เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1708 สมรภูมิเมืองจักรพรรดิ
ภาคกลาง เมืองจักรพรรดิ
“นี่คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ท่านอาจารย์เคยกล่าวถึงงั้นหรือ?” เย่ฟานมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความตกใจ
ผู้ใช้วิญญาณคนอื่นๆก็เช่นกัน
“คฤหาสน์วิญญาณอมตะเหล่านี้เป็นรากฐานของกองกําลังใหญ่ แต่ผู้ใดจะคิดว่าพวกมันจะมีมากมายเช่นนี้ ข้าเกรงว่าหลังจากกําแพงภูมิภาคหายไป มันจะเกิดสงครามใหญ่” เย่ฟานเข้าใจในที่สุด
เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงสายหนึ่งดังขึ้นจากด้านข้าง “พี่เย่ ในที่สุดเราก็มาถึงรอบตัดสิน!”
เย่ฟานเผยรอยยิ้มและคิด “ท่านอาจารย์สั่งให้ข้าเข้าร่วมการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมครั้งนี้ ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้พบคนที่มีความสามารถเช่นนี้ แม้ข้าจะแพ้ในการแข่งขัน มันก็ยังเป็นประสบการณ์ที่ดี สามารถพบพี่น้องร่วมสาบานถือเป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า!”
มิตรภาพมักเกิดขึ้นหลังการต่อสู้ หงอี้และเย่ฟานได้รับชัยชนะในสองสามรอบก่อนหน้า พวกเขากลายเป็นคนคุ้นเคยโดยธรรมชาติ
หลังจากพูดคุย ทั้งสองเริ่มสนิทสนม หลังจากแข่งขันดื่มสุรา พวกเขาตัดสินใจเป็นพี่น้องร่วมสาบาน
หงอี้กล่าวต่อ “การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก อน ปล่อยให้ผู้อมตะต่อสู้กันบนท้องฟ้า เรามีหน้าที่ที่เราต้องทํา”
“ข้าเข้าใจแล้ว” เย่ฟานตระหนักถึงเจตนาของหงอี้ เขาต้องให้ความสําคัญกับการแข่งขันรอบสุดท้าย
นอกเมืองจักรพรรดิ์ คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลายหลังของภาคกลางกระจายตัวอยู่รอบๆ และสร้างแนวป้องกันสามชั้น
นอกแนวป้องกันมีผู้อมตะระดับแปดของทะเลทรายตะวันตกและคฤหาสน์วิญญาณอม ตะของพวกเขา
ถัดออกไปเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะไร้นามของฟางหยวน
เดิมที่ฟางหยวนต้องการปรากฏตัว แต่หลังจากผู้อมตะระดับแปดของทะเลทรายตะวันตกปรากฏตัว เขาจึงตัดสินใจซ่อนตัวต่อไป
คฤหาสน์วิญญาณอมตะและผู้อมตะระดับแปดของทะเลทรายตะวันตกเคลื่อนที่ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ มันสร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับผู้อมตะภาคกลาง
กระทั่งหลี่ฮวงยังรู้สึกถึงแรงกดดัน
แม้เขาจะเต็มไปด้วยประสบการณ์แต่เขาก็ไม่เคยเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งใหญ่เช่นนี้มาก่อนผู้อมตะเป็นตัวตนที่หายากแต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะยิ่งหายากกว่า
โดยทั่วไปมีเพียงกองกําลังใหญ่เท่านั้นที่สามารถครอบครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ในการใช้งานพวกมัน พวกเขาต้องพึ่งพอาผู้อมตะจํานวนมาก นอกจากนั้นในสถานการณ์สําคัญพวกเขายังต้องใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดเป็นอย่างน้อย
ผู้อมตะระดับแปดมักเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของกองกําลังใหญ่ กองกําลังทั่วไปมีเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด ดังนั้นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดจึงเป็นสิ่งสําคัญที่จะช่วยรักษาเสถียรภาพให้กับพวกเขา
อย่างไรก็ตามแม้คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดจะสามารถปลดปล่อยพลังอํานาจระดับ แปดแต่พวกมันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับแปดที่แท้จริง
คฤหาสน์วิญญาณอมตะที่อยู่ที่นี่อย่างน้อยก็เป็นเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปด
อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นการต่อสู้ของผู้อมตะระดับแปดมากกว่าสิบคน
ทั้งสองฝ่ายรู้สึกกดดันและประหม่า
แต่นี่เป็นการต่อสู้ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยง!
บรรยากาศกลายเป็นหนักหน่วง เมื่อระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายลดลงจนถึงระดับหนึ่ง คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังหนึ่งของภาคกลางก็เริ่มเปิดฉากโจมตี
มันเป็นศาลาขนาดเล็กที่วิจิตรงดงาม มีกรงนกจํานวนนับไม่ถ้วนแขวนอยู่รอบๆ
มันเป็นหนึ่งในห้าคฤหาสน์วิญญาณอมตะของนิกายบัวสวรรค์ คฤหาสน์วิญญาณอมตะศาลานกขมิ้น
กรงจํานวนมากเปิดออกและอนุญาตให้วิหคเพลิงบินออกไป
ร่างของวิหคเพลิงขยายใหญ่ขึ้นราวกับรถม้า นี่คือสัตว์อสูรบรรพกาล วิหคเพลิงลาวา!
“ระวัง วิหคเหล่านี้สามารถระเบิดตัวเอง พวกมันมีพลังมหาศาล!” ผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกบางคนแจ้งเตือน
“สัตว์อสูรบรรพกาลบนเส้นทางแห่งไฟ ฮ่าฮ่าฮ่า ให้เรารับมือพวกมัน” เสียงหัวเราะดังขึ้นจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับกังหันลม
จากนั้นแสงสีแดงก็พุ่งออกจากกังหันลมและรัดพันฝูงวิหคเพลิงลาวาเอาไว้
ฝูงวิหคเพลิงลาวากรีดร้องและพยายามดิ้นรน แต่วิหคเพลิงลาวาส่วนใหญ่ถูกบังคับให้ระเบิดตัวเอง บางส่วนกลายเป็นลาวาและถูกกลืนกินเข้าไปโดยแสงสีแดง
“มันเป็นคฤหาสน์วิญญาณใด?” ผู้อมตะภาคกลางตกตะลึงเมื่อเห็นวิหคเพลิงลาวาถูกกําหราบอย่างง่ายดาย
กลุ่มผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน กระทั่งผู้อมตะระดับแปดบางคนก็ไม่รู้จักคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้
“โอ้ มันคือกงล้อแม่น้ําแดงของตระกูลตง” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
ในชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้แสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลตง
ตระกูลตงเก็บมันไว้เป็นความลับและได้รับประโยชน์มากมายจากมัน ด้วยการกลืนกินวิหคเพลิงลาวา คฤหาสน์วิญญาณอมตะกงล้อแม่น้ําแดงยิ่งแข็งแกร่งขึ้นโดยเฉพาะในแง่ของความเร็ว
“ร่วมมือกัน!” ผู้อมตะตระกูลฟางตะโกนขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะกรงสัตว์อสูรจะปล่อยสัตว์อสูรบรรพกาลจํานวนมากออกมา
ฟางหยวนรู้จักคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ เขาเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับมันที่ทะเลทรายตะวันออกในศึกแย่งชิงคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
คฤหาสน์วิญญาณอมตะทุกหลังมีความสามารถครอบคลุมในทุกด้าน แต่พวกมันจะมีเอกลักษณ์พิเศษของตนเอง
กรงสัตว์อสูรและศาลานกขมิ้นเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งทาสที่สามารถกักขังและปล่อยสัตว์อสูรออกมาได้เช่นเดียวกัน
แนวป้องกันชั้นนอกสุดของภาคกลางปลดปล่อยท่าไม้ตายทุกประเภทออกมาเพื่อกําจัดสัตว์อสูร
แต่ฝ่ายทะเลทรายตะวันตกก็โจมตีกลับเช่นกัน
คฤหาสน์วิญญาณอมตะบางหลังพุ่งชนกัน บางหลังปลดปล่อยท่าไม้ตายที่ทรงพลังออกมา และสร้างเป็นฉากที่สับสนวุ่นวาย
การโจมตีของฝ่ายทะเลทรายตะวันตกรุนแรงมาก ในไม่ช้าแนวป้องกันชั้นแรกของภาคกลางก็ถูกทําลาย แนวป้องกันชั้นที่สองเกือบแตกสลายเช่นกัน มันแทบไม่สามารถต่อต้านได้อีกต่อไป
“ทะเลทรายตะวันตกมีกําลังคนและคฤหาสน์วิญญาณอมตะน้อยกว่าภาคกลางแต่พวกเขามีความมุ่งมั่น”
ทะเลทรายตะวันตกแตกต่างจากภาคใต้ ภาคเหนือ และทะเลตะวันออก
ภาคใต้สามารถก่อตั้งกองกําลังพันธมิตรและทํางานร่วมกันอย่างใกล้ชิด หอคอยดวง ประทีปเป็นข้อพิสูจน์ความร่วมมือของพวกเขา
ภาคเหนือมีถ้ําสวรรค์นิรันดรเป็นผู้นํา ในช่วงเวลาที่ผ่านมาพวกเขาสามารถรวบรวมผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะจํานวนมาก
ผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกสูญเสียใบหน้าเนื่องจากราชันมังกรฉกชิงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดวังมังกรไปจากบ้านของพวกเขา เหตุการณ์นี้ทําให้พวกเขาสามารถสร้างความร่วมมือ
สําหรับทะเลทรายตะวันตก แม้พวกเขาจะรู้ปัญหาและตระหนักถึงภัยคุกคามของวังส วรรค์ แต่มีเพียงไม่กี่กองกําลังที่เข้าร่วมในสงครามครั้งนี้ ฟางหยวนยังไม่เห็นผู้บ่มเพาะสันโดษ หรือปีศาจอมตะของทะเลทรายตะวันตกปรากฏตัว
‘กองกําลังต่างๆของทะเลทรายตะวันตกเก็บความแข็งแกร่งส่วนใหญ่เอาไว้’
;ตระกูลฟางคือกองกําลังที่นํากําลังรบออกมามากที่สุด;
“พวกเขานํากรงสัตว์อสูร อู่เรือพิพากษา และหอดอกไม้ร่วงโรยออกมา แต่ข้าสงสัยว่าวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้รับการซ่อมแซมหรือยัง? พวกเขานํามันมาด้วยหรือไม่?”
ฟางหยวนครุ่นคิด
วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด หากพวกเขานํามันมาด้วย นี่จะเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจ
อย่างไรก็ตามฟางหยวนรู้ว่ามีความน่าจะเป็นค่อนข้างต่ํา แม้ตระกูลฟางจะสามารถยึดครองวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ แต่พวกเขาอาจจะทิ้งมันไว้ที่ฐานทัพ
ในสงครามครั้งนี้แม้ทะเลทรายตะวันตกและทะลตะวันออกจะระดมกําลังออกมา แต่พวกเขายังทิ้งกําลังรบส่วนใหญ่ไว้ที่ฐานทัพของตนเอง
“พวกเจ้าไปทางนี้” ฟางหยวนออกคําสั่งกลุ่มของไป่หนิงปิง
ไป่หนิงปิงและคนอื่นๆบังคับคฤหาสน์วิญญาณอมตะให้เคลื่อนที่ไปตามคําแนะนําของฟางหยวน พวกเขาผ่านแนวป้องกันที่สองและมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองจักรพรรดิภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของทุกคน
แต่เมืองจักรพรรดิได้รับการปกป้องโดยแนวป้องกันที่สามของภาคกลาง
คฤหาสน์วิญญาณอมตะสองหลังพุ่งเข้ามาหาคฤหาสน์วิญญาณอมตะไร้นามของไป่หนิงปิงจากด้านซ้ายและขวา
วังขนาดใหญ่อยู่ด้านซ้าย มันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะของนิกายบัวสวรรค์ วังเย่หยาง
คฤหาสน์ที่งดงามอยู่ด้านขวา มันปลดปล่อยเสียงคํารามของมังกรออกมาเป็นครั้ง คราว นี่คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะของนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล คฤหาสน์มังกรน้ําแข็ง
ไป่หนิงปิงและคนอื่นๆใช้ท่าไม้ตายอมตะของคฤหาสน์วิญญาณอมตะไร้นาม แต่การโจมตีของมันถูกทําลายลงอย่างง่ายดายขณะที่วังเย่หยางและคฤหาสน์มังกรน้ําแข็งพุ่งเข้าไปหาคฤหาสน์วิญญาณอมตะไร้นามอย่างต่อเนื่อง
ไป่หนิงปิงและคนอื่นๆรู้ว่าคฤหาสน์วิญญาณอมตะไร้นามของพวกนางด้อยกว่า ดังนั้นพวกนางจึงต้องล่าถอย
“พวกเจ้าจะไปที่ใด?” ผู้อมตะระดับแปดของทะเลทรายตะวันตกตะโกน หากกลุ่มของไป่หนิงปิงล่าถอย มันจะเกิดช่องว่าง โอกาสที่พวกเขาพยายามสร้างขึ้นจะหายไป
“ถอย!” ฟางหยวนออกคําสั่งอย่างตรงไปตรงมา
คฤหาสน์วิญญาณอมตะไร้นามหลังนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคฤหาสน์มังกรน้ําแข็งและวังเย่หยาง ฟางหยวนต้องการเก็บคฤหาสน์วิญญาณอมตะไร้นามเอาไว้ หากมันถูกทําลายตั้งแต่เริ่มต้น มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
อย่างไรก็ตามมันไม่ง่ายที่จะล่าถอย
ในช่วงเวลาสําคัญสายลมกรรโชกแรงพัดมายังคฤหาสน์วิญญาณอมตะไร้นาม
มันคือหอคอยเจ็ดชั้น คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ด หอคอยวายุ
นี่เป็นหนึ่งในสองคฤหาสน์วิญญาณอมตะของนิกายเมฆาวายุ
คฤหาสน์วิญญาณอมตะหอคอยวายุสามารถรวมตัวกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะเมฆาล่องและกลายเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะหอคอยเมฆาวายุระดับแปด
ด้วยการสนับสนุนจากหอคอยวายุ วังเย่หยางจึงสามารถพุ่งชนคฤหาสน์วิญญาณอมตะไร้นามของฟางหยวนราวกับดาวตก
คฤหาสน์มังกรน้ําแข็งพุ่งตามเข้ามา
นั่นทําให้ส่วนหนึ่งของคฤหาสน์วิญญาณอมนะไร้นามพังทลายลง วิญญาณระดับมนุษย์จํานวนมากถูกทําลาย วิญญาณอมตะบางดวงตกตายเช่นกัน
ฟางหยวนกันเสียงเย็นและปรากฏตัวในที่สุด
ท่าไม้ตายอมตะราชันภูต!
ด้วยการใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณอย่างกะทันหัน เขาสามารถขโมยวิญญาณอมตะสา มดวงของฝ่ายตรงข้ามได้ทันที