เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1718 การต่อสู้ที่วุ่นวาย

บทที่ 1718 การต่อสู้ที่วุ่นวาย

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1718 การต่อสู้ที่วุ่นวาย

สมรภูมิวังสวรรค์

การต่อสู้ปะทุขึ้นทั้งบนพื้นและบนท้องฟ้า

ประกายไฟแลบลั่น เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ผู้อมตะของภาคเหนือต่อสู้กับผู้อมตะของวังสวรรค์อย่างดุเดือด

“บึ้ม!”

หมียักษ์สูญเสียไหล่ขวาของมัน เนื้อชิ้นใหญ่หายไปและเผยให้เห็นกระดูกไหล่ที่แตกหัก

มันร่วงหล่นลงสู่พื้นและหมดสติไปในที่สุด

ผู้อมตะภาคเหนือหัวเราะอยู่บนท้องฟ้า “ท่าไม้ตายอมตะสายฟ้าพลบค่ําของข้านูเอ๋อเปาซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือ แม้เจ้าจะมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่ข้าเคยสังหารผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงมาแล้วมากมาย ฮ่าฮ่าฮ่า”

เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งสายฟ้า เขาเคยเป็นนักฆ่าที่เหี้ยมโหดของภาคเหนือ เมื่อเขากลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของเผ่านูเอ๋อ เขาทําให้เผ่านูเอ๋อกลายเป็นกองกําลังอันดับหนึ่งของภาคเหนือทันที

แต่เสียงหัวเราะของนูเอ๋อเปาซ่งต้องหยุดลงเมื่อเสียงของผู้อมตะหญิงผู้หนึ่งดังขึ้น “ถ้อยคําไร้ยางอาย ข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน หากมีความสามารถก็มาฆ่าข้า!”

“งี่เง่า!” นูเอ๋อเปาซ่งหันหลังกลับ แต่แสงสีแดงกลับระเบิดขึ้นด้านหน้าเขาอย่างกะทันหัน

เขาถูกส่งลงจากท้องฟ้า ร่างกายของเขาถูกเผาด้วยเปลวเพลิงสีแดง

“ถึงเวลาแล้ว จางเฟยซ่ง!” กู้กลิวรู่ตะโกนและชี้นิ้วออกไป

หมียักษ์จางเฟยซึ่งถูกช่วยชีวิต

“ฮีม ข้าชอบฆ่าคน ไม่ใช่ถูกช่วย” จางเฟยซ่งคําราม

“จางเฟยซ่งค่อนข้างน่าประทับใจ แม้เขาจะหมดสติแต่การเปลี่ยนแปลงของเขาก็ไม่หายไป” ผู้อมตะหญิงบนเส้นทางแห่งไม้ของวังสวรรค์หวังจื่อหงยกย่อง

นางยิงแสงสีชมพูไปที่ไหล่ของจางเฟยซึ่งก่อนที่ดอกไม้จะเติบโตขึ้นและเติมเต็มช่องว่างที่หายไป

“อืม!” บนท้องฟ้านูเอ๋อเปาซ่งกันเสียงเย็นเมื่อเห็นอาการบาดเจ็บของจางเฟยซึ่งได้รับการรักษา

ดวงแสงสีแดงปรากฏขึ้นและโจมตีนู๋เอ๋อเปาซ่งอีกครั้ง

เขาสะบัดเปลวเพลิงออกจากร่างและมองศัตรูคนใหม่ “เจ้าคือผู้ใด? ในฐานะสมาชิกวงสวรรค์ เจ้ากลับปกปิดตัวตนงั้นหรือ?”

ดวงแสงสีแดงบินไปรอบๆอยู่กลางอากาศและหัวเราะเสียงดัง นูเอ๋อเปาซึ่งทําได้เพียงมองดูมัน และไม่มีโอกาสโจมตี

“นั่นคือผู้อาวุโสจูชิวเอ๋อ นางบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งไฟและเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง รูปแบบการต่อสู้ของนางสามารถต่อต้านนี่เอ๋อเปาซ่ง” เทพธิดาจื่อเว่ยมีความสุขเมื่อเห็นสิ่งนี้

จูชิวเอ๋อเป็นหนึ่งในผู้อมตะที่ตื่นขึ้นจากสุสานอมตะ

“ท่าไม้ตายอมตะของถ้ําสวรรค์นิรันดรทรงพลังเกินไป มันยังเรียกคนออกมาเรื่อยๆ” เทพธิดาจื่อเว่ยมองแท่นบูชาแห่งโชคและรู้สึกกังวล

“มันควรจะเป็นท่าไม้ตายอมตะของเทพปีศาจบัวแดง ท่านราชันมังกรอาจรู้บางอย่าง” เทพธิดาจื่อเว่ยต้องการช่วยราชันมังกร

แต่ราชันมังกรอยู่ใกล้กับแท่นบูชาแห่งโชค หากเทพธิดาจื่อเว่ยต้องการช่วยเขา นางต้องแบกรับความเสี่ยงมหาศาล

“ก่อนหน้านี้เทพทั้งสองปรากฏตัวขึ้นในศาลาแห่งความเสียใจ ราชันมังกรถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า แต่ชีวิตของเขาไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย”

“ข้ายังมีภารกิจอื่น ข้าจะมอบที่นี่ไว้กับผู้อาวุโสที่ตื่นขึ้นจากสุสานอมตะ ข้าต้องปกป้องผู้อาวุโสเจิ้งหยวน เขาเป็นหนึ่งในกุญแจสําคัญของการต่อสู้ครั้งนี้!”

เทพธิดาจื่อเว่ยตัดสินใจ นางต้องดูแลภาพรวมทั้งหมด

ผู้อมตะของภาคเหนือปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาปั้นชายผิวเข้มที่มีดวงตาแหลมคม เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งโลหะของเผ่าเย่หลิว เย่หลิวเกา

เย่หลิวเกาอยู่ในร่างของเด็กหนุ่ม เขามีธรรมชาติที่ดุร้ายและมองการณ์ไกล เขามักมองเห็นองค์ประกอบที่สําคัญที่สุดของการต่อสู้ ในการแข่งขันชิงตําแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือ เขาต่อสู้เพียงลําพังและสามารถสังหารผู้นําของฝ่ายตรงข้ามภายใต้สายตาของผู้คนมากมาย

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ เขาปล้นแหล่งทรัพยากรหลายแห่งโดยมุ่งเป้าไปยังจุดอ่อนของศัตรู เสมอ ในฐานะผู้อมตะฝ่ายธรรมะ เขามีชื่อเสียงที่เลวร้ายพอๆกับสมาชิกฝ่ายปีศาจ แต่ชื่อเสียงของเขาเปลี่ยนไปหลังจากเขาบรรลุระดับแปด ทุกคนในภาคเหนือต่างหวาดกลัวเขา ข้อกล่าวหาทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็นคํายกย่องสรรเสริญ

หัวใจของเทพธิดาจื่อเว่ยแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก เมื่อเผชิญหน้ากับเย่หลิวเกา นางรู้สึกราวกับตนเองเป็นกระต่ายที่ตกเป็นเป้าหมายของเหยี่ยว

นางเร่งล่าถอยและหายตัวไปท่ามกลางวิหารมากมาย

“บัดซบ! กําแพงปราณ!” เย่หลิวเกาหงุดหงิด

เขาสามารถตรวจจับจุดอ่อนของศัตรูและกําหนดเป้าหมายได้อย่างแม่นยํา

นี่คือพรสวรรค์ตั้งแต่กําเนิดของเขา

แต่แผนการของเขากลับถูกทําลายโดยกําแพงปราณของเทพอมตะแรกกําเนิดที่ทิ้งไว้ในวังสวร

กําแพงปราณสามารถแยกแยะมิตรและศัตรู มันไม่ได้ขัดขวางสมาชิกของวังสวรรค์

สําหรับผู้อมตะภาคเหนือ พวกเขาสามารถเคลื่อนไหวอยู่บนเส้นทางของเทพปีศาจไร้ขอบเขตเท่านั้น

สถานที่สําคัญหลายแห่งเช่นสุสานอมตะของวังสวรรค์ได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนาโดยกําแพงปราณ ผู้อมตะภาคเหนือไม่สามารถไปที่นั่น

แต่ในสนามรบ ฝ่ายผู้อมตะภาคเหนือยังมีความเหนือกว่า สมาชิกวงสวรรค์ต้องล่าถอยเข้า ไปในกําแพงปราณเป็นครั้งคราว

“ผู้อมตะของเราพึ่งตื่นขึ้น พวกเขาขาดวิญญาณอมตะที่เหมาะสม นั่นทําให้พลังการต่อสู้ของ พวกเขาลดลงอย่างมาก” เทพธิดาจื่อเว่ยกังวล

ผู้อมตะของวังสวรรค์จะมอบวิญญาณอมตะของพวกเขาให้วังสวรรค์ก่อนจะเข้าสู่การจําศีล ด้านหนึ่ง วังสวรรค์ต้องการทรัพยากร อีกด้านหนึ่ง วิญญาณอมตะจําเป็นต้องได้รับอาหาร

วิญญาณอมตะส่วนใหญ่มักถูกนําไปสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะ บางส่วนจะถูกแจกจ่ายไปยังสิบนิกายโบราณ ตัวอย่างเช่นวิญญาณอมตะเกราะโชคชะตาของฟงจิวเก้อ มีวิญญาณอมตะเพียงไม่กี่ดวงที่ถูกเก็บไว้ในคลังสมบัติของวังสวรรค์

ผู้อมตะของวังสวรรค์ล้วนเป็นตัวตนระดับสูงท่ามกลางผู้อมตะระดับแปด แต่โดยปราศจากวิญญาณอมตะ พวกเขาก็ไม่สามารถปลดปล่อยพลังอํานาจที่แท้จริงออกมา แม้พวกเขาจะมีพลังงานอมตะจํานวนมาก พวกเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์

ในทางตรงข้ามถ้ําสวรรค์นิรันดรสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอดีตของเทพปีศาจบัวแดง มันสามารถก้าวข้ามรากฐานที่วังสวรรค์สะสมมานาน

ราชันมังกรเต็มไปด้วยความโกรธ

ในช่วงเวลาสําคัญ เขากลับไม่สามารถเคลื่อนไหว เขาทําได้เพียงเฝ้ามองการต่อสู้เท่านั้น

สิ่งสําคัญที่สุด ผู้ที่ทําให้เกิดสถานการณ์นี้คือศิษย์รักของเขาในอดีต เทพปีศาจบัวแดง!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท