เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1715 การตอบโต้ของวังสวรรค์

บทที่ 1715 การตอบโต้ของวังสวรรค์

บทที่ 1715 การตอบโต้ของวังสวรรค์

การแสดงออกของเทพธิดาจื่อเว่ยกลายเป็นมืดครื้ม

วิหารกลางถูกทําลายไปแล้ว ตอนนี้นางต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการระดมกําลังรบ

แต่ในการต่อสู้ที่ดุเดือด ทุกลมหายใจมีค่ามาก

วิหารกลางกลายเป็นซากปรักหักพัง สิ่งที่อยู่ด้านหน้าของแท่นบูชาแห่งโชคคือหอคอยสูง

“หอคอยดวงตาสวรรค์!” ภายในแท่นบูชาแห่งโชค ดวงตาของปิงช่ายฉวนกลายเป็นเร้าร้อน

หอคอยดวงตาสวรรค์เป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ตอนนี้มันอยู่ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

“วิญญาณชะตากรรมอยู่ที่ชั้นบนสุดของหอคอยดวงตาสวรรค์ มันกําลังถูกซ่อมแซมโดยค่ายกลวิญญาณอมตะ!” ปิงช่ายฉวนขมวดคิ้ว

การป้องกันของวังสวรรค์หนาแน่นมาก หอคอยดวงตาสวรรค์ถือเป็นแนวป้องกันสุดท้าย

การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมยังไม่เสร็จสิ้น มันยังเหลือรอบชิงชนะเลิศ เนื่อง จากผู้ใช้วิญญาณมากมายล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณ นั่นทําให้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า ความสําเร็จจํานวนมากถือกําเนิดขึ้นในแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ

วังสวรรค์ต้องการใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า ความสําเร็จเหล่านี้เพื่อฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม

“เราไม่สามารถทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมนี้ได้โดยตรง มิฉะนั้นวิญญาณชะตากรรมอาจได้รับบาดเจ็บร้ายแรง เราต้องจับมัน!” ปิงช่ายฉวนคิดก่อนจะออกคําสั่งปรมาจารย์ห้าธาตุและปีศาจกระทิง

ปีศาจกระทิงรับคําสั่งทันทีขณะที่ปรมาจารย์ห้าธาตุรู้สึกลังเล “ท่านปิงช่ายฉวน มันอาจมีปัญหาเล็กน้อย แม้เราจะมีโอกาสฉกชิงวิญญาณชะตากรรม แต่มันยังไม่ได้รับการซ่อมแซม แล้วเราจะทําอย่างไร?”

นี่เป็นปัญหาแน่นอน

วังสวรรค์มีวิธีฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม พวกเขาอาศัยท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางมนุษย์ การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม และร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าความสําเร็จ

แต่ถ้ําสวรรค์นิรันดรไม่มีวิธีการดังกล่าว

ปิงช่ายฉวนมองปรมาจารย์ห้าธาตุ เขาตอบคําถามโดยไม่ปิดบัง “เราต้องการวิญญาณชะตากรรมในสภาพปัจจุบัน วังสวรรค์ฟื้นฟูมันมานานแล้ว ตอนนี้มันเกือบหายดีแล้ว นี่คือวิญญาณชะตากรรมที่เราต้องการ”

“ไม่มีผู้ใดสามารถใช้งานวิญญาณชะตากรรมในสภาพสมบูรณ์แบบ แม้วังสวรรค์จะสามารถใช้มันผ่านหอคอยดวงตาสวรรค์เพื่อเฝ้าดูชะตากรรมของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด แต่ไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมวิญญาณชะตากรรมได้อย่างแท้จริง”

ปรมาจารย์ห้าธาตุเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ในกรณีนี้จุดประสงค์ของการฉกชิงวิญญาณชะตากรรมที่ไม่สมบูรณ์ของเราคือ?”

ปิงช่ายฉวนเผยรอยยิ้มบาง “มีเพียงเจตจํานงสวรรค์ที่สามารถควบคุมวิญญาณชะตา กรรม แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่สามารถใช้งานมัน”

“หอคอยดวงตาสวรรค์เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากวิญญาณชะตากรรม แม้มันจะเป็นการใช้งานเพียงเล็กน้อยก็ตาม”

“นอกจากนี้หอคอยดวงตาสวรรค์ยังมีวิธีอื่น นั่นคือใช้วิญญาณชะตากรรมและวิญญาณอมตะ บนเส้นทางแห่งโชคเป็นวัสดุในการหลอมรวมเพื่อสร้างวิญญาณพรหมลิขิต!”

“วิญญาณพรหมลิขิต?” รูม่านตาของปรมาจารย์ห้าธาตุหดเล็กลง

ปิงช่ายฉวนยิ้ม “นั่นคือเหตุผลที่วังสวรรค์บุกภาคเหนือและพยายามฉกชิงวิญญาณอมตะ โชคชะตาท้าทายสวรรค์”

“เป็นเช่นนี้” ปรมาจารย์ห้าธาตุเข้าใจในที่สุด

ปิงช่ายฉวนกล่าวต่อ “แต่พวกเขาไม่รู้ว่าวิญญาณพรหมลิขิตถูกคิดค้นขึ้นโดยเทพอมตะตะวันเดือด วังสวรรค์ต้องการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิตระดับสิบในครั้งเดียว พวกเขาทะเยอทะยานเกินไป แต่เราแตกต่างจากพวกเขา เราต้องการเพียงวิญญาณพรหมลิขิตระดับเก้า ดังนั้น วิญญาณชะตากรรมที่เราต้องการคือวิญญาณชะตากรรมที่ไม่สมบูรณ์”

“ตราบเท่าที่เรามีวิญญาณพรหมลิขิตระดับเก้า ถ้ําสวรรค์นิรันดรของข้าจะสามารถแข่งขันกับวังสวรรค์ ในยุคที่ยิ่งใหญ่เราจะเข้าแทนที่วังสวรรค์ เราจะครอบครองห้าภูมิภาค เราจะกลายเป็นผู้ปกครองสูงสุดของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกใบนี้!”

ปรมาจารย์ห้าธาตุตกตะลึงกับความทะเยอทะยานของถ้ําสวรรค์นิรันดร แต่เขายังรู้สึกชื่นชมต่อแผนการของเทพอมตะตะวันเดือด “ดังนั้นเทพอมตะตะวันเดือดก็วางแผนบุกโจมตีวังสวรรค์มานานแล้ว ขณะที่ถ้ําสวรรค์นิรันดรใช้การจัดเตรียมทั้งหมดในวันนี้!”

เมื่อได้ยินคําอธิบายของปิงช่ายฉวน ปรมาจารย์ห้าธาตุก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาบินไปยังค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมพร้อมกับปีศาจกระทิง

พวกเขาต้องขึ้นไปบนยอดหอคอยดวงตาสวรรค์เพื่อยึดครองวิญญาณชะตากรรม

“พวกเขาเข้าไปแล้ว!” เฒ่าเจิ้งหยวนมองจากระยะไกลด้วยความวิตกกังวล

เทพธิดาจ่อเว่ยกล่าว “ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเราถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ มันถูกดัดแปลงมาจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะหม้อหลอมรวม นอกจากนั้นยังมีหยวนเชียงตูและผู้อมตะระดับแปดอีกสองคนอยู่ภายใน

หยวนเชียงตูเป็นผู้รับผิดชอบในการซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรมโดยมีผู้อมตะระดับแปดสองคนช่วยสนับสนุนและปกป้อง

เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวต่อ “เนื่องจากถ้ําสวรรค์นิรันดรส่งคนออกมา เป้าหมายของพวกเขาต้องเป็นการฉกชิงวิญญาณชะตากรรม พวกเขาจะไม่ทําลายมัน หลังจากทั้งหมดมีเพียงปีศาจต่างโลกเท่านั้นที่สามารถทําลายวิญญาณชะตากรรม ตอนนี้ฟางหยวนยังอยู่ที่เมืองจักรพรรดิ เรายังมีเวลา”

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เทพธิดาจื่อเว่ยจึงไม่เข้าร่วมในการต่อสู้ นางคุ้มครองเฒ่าเจิ้งหยวนและพาเขาไปหลบในสถานที่ปลอดภัย

เฒ่าเจิ้งหยวนเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด เขาไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ แต่เขาเป็นคําสําคัญ เขาเป็นกุญแจที่จะเปิดใช้วิธีการบนเส้นทางมนุษย์ของเทพอมตะแรกกําเนิด

หลังจากแน่ใจว่าเฒ่าเจิ้งหยวนปลอดภัยแล้ว เทพธิดาจอเว่ยจึงย้อนกลับมายังสนามรบ

แท่นบูชาแห่งโชคลอยอยู่กลางอากาศและปิดทางเข้าออกของค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม ปีศาจกระทิงและปรมาจารย์ห้าธาตุเริ่มต่อสู้กับสองผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์

เทพธิดาจื่อเว่ยส่งพายุดาวตกไปยังแท่นบูชาแห่งโชค

นี่เป็นการโจมตีที่ไม่ธรรมดา ด้วยการสนับสนุนจากกระดานหมากรุกกลุ่มดาว แท่นบูชาแห่งโชคจึงไม่สามารถเพิกเฉยต่อมัน

ปิงช่ายฉวนควบคุมแท่นบูชาแห่งโชคต่อต้านเทพธิดาจอเว่ย

กระดานหมากรุกกลุ่มดาวเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะ กลุ่มดาวขณะที่แท่นบูชาแห่งโชคเป็นคฤหาสน์วิญญณอมตะระดับแปดที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะตะวันเดือด

การต่อสู้ระหว่างคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสองหลัง ไม่ต่างจากการต่อสู้ระหว่างเทพอมตะตะวันเดือดและเทพอมตะกลุ่มดาว

การต่อสู้ที่รุนแรงปะทุขึ้นทันที

โชคดีที่วังสวรรค์ได้รับการปกป้องโดยวิธีการมากมายของเทพอมตะในอดีต ดังนั้นมันจึงไม่ถูกทําลายโดยตรง

การต่อสู้ดําเนินต่อไป เทพธิดาจื่อเว่ยหอบหายใจอย่างหนักหน่วง

แม้นางจะมีกระดานหมากรุกกลุ่มดาว แต่มันมีขนาดเล็กและสามารถถือได้ด้วยมือข้าง เดียว ในทางตรงข้าม แท่นบูชาแห่งโชคมีขนาดใหญ่โตและสามารถป้องกันการโจมตีทั้งหมด

เทพธิดาจอเว่ยต้องการช่วยราชันมังกร แต่นางไม่สามารถทําลายโซ่สีเงินที่พันธนาการเขาเอาไว้

“บัดซบ!” ราชันมังกรกัดฟันแน่น เขาพยายามดิ้นรนแต่ยังไร้ประโยชน์

“ข้าจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้!” เทพธิดาจ่อเว่ยรู้สึกหนักใจ นางต่อสู้มานานแต่ยังไม่สามารถช่วยหยวนเชียง

แม้ถ้ําสวรรค์นิรันดรจะไม่ได้นําคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมามากมาย แต่ผู้อมตะของพวกเขาล้วนเป็นตัวตนชั้นสูง

เมื่อเทพธิดาอเว่ยรู้สึกหมดหนทาง วังสวรรค์ก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้น

“มันคือสุสานอมตะ!” เทพธิดาจื่อเว่ยมีความสุขมาก

สุสานอมตะเต็มไปด้วยผู้อมตะระดับแปดจํานวนนับไม่ถ้วน กระทั่งเทพธิดาจื่อเว่ยก็ไม่รู้ว่ามีผู้ใดจําศีลอยู่บ้าง

ในช่วงเวลาวิกฤต บางคนตื่นขึ้นจากการจําศีล

“พวกเจ้ากล้าโจมตีวังสวรรค์ของข้า รนหาที่ตาย!” เสียงสายหนึ่งดังขึ้น ผู้อมตะกล้ามโตบินมาจากสุสานอมตะด้วยความเร็วสูง

วินาทีต่อมาแท่นบูชาแห่งโชคก็ร่วงหล่นลงสู่พื้นราวกับภูเขาถล่มทลาย

หมีดําที่มีร่างกายใหญ่โตกว่าแท่นบูชาแห่งโชคยืนอยู่ด้านหน้าแท่นบูชาแห่งโชค

ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยส่องประกายขึ้น “นี่คือผู้อาวุโสเจิ้งเฟยซ่ง ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนปลงที่ยิ่งใหญ่ของวังสวรรค์ เขามีความเชี่ยวชาญในการเปลี่ยนร่างเป็นหมี เขามีพละกําลังที่สามารถยกภูเขาเคลื่อนปฐพี”

“รุ่นน้องช่างไร้ประโยชน์นัก พวกเจ้าปล่อยให้คนนอกโจมตีวังสวรรค์จริงๆ คือวิหารกลางถูกทําลายงั้นหรือ?” เสียงอีกสายดังตามมา

ผู้อมตะเฆ่าปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า

เขามีใบหน้าซีดขาว ร่างกายผอมบาง เขาดูเหมือนคนปวยและยังนั่งอยู่บนรถเข็น

“อา…” เทพธิดาจื่อเว่ยอ้าปากค้าง “ผู้อาวุโสกู้หลิวรู่ เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ยิ่งใหญ่ หากเขาตื่นขึ้นก่อนหน้านี้ ฟางหยวนจะไม่สามารถหลบหนีจากสายธารแห่งกาลเวลา!”

แท่นบูชาแห่งโชคลอยขึ้นสู่อากาศอีกครั้ง

กู้หลิวรูชี้นิ้วออกไปและทําให้การเคลื่อนไหวของแท่นบูชาแห่งโชคช้าลงหลายเท่า

เจิ้งเฟยซ่งหัวเราะเสียงดังขณะพุ่งเข้าโจมตีแท่นบูชาแห่งโชค

“ผู้ใดปลุกข้า? เห้อ…ข้าแก่แล้ว หากนอนน้อย ใบหน้าของข้าจะเหี่ยวย่น” ผู้อมตะหญิงที่งดงามปรากฏตัวขึ้นด้านข้างเทพธิดาจื่อเว่ย

“ผู้น้อยคาวระผู้อาวุโสหวังจื่อหง” เทพธิดาจื่อเว่ยตกตะลึงก่อนจะเร่งโค้งคํานับ

“อย่าเรียกข้าว่าผู้อาวุโส เรียกข้าว่าพี่สาว ช่วยดูหน่อย มีริ้วรอยปรากฏขึ้นรอบดวงตาของข้าหรือไม่?” ผู้อมตะหญิงหวังจื่อหงถามเทพธิดาจื่อเว่ยด้วยความกังวล

หวังจือหงเคยเป็นปีศาจอมตะที่สร้างหายนะในทะเลทรายตะวันตก แต่นางได้รับการยอมรับ และกลายเป็นสมาชิกของวังสวรรค์ในเวลาต่อมา

เจิ้งเฟยซ่ง กู้หลิวรู หวังจื่อหง ผู้อมตะของวังสรวรรค์ตื่นขึ้นจากสุสานอมตะทีละคน

นี่ทําให้สถานการณ์พลิกผัน

“กําลังเสริมจํานวนมากในครั้งเดียว ยังมีอีกหรือไม่?” ภายในแท่นบูชาแห่งโชค ปิงช่ายฉวนหัวเราะเสียงดัง

สถานการณ์ค่อนข้างอันตรายแต่ปิงช่ายฉวยยังสามารถหัวเราะ

เทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกสังหรณ์ร้าย ตั้งแต่ถ้ําสวรรค์นิรันดรวางแผนบุกโจมตีวังสวรรค์ พวกเขาจะไม่คํานึงถึงสุสานอมตะได้อย่างไร?

“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงนําแท่นบูชาแห่งโชคออกมา? เพราะมันมีท่าไม้ตายที่อัศจรรย์” ดวงตาของปิงช่ายฉวนส่องประกายแหลมคม

แต่ท่าไม้ตายใดที่ทําให้เขามั่นใจนัก

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท