันก็ยังเป็นประสบการณ์ที่ดี สามารถพบพี่น้องร่วมสาบานถือเป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า!”

มิตรภาพมักเกิดขึ้นหลังการต่อสู้ หงอี้และเย่ฟานได้รับชัยชนะในสองสามรอบก่อนหน้า พวกเขากลายเป็นคนคุ้นเคยโดยธรรมชาติ

หลังจากพูดคุย ทั้งสองเริ่มสนิทสนม หลังจากแข่งขันดื่มสุรา พวกเขาตัดสินใจเป็นพี่น้องร่วมสาบาน

หงอี้กล่าวต่อ “การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก อน ปล่อยให้ผู้อมตะต่อสู้กันบนท้องฟ้า เรามีหน้าที่ที่เราต้องทํา”

“ข้าเข้าใจแล้ว” เย่ฟานตระหนักถึงเจตนาของหงอี้ เขาต้องให้ความสําคัญกับการแข่งขันรอบสุดท้าย

นอกเมืองจักรพรรดิ์ คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลายหลังของภาคกลางกระจายตัวอยู่รอบๆ และสร้างแนวป้องกันสามชั้น

นอกแนวป้องกันมีผู้อมตะระดับแปดของทะเลทรายตะวันตกและคฤหาสน์วิญญาณอม ตะของพวกเขา

ถัดออกไปเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะไร้นามของฟางหยวน

เดิมที่ฟางหยวนต้องการปรากฏตัว แต่หลังจากผู้อมตะระดับแปดของทะเลทรายตะวันตกปรากฏตัว เขาจึงตัดสินใจซ่อนตัวต่อไป

คฤหาสน์วิญญาณอมตะและผู้อมตะระดับแปดของทะเลทรายตะวันตกเคลื่อนที่ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ มันสร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับผู้อมตะภาคกลาง

กระทั่งหลี่ฮวงยังรู้สึกถึงแรงกดดัน

แม้เขาจะเต็มไปด้วยประสบการณ์แต่เขาก็ไม่เคยเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งใหญ่เช่นนี้มาก่อนผู้อมตะเป็นตัวตนที่หายากแต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะยิ่งหายากกว่า

โดยทั่วไปมีเพียงกองกําลังใหญ่เท่านั้นที่สามารถครอบครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ในการใช้งานพวกมัน พวกเขาต้องพึ่งพอาผู้อมตะจํานวนมาก นอกจากนั้นในสถานการณ์สําคัญพวกเขายังต้องใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดเป็นอย่างน้อย

ผู้อมตะระดับแปดมักเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของกองกําลังใหญ่ กองกําลังทั่วไปมีเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด ดังนั้นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดจึงเป็นสิ่งสําคัญที่จะช่วยรักษาเสถียรภาพให้กับพวกเขา

อย่างไรก็ตามแม้คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดจะสามารถปลดปล่อยพลังอํานาจระดับ แปดแต่พวกมันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับแปดที่แท้จริง

คฤหาสน์วิญญาณอมตะที่อยู่ที่นี่อย่างน้อยก็เป็นเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปด

อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นการต่อสู้ของผู้อมตะระดับแปดมากกว่าสิบคน

ทั้งสองฝ่ายรู้สึกกดดันและประหม่า

แต่นี่เป็นการต่อสู้ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยง!

บรรยากาศกลายเป็นหนักหน่วง เมื่อระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายลดลงจนถึงระดับหนึ่ง คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังหนึ่งของภาคกลางก็เริ่มเปิดฉากโจมตี

มันเป็นศาลาขนาดเล็กที่วิจิตรงดงาม มีกรงนกจํานวนนับไม่ถ้วนแขวนอยู่รอบๆ

มันเป็นหนึ่งในห้าคฤหาสน์วิญญาณอมตะของนิกายบัวสวรรค์ คฤหาสน์วิญญาณอมตะศาลานกขมิ้น

กรงจํานวนมากเปิดออกและอนุญาตให้วิหคเพลิงบินออกไป

ร่างของวิหคเพลิงขยายใหญ่ขึ้นราวกับรถม้า นี่คือสัตว์อสูรบรรพกาล วิหคเพลิงลาวา!

“ระวัง วิหคเหล่านี้สามารถระเบิดตัวเอง พวกมันมีพลังมหาศาล!” ผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกบางคนแจ้งเตือน

“สัตว์อสูรบรรพกาลบนเส้นทางแห่งไฟ ฮ่าฮ่าฮ่า ให้เรารับมือพวกมัน” เสียงหัวเราะดังขึ้นจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับกังหันลม

จากนั้นแสงสีแดงก็พุ่งออกจากกังหันลมและรัดพันฝูงวิหคเพลิงลาวาเอาไว้

ฝูงวิหคเพลิงลาวากรีดร้องและพยายามดิ้นรน แต่วิหคเพลิงลาวาส่วนใหญ่ถูกบังคับให้ระเบิดตัวเอง บางส่วนกลายเป็นลาวาและถูกกลืนกินเข้าไปโดยแสงสีแดง

“มันเป็นคฤหาสน์วิญญาณใด?” ผู้อมตะภาคกลางตกตะลึงเมื่อเห็นวิหคเพลิงลาวาถูกกําหราบอย่างง่ายดาย

กลุ่มผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน กระทั่งผู้อมตะระดับแปดบางคนก็ไม่รู้จักคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้

“โอ้ มันคือกงล้อแม่น้ําแดงของตระกูลตง” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

ในชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้แสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลตง

ตระกูลตงเก็บมันไว้เป็นความลับและได้รับประโยชน์มากมายจากมัน ด้วยการกลืนกินวิหคเพลิงลาวา คฤหาสน์วิญญาณอมตะกงล้อแม่น้ําแดงยิ่งแข็งแกร่งขึ้นโดยเฉพาะในแง่ของความเร็ว

“ร่วมมือกัน!” ผู้อมตะตระกูลฟางตะโกนขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะกรงสัตว์อสูรจะปล่อยสัตว์อสูรบรรพกาลจํานวนมากออกมา

ฟางหยวนรู้จักคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ เขาเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับมันที่ทะเลทรายตะวันออกในศึกแย่งชิงคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทุกหลังมีความสามารถครอบคลุมในทุกด้าน แต่พวกมันจะมีเอกลักษณ์พิเศษของตนเอง

กรงสัตว์อสูรและศาลานกขมิ้นเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งทาสที่สามารถกักขังและปล่อยสัตว์อสูรออกมาได้เช่นเดียวกัน

แนวป้องกันชั้นนอกสุดของภาคกลางปลดปล่อยท่าไม้ตายทุกประเภทออกมาเพื่อกําจัดสัตว์อสูร

แต่ฝ่ายทะเลทรายตะวันตกก็โจมตีกลับเช่นกัน

คฤหาสน์วิญญาณอมตะบางหลังพุ่งชนกัน บางหลังปลดปล่อยท่าไม้ตายที่ทรงพลังออกมา และสร้างเป็นฉากที่สับสนวุ่นวาย

การโจมตีของฝ่ายทะเลทรายตะวันตกรุนแรงมาก ในไม่ช้าแนวป้องกันชั้นแรกของภาคกลางก็ถูกทําลาย แนวป้องกันชั้นที่สองเกือบแตกสลายเช่นกัน มันแทบไม่สามารถต่อต้านได้อีกต่อไป

“ทะเลทรายตะวันตกมีกําลังคนและคฤหาสน์วิญญาณอมตะน้อยกว่าภาคกลางแต่พวกเขามีความมุ่งมั่น”

ทะเลทรายตะวันตกแตกต่างจากภาคใต้ ภาคเหนือ และทะเลตะวันออก

ภาคใต้สามารถก่อตั้งกองกําลังพันธมิตรและทํางานร่วมกันอย่างใกล้ชิด หอคอยดวง ประทีปเป็นข้อพิสูจน์ความร่วมมือของพวกเขา

ภาคเหนือมีถ้ําสวรรค์นิรันดรเป็นผู้นํา ในช่วงเวลาที่ผ่านมาพวกเขาสามารถรวบรวมผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะจํานวนมาก

ผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกสูญเสียใบหน้าเนื่องจากราชันมังกรฉกชิงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดวังมังกรไปจากบ้านของพวกเขา เหตุการณ์นี้ทําให้พวกเขาสามารถสร้างความร่วมมือ

สําหรับทะเลทรายตะวันตก แม้พวกเขาจะรู้ปัญหาและตระหนักถึงภัยคุกคามของวังส วรรค์ แต่มีเพียงไม่กี่กองกําลังที่เข้าร่วมในสงครามครั้งนี้ ฟางหยวนยังไม่เห็นผู้บ่มเพาะสันโดษ หรือปีศาจอมตะของทะเลทรายตะวันตกปรากฏตัว

‘กองกําลังต่างๆของทะเลทรายตะวันตกเก็บความแข็งแกร่งส่วนใหญ่เอาไว้’

;ตระกูลฟางคือกองกําลังที่นํากําลังรบออกมามากที่สุด;

“พวกเขานํากรงสัตว์อสูร อู่เรือพิพากษา และหอดอกไม้ร่วงโรยออกมา แต่ข้าสงสัยว่าวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้รับการซ่อมแซมหรือยัง? พวกเขานํามันมาด้วยหรือไม่?”

ฟางหยวนครุ่นคิด

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด หากพวกเขานํามันมาด้วย นี่จะเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตามฟางหยวนรู้ว่ามีความน่าจะเป็นค่อนข้างต่ํา แม้ตระกูลฟางจะสามารถยึดครองวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ แต่พวกเขาอาจจะทิ้งมันไว้ที่ฐานทัพ

ในสงครามครั้งนี้แม้ทะเลทรายตะวันตกและทะลตะวันออกจะระดมกําลังออกมา แต่พวกเขายังทิ้งกําลังรบส่วนใหญ่ไว้ที่ฐานทัพของตนเอง

“พวกเจ้าไปทางนี้” ฟางหยวนออกคําสั่งกลุ่มของไป่หนิงปิง

ไป่หนิงปิงและคนอื่นๆบังคับคฤหาสน์วิญญาณอมตะให้เคลื่อนที่ไปตามคําแนะนําของฟางหยวน พวกเขาผ่านแนวป้องกันที่สองและมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองจักรพรรดิภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของทุกคน

แต่เมืองจักรพรรดิได้รับการปกป้องโดยแนวป้องกันที่สามของภาคกลาง

คฤหาสน์วิญญาณอมตะสองหลังพุ่งเข้ามาหาคฤหาสน์วิญญาณอมตะไร้นามของไป่หนิงปิงจากด้านซ้ายและขวา

วังขนาดใหญ่อยู่ด้านซ้าย มันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะของนิกายบัวสวรรค์ วังเย่หยาง

คฤหาสน์ที่งดงามอยู่ด้านขวา มันปลดปล่อยเสียงคํารามของมังกรออกมาเป็นครั้ง คราว นี่คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะของนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล คฤหาสน์มังกรน้ําแข็ง

ไป่หนิงปิงและคนอื่นๆใช้ท่าไม้ตายอมตะของคฤหาสน์วิญญาณอมตะไร้นาม แต่การโจมตีของมันถูกทําลายลงอย่างง่ายดายขณะที่วังเย่หยางและคฤหาสน์มังกรน้ําแข็งพุ่งเข้าไปหาคฤหาสน์วิญญาณอมตะไร้นามอย่างต่อเนื่อง

ไป่หนิงปิงและคนอื่นๆรู้ว่าคฤหาสน์วิญญาณอมตะไร้นามของพวกนางด้อยกว่า ดังนั้นพวกนางจึงต้องล่าถอย

“พวกเจ้าจะไปที่ใด?” ผู้อมตะระดับแปดของทะเลทรายตะวันตกตะโกน หากกลุ่มของไป่หนิงปิงล่าถอย มันจะเกิดช่องว่าง โอกาสที่พวกเขาพยายามสร้างขึ้นจะหายไป

“ถอย!” ฟางหยวนออกคําสั่งอย่างตรงไปตรงมา

คฤหาสน์วิญญาณอมตะไร้นามหลังนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคฤหาสน์มังกรน้ําแข็งและวังเย่หยาง ฟางหยวนต้องการเก็บคฤหาสน์วิญญาณอมตะไร้นามเอาไว้ หากมันถูกทําลายตั้งแต่เริ่มต้น มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่

อย่างไรก็ตามมันไม่ง่ายที่จะล่าถอย

ในช่วงเวลาสําคัญสายลมกรรโชกแรงพัดมายังคฤหาสน์วิญญาณอมตะไร้นาม

มันคือหอคอยเจ็ดชั้น คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ด หอคอยวายุ

นี่เป็นหนึ่งในสองคฤหาสน์วิญญาณอมตะของนิกายเมฆาวายุ

คฤหาสน์วิญญาณอมตะหอคอยวายุสามารถรวมตัวกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะเมฆาล่องและกลายเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะหอคอยเมฆาวายุระดับแปด

ด้วยการสนับสนุนจากหอคอยวายุ วังเย่หยางจึงสามารถพุ่งชนคฤหาสน์วิญญาณอมตะไร้นามของฟางหยวนราวกับดาวตก

คฤหาสน์มังกรน้ําแข็งพุ่งตามเข้ามา

นั่นทําให้ส่วนหนึ่งของคฤหาสน์วิญญาณอมนะไร้นามพังทลายลง วิญญาณระดับมนุษย์จํานวนมากถูกทําลาย วิญญาณอมตะบางดวงตกตายเช่นกัน

ฟางหยวนกันเสียงเย็นและปรากฏตัวในที่สุด

ท่าไม้ตายอมตะราชันภูต!

ด้วยการใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณอย่างกะทันหัน เขาสามารถขโมยวิญญาณอมตะสา มดวงของฝ่ายตรงข้ามได้ทันที

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท