เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1716 สัตว์อสูรในตํานานอันดับหนึ่ง

บทที่ 1716 สัตว์อสูรในตํานานอันดับหนึ่ง

บทที่ 1716 สัตว์อสูรในตํานานอันดับหนึ่ง

สมรภูมิถ้ํามังกรเร้น

ค่ายกลวิญญาณอมตะถูกทําลายโดยกลุ่มผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออก มีเพียงพื้นที่ส่วนควบคุมของมันเท่านั้นที่ยังทํางานอยู่

ผู้อมตะเฒ่าไปเฟิงได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาแทบไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ หลานชายของเขาอยู่ด้านข้างรอกําลังเสริมจากวังสวรรค์อย่างสิ้นหวัง

กลุ่มผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกปิดล้อมพื้นที่ส่วนควบคุมของค่ายกลวิญญาณอมตะเอาไว้

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลฮัว ฮัวช่ายหยุน ปล่อยอสูรเมฆาแรกกําเนิดออกมา

“กระทั่งแกนกลางของค่ายกลยังสามารถต่อต้านการกัดกร่อนของอสูรเมฆาแรกกําเนิดของข้า” ฮัวช่ายหยุนถอนหายใจ

“โฮก…”

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงมังกรคํารามดังขึ้นมาจากส่วนลึกของรอยแยกและทําให้พื้นดินสั่นสะเทือน หินเริ่มถล่มลงมาจากหน้าผา

เฉินกงเจิ้งกระตุ้น “ค่ายกลวิญญาณอมตะถูกทําลายไปมากกว่าครึ่ง มันไม่สามารถปราบปรามที่จางเฉิงได้อีกต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา เราต้องดําเนินการเดี๋ยวนี้”

ตี้จางเฉินเป็นสัตว์อสูรแรกกําเนิดในตํานานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มันถูกสร้างขึ้นจากปราณปฐพีรวมถึงความเกลียดชัง ความโกรธ และความแค้นของคนภาคกลาง

มันเกิดมาพร้อมกับเจตนาสังหารที่มีต่อมนุษย์ สิ่งสําคัญที่สุดคือหากแหล่งที่มาของมันไม่ถูกทําลาย มันจะไม่มีวันตาย ครั้งหนึ่งมันเคยสร้างปัญหาให้กับวังสวรรค์ ผู้อมตะของทะเลตะวันออก ไม่ต้องการต่อสู้กับจางเฉินโดยไร้เหตุผล พวกเขาต้องการนําวังมังกรกลับไปเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงเท่านั้น หากตี้จางเฉินถูกปลดปล่อย มันจะสร้างปัญหาให้กับวังสวรรค์และภาคกลางต่อไป

“มันพร้อมแล้ว” ซึ่งฉีหยวนพยักหน้า

ท่าไม้ตายอมตะแสงทําลายกระจก!

“เพล้ง!”

ค่ายกลวิญญาณอมตะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวกับกระจกและเผยให้เห็นผู้อมตะเฒ่าไปเฟิงกับฟงชานจื่อที่อยู่ภายใน

“บัดซบ!” ฟงชานจื่อกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและเร่งล่าถอย

ท่าไม้ตายอมตะแสงทําลายกระจกทรงพลังมาก มันเป็นท่าไม้ตายที่ซ่งฉีหยวนภาคภู มิใจ แต่ส่วนใหญ่เขาจะใช้กับค่ายกลวิญญาณอมตะ

เมื่อค่ายกลวิญญาณอมตะพังทลาย ตี้จางเฉินเริ่มดิ้นรนและกรีดร้อง

“เร็วเข้า ไม่มีเวลาแล้ว!” ผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกเร่งโจมตี

“ข้ากําลังจะตาย!” ฟงชานจื่อถอยหลัง เขาหวาดกลัวจนใบหน้ากลายเป็นบิดเบี้ยว

ผู้อมตะเฒ่าไปเฟิงถอนหายใจลึก เขาไม่สามารถต่อสู้อีกต่อไป และทําได้เพียงรอคอยความตายเท่านั้น

“อย่าฆ่าเขา ให้ข้าจับเขาทั้งเป็น!” เฉินกงเจิ้งกล่าว

กลุ่มผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกหยุดมือ พวกเขาค่อนข้างแปลกใจที่เฉินกงเจิ้งมีวิธีจับผู้อมตะระดับแปด

“ทุกคน ระวังตัวให้ดี” เฉินกงเจิ้งเผยรอยยิ้มมั่นใจ “ไป!”

เส้นไหมจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ารัดพันร่างกายของผู้อมตะเฒ่าไปเฟิงราวกับดักแด้

“นี่เป็นท่าไม้ตายใหม่ที่ข้าพึ่งสร้างขึ้นเร็วๆนี้ มันเรียกว่าเสียงสะท้อน!” เฉินกงเจิ้งอธิบาย

ผู้อมตะเฒ่าไปเฟิงโกรธจัด เขาเตรียมตัวสําหรับความตายแล้ว แต่ผู้อมตะของทะเลตะวันออกกลับต้องการจับเขาทั้งเป็น นี่เป็นความอัปยศที่ยิ่งใหญ่

กลุ่มผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกเงียบ

ท่าไม้ตายอมตะของเฉินกงเจิ้งสามารถจับผู้อมตะระดับแปดได้จริงๆ แม้ผู้อมตะเฒ่าไปเฟิงจะไม่สามารถป้องกันตัว แต่ท่าไม้ตายของเฉินกงเจิ้งก็ยังเป็นภัยคุกคามสําหรับทุกคน

ผู้เฒ่าไปเฟิงไม่สามารถต่อต้าน สําหรับฟงชานจื่อ กลุ่มผู้อมตะระดับแปดของวันออกไม่สนใจเขา

การจับกุมผู้อมตะระดับแปดที่มีชีวิตมีค่ามากกว่าผู้อมตะระดับแปดที่ตายแล้ว ยังไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งใด เพียงการจับกุมผู้อมตะระดับแปดที่มีชีวิตก็จะทําให้เขาได้รับชื่อเสียง ชื่อเสียงของเฉินกงเจิ้งและตระกูลเฉินของทะเลตะวันออกจะพุ่งทยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

ผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกคนอื่นๆเริ่มมองหาคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังมังกร

พวกเขาร่วมตัวกันเพื่อสิ่งนี้

ในไม่ช้าจางหยินก็พบบางสิ่ง

“ตรงนั้น!” เขาชี้นิ้วออกไปด้วยความตื่นเต้นก่อนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะบางอย่าง

หลังจากจางหยินใช้ท่าไม้ตายอมตะ คฤหาสน์วิญญาณอมตะก็ปรากฏขึ้น มันลอยอยู่เหนือศีรษะของทุกคน

กลุ่มผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกรู้สึกสนุกสนาน

นอกจากเฉินกงเจิ้ง คนอื่นๆเร่งเข้าไปหาวังมังกร

เฉินกงเจิ้งให้ความสําคัญกับการจับกุมผู้อมตะเฒ่าไปเฟิง เขาไม่กังวล ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกทําข้อตกลงกันแล้ว กฏคือหากพวกเขาได้รับวังมังกร ทุกคนจะได้รับส่วนแบ่งตามความพยายามของแต่ละคน

ตั้งแต่วังมังกรปรากฏขึ้น ซึ่งฉีหยวนและคนอื่นๆพยายามยึดครองมัน อย่างไรก็ตามวังมังกรกลับไม่ยอมรับพวกเขา

“คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ!” การต่อต้านของวังมังกรทําให้กลุ่มผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกรู้สึกยิ่งตื่นเต้น ความปรารถนาที่จะครอบครองมันยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไป

พวกเขาเริ่มเรียนรู้ความลับที่ยิ่งใหญ่ของมันทีละน้อย

“เป็นเช่นนี้”

“วังสวรรค์วางวังมังกรไว้ที่นี่เพราะต้องการใช้มันกําหราบตี้จางเฉิง!”

“แม้ตี้จางเฉิงจะเกิดจากพลังงานด้านลบของมนุษย์แต่มันยังเป็นมังกร มีความเป็นไปได้ที่มันจะถูกกําหราบโดยวังมังกร”

“ราชันมังกรวางแผนมาเป็นอย่างดี ตอนนี้เส้นโลหิตปฐพี่ทั้งห้าภูมิภาคกําลังรวมตัว พลังของตี้จางเฉิงมาจากปราณปฐพี หากมันรวมกันแล้ว พลังอํานาจของจางเฉินจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยห้าเท่า!”

“อย่าลืมว่าหลังจากกําแพงภูมิภาคหายไป โลกจะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เมื่อเวลานั้นมาถึง ความหวาดกลัว ความเกลียดชัง ความอิจฉาริษยา และอารมณ์ด้านลบอื่นๆจะปะทุขึ้น นี่จะทําให้พลังอํานาจของตี้เจิ้งเฉิงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง”

กลุ่มผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกพูดคุย บางคนถึงกับอ้าปากค้าง

ด้วยวิธีนี้ จางเฉินอาจกลายเป็นสัตว์อสูรแรกกําเนิดในตํานานอันดับหนึ่งของโลกใบนี้

พลังอํานาจของมันอาจบรรลุถึงกึ่งระดับก้า!

“ไม่แปลกใจเลยที่ราชันมังกรจ่ายราคามหาศาลเพื่อให้ได้รับวังมังกร เขาต้องการหยิบยืมพลังอํานาจของมันเพื่อควบคุมสถานการณ์

“โชคดีที่เราสามารถหยุดแผนการของวังสวรรค์ มิฉะนั้นเราจะพบปัญหาใหญ่ในสงครามมหาภูมิภาค”

กลุ่มผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกรู้สึกยินดี

“ไม่แปลกใจเลยที่เราได้ยินเสียงคํารามของจางเฉิน แม้เราจะทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะ แต่มันก็ยังไม่หลบหนี

“ตอนนี้วังมังกรกําลังปราบปรามมัน เราต้องรออีกสักพัก”

“ถูกต้องหลังจากวังมังกรสามารถกําหราบตี้จางเฉิง ไม่เพียงเราจะได้รับวังมังกร แต่เรายังจะได้รับสัตว์อสูรแรกกําเนิดในตํานานที่แข็งแกร่งที่สุดอีกด้วย”

“หากวังสวรรค์รู้เรื่องนี้ พวกเขาต้องอาเจียนออกมาเป็นเลือด!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ”

จักรพรรดิท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณ!

ฟางหยวนพยายามขโมยวิญญาณอย่างต่อเนื่องขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะของวังสวรรค์พยายามหลีกเลี่ยง

มือปีศาจปล้นวิญญาณสามารถขโมยวิญญาณอมตะระดับแปดแม้พวกมันจะซ่อนอยู่ในมิติช่องว่างของผู้อมตะ

แก่นแท้ของคฤหาสน์วิญญาณอมตะก็คือการรวมตัวกันของวิญญาณอมตะและวิญญาณระดับมนุษย์จํานวนมหาศาล มือปีศาจปล้นวิญญาณสามารถขโมยวิญญาณจากมิติช่องว่างของผู้อมตะ ดังนั้นมันยิ่งง่ายกว่าที่จะขโมยวิญญาณอมตะที่อยู่ด้านนอก

ปฏิเสธไม่ได้ว่ามือปีศาจปล้นวิญญาณเป็นวิธีตอบโต้คฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ดีที่สุด

ฟางหยวนอาศัยมือปีศาจปล้นวิญญาณโจมตีและขโมยวิญญาณจํานวนมาก

คฤหาสน์วิญญาณอมตะบางหลัง อาจมีวิธีต่อต้านมือปีศาจปล้นวิญญาณแต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะส่วนใหญ่ไม่มี

แนวป้องกันที่วังสวรรค์สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันกลายเป็นสับสนวุ่นวายด้วยการแทรกแซงของฟางหยวน

“วายร้ายฟางหยวน รับความตาย!” ในช่วงเวลาวิกฤต หลี่ฮวงพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนด้วยเสื้อคลุมเพลิงสุริยัน

คฤหาสน์วิญญาณอมตะของวังสวรรค์ไม่สามารถจัดการฟางหยวนแต่ผู้อมตะสามารถทําได้

การขโมยวิญญาณอมตะจากมิติช่องว่างของผู้อมตะยากกว่าการขโมยวิญญาณอมตะจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลี่ฮวงมีเสื้อคลุมเพลิงสุริยันที่สามารถป้องกันมื่อปีศาจปล้นวิญญาณของฟางหยวน

ฟางหยวนเห็นหลี่ฮวงพุ่งเข้ามา เขาไม่ถอยแต่ทะยานร่างไปข้างหน้า “หลี่ฮวง ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัว ข้ากําลังรอเจ้าอยู่”

ฟางหยวนเปลี่ยนร่างเป็นอสูรปีวอกแรกกําเนิดและส่งกรรไกรฤดูใบไม้ผลิพุ่งออกไป

จากนั้นเขายังสะบัดพัดขนาดใหญ่ส่งสายลมกรรโชกตามออกไป

ท่าไม้ตายอมตะพัดฤดูร้อน!

“อันใด!?” หลี่ฮวงตกตะลึง เสื้อคลุมเพลิงสุริยันของเขาฉีกขาด การป้องกันของเขาลดลงอย่างมาก

หลี่ฮวงถูกส่งลอยกลับหลังอย่างไม่สามารถต่อต้าน

“พลังการต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นได้อย่างไร?” ใบหน้าของหลี่ฮวงกลายเป็นน่าเกลียด

เขาพยายามใช้เสื้อคลุมเพลิงสุริยันอีกครั้ง นี่เป็นท่าไม้ตายที่สามารถใช้ทับซ้อนกัน แต่มันต้องจ่ายด้วยพลังงานอมตะที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท