เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1720 เดินผ่านกิ่งและใบ

บทที่ 1720 เดินผ่านกิ่งและใบ

บทที่ 1720 เดินผ่านกิ่งและใบ

การวิเคราะห์ของเทพธิดาจื่อเว่ยไม่ผิด

วิญญาณชะตากรรมไม่อนุญาตให้ผู้อมตะในอดีตปรากฏตัวขึ้นในปัจจุบัน ผู้อมตะในปัจจุบันก็ไม่สามารถเดินทางสู่อดีต

เทพธิดาจื่อเว่ยพึ่งตระหนักถึงเรื่องนี้ แต่ปิงช่ายฉวนรู้มาตั้งแต่ต้น

ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมไม่สามารถถูกทําลาย มิฉะนั้นการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมจะล้มเหลวอย่างสมบูรณ์

วิญญาณชะตากรรมที่เสียหายมากเกินไปจะกลายเป็นไร้ประโยชน์แม้ถ้ําสวรรค์จะสามารถฉกชิงมันไป

ถ้ําสวรรค์นิรันดรไม่มีวิธีฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม

ดังนั้นพวกเขาจึงส่งผู้อมตะเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเพื่อยึดครองวิญญาณชะตากรรม

ปิงชายฉวนมอบภารกิจนี้ให้กับปีศาจกระทิงและปรมาจารย์ห้าธาตุ นี่คือขีดจํากัด

ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมไม่ได้มีไว้สําหรับการต่อสู้ พื้นที่ภายในของมันสามารถรองรับผู้อมตะระดับแปดได้ห้าคนเท่านั้น

หากเกินขีดจํากัด ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมจะพังทลายลง

ด้วยเหตุนี้ปิงช่ายฉวนหรือเทพธิดาจื่อเว่ยจึงไม่สามารถส่งกําลังเสริมเข้าไป

การต่อสู้รอบๆแท่นบูชาแห่งโชคเกี่ยวข้องกับผู้อมตะในประวัติศาสตร์จํานวนมาก แต่การต่อสู้ในค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมกลับเข้มข้นมากกว่า

ชิงช่ายฉวนคิด “แม้ฝ่ายของเราจะแข็งแกร่ง แต่เรามุ่งเน้นที่การป้องกัน ในกรณีเลวร้ายที่สุดเราต้องทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม แม้เราจะไม่ได้รับวิญญาณชะตากรรม เราก็ไม่สามารถปล่อยให้วังสวรรค์ประสบความสําเร็จ!”

ทั้งสองฝ่ายไม่ต้องการทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม แต่หากไม่มีทางเลือก ถ้ําสวรรค์นิรันดรจะต้องทําลายมันและทําให้ทั้งสองฝ่ายพบกับความสูญเสีย

เป้าหมายของถ้ําสวรรค์นิรันดรคือการขโมยวิญญาณชะตากรรม หากค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมถูกทําลาย พวกเขาจะล้มเหลว

“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพวกเรา!” ปีศาจกระทิงเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน

ไกลออกไป ปรมาจารย์ห้าธาตุใช้ท่าไม้ตายอมตะแสงห้าธาตุโจมตีเช่อเว่ย

โล่ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นด้านหน้าเช่อเว่ยและปกป้องเขาจากแสงห้าธาตุ

“บัดซบ!” ปรมาจารย์ห้าธาตุเพิ่มพลังโจมตีและสามารถทําลายโล่ป้องกันของเช่อเว่ยในที่สุด

อย่างไรก็ตามแนวป้องกันใหม่กลับก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

เช่อเว่ยมีวิธีป้องกันที่โดดเด่น นั่นทําให้ปรามาจารย์ห้าธาตุรู้สึกหมดหนทาง

ไม่ว่าจะเป็นปรมาจารย์ห้าธาตุหรือเช่อเว่ย พวกเขาต่างต้องควบคุมพลังของตนเองเพราะพวกเขาไม่ต้องการทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

การต่อสู้ระหว่างปีศาจกระทิงและกงเยี่ยนก็เป็นเช่นเดียวกัน

นั่นทําให้ฝ่ายตั้งรับได้เปรียบในการต่อสู้ครั้งนี้

“พวกเราควรทําอย่างไร?” ปรมาจารย์ห้าธาตุลอบถามปีศาจกระทิงอย่างลับๆ

ปีศาจกระทิงตอบได้เพียงว่า “โจมตี พยายามดึงความสนใจของพวกเขา!”

หลังกล่าวจบคํา ปีศาจกระทิงก็พุ่งเข้าต่อสู้กับกงเยี่ยนอย่างดุเดือด

ปรมาจารย์ห้าธาตุเข้าใจความหมายของปีศาจกระทิง เขาไม่คิดมากอีกต่อไปและเริ่มต่อสู้กับเช่อเว่ยอีกครั้ง

อีกด้านหนึ่ง หยวนเชียงตู้พยายามซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรมโดยไม่สนใจสิ่งใด

ท่ามกลางสถานการณ์ที่สับสนวุ่นวาย กลีบดอกไม้เล็กๆลอยไปยังหอคอยดวงตาสวรรค์โดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น

“ฮิฮิ” กลีบดอกไม้กลายเป็นเด็กหญิงร่างเล็กผู้หนึ่ง

นางไม่ใช่ผู้ใดนอกจากท่านหญิงดอกไม้ที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้

“โอ้ ไม่ บางคนเข้าไปในหอคอย!” หยวนเชียงตู้ตกตะลึงและรีบแจ้งเตือนคนอื่นๆ เขาต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลสําหรับเสียงตะโกนนี้ เลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของเขาจิตวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส

เช่อเว่ยและกงเยี่ยนเร่งล่าถอยและต้องการเข้าไปในหอคอยดวงตาสวรรค์

“สายไปแล้ว!” ปีศาจกระทิงหัวเราะเสียงดัง เขาร่วมมือกับปรมาจารย์ห้าธาตุเพื่อหยุดศัตรู

เช่อเว่ยและกงเยี่ยนรู้สึกหงุดหงิดมาก แผนการของฝ่ายตรงข้ามไร้ยางอายเกินไป

ในความเป็นจริงนี่คือความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของปีศาจกระทิงและท่านหญิงดอกไม้ ทั้งสองใช้อายุขัยร่วมกัน ตราบเท่าที่คนหนึ่งยังมีชีวิต อีกคนจะสามารถฟื้นคืนชีพ

หลังจากท่านหญิงดอกไม้ฟื้นคืนชีพ นางลอบสังเกตการณ์อยู่อย่างลับๆก่อนจะลงมือโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น

“ข้าควรทําอย่างไร?” หยวนเชียงรู้สึกปวดศีรษะ

เขาเป็นผู้ควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม เขาสามารถทําลายค่ายกลนี้แต่มันจะเป็นการทําลายแผนการของวังสวรรค์

หากเขาไม่ทําเช่นนั้น ศัตรูจะได้รับวิญญาณชะตากรรมที่เกือบสมบูรณ์ แต่พวกเขายังมีโอกาสนํามันกลับคืน หากพวกเขาไม่สามารถนํากลับคืน การทํางานหนักทั้งหมดของวังสวรรค์จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ขณะที่ถ้ําสวรรค์นิรันดรจะได้รับประโยชน์มหาศาล

มันเป็นการตัดสินใจที่ยากลําบาก

เมื่อท่านหญิงดอกไม้ขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของหอคอยดวงตาสวรรค์และพบกับวิญญาณชะตากรรมขณะที่หยวนเชียงตู้ยังไม่สามารถตัดสินใจ

“สําเร็จ!” ดวงตาของท่านหญิงดอกไม้ส่องประกายขึ้น นางเอื้อมมือออกไปคว้าวิญญาณชะตากรรม

หากนางทําสําเร็จ นางจะมีผลงานที่ยิ่งใหญ่

แต่ในจังหวะนี้ภาพวาดปาไผ่กลับปรากฏขึ้นบนกําแพงของหอคอยดวงตาสวรรค์

“มันคือสิ่งใด?” ท่านหญิงดอกไม้ตะลึง

สามแสนปีก่อน

เทพอมตะบัวสวรรค์เดินลงจากภูเขากลุ่มดาวและเผยรอยยิ้มขมขืน “นี่คือเกมหมากรุกที่ถูกจัดเตรียมไว้โดยเทพปีศาจไร้ขอบเขตและเทพอมตะกลุ่มดาว หากข้าพยายามแทรกแซงด้วยกําลัง ข้าต้องต่อต้านพลังอํานาจของสองเทพ”

“แม้พวกเขาจะตายไปแล้ว แต่ข้าไม่สามารถคิดด้วยตรรกะทั่วไป แม้ข้าจะทําสําเร็จ แต่มันจะส่งผลเสียต่อวังสวรรค์เช่นกัน”

“ตั้งแต่เทพอมตะกลุ่มตกลงรับข้อเสนอของเทพปีศาจไร้ขอบเขตและร่วมกัน สร้างสิ่งนี้นางย่อมต้องพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อวังสวรรค์อย่าง แน่นอนข้าไม่จําเป็นต้องเป็นคนบาป”

แต่ถึงกระนั้นเทพอมตะบัวสวรรค์ก็ยังไม่มั่นในอย่างเต็มที่

เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ขณะเดินขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของหอคอยดวงตาสวรรค์

ทันใดนั้นเขาพลันเผยรอยยิ้มให้กับกําแพงที่ว่างเปล่า “ถูกต้อง ข้าสามารถทิ้งภาพวาดไว้ที่นี่”

ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาทิ้งภาพวาดไว้ที่นี่

สามแสนปีต่อมา ภาพวาดป่าไผ่ของเทพอมตะบัวสวรรค์ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าท่านหญิงดอกไม้

มือของท่านหญิงดอกไม้อยู่ห่างจากวิญญาณชะตากรรมเพียงหนึ่งนิ้วแต่ระยะทางนี้กลับไม่สามารถทําลายได้

ร่างของท่านหญิงดอกไม้ลอยค้างอยู่กลางอากาศ นางไม่สามารถขยับเขยื้อน

นางมองภาพวาดปาไผ่ด้วยความงุนงง

ลมพัดผ่านใบไผ่และทําให้มันสั่นไหว แสงสีเขียวหยกโอบล้อมร่างกายของท่านหญิงดอกไม้

“นิ้ว นิ้ว”

ผู้อมตะทั้งหมดในสนามรบได้ยินเสียงลมพัด

ใบไผ่ร่วงหล่นลงจากกิ่งและสร้างเป็นฉากที่งดงามอยู่บนกําแพงของหอคอยดวงตาสวรรค์

ราชันมังกรรู้สึกราวกับตนเองนอนอยู่ในป่าไผ่

เขาไม่รู้สึกอึดอัดอีกต่อไป จิตใจของเขากลายเป็นกระจ่างชัด

พลังลึกลับบนเส้นทางแห่งไม้ที่บริสุทธิ์ทําให้เขารู้สึกมีเรี่ยวแรงอีกครั้ง

ราชันมังกรค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆในป่าไผ่ ท่ามกลางความมึนงง เขามองเห็นเทพอมตะบัวสวรรค์

คนผู้นี้อยู่ในรูปลักษณ์ของชายหนุ่มที่ดูสุภาพ เขาสวมชุดสีเขียวและโพกศีรษะด้วยผ้าสีขาวเส้นผมของเขาปลิวไปตามสายลม

เทพอมตะบัวสวรรค์เผยรอยยิ้มบางและเดินผ่านราชันมังกรอย่างช้าๆ

ราชันมังกรได้ยินถ้อยคําที่อ่อนโยน “ซ้ายคือความรัก ขวาคือความใคร่ เดินไปบนเส้นทางทั้งสอง หว่านเมล็ดและปล่อยให้ดอกไม้บาน เติมเต็มเส้นทางนี้ด้วยกลิ่นหอมของมวลดอกไม้ปล่อยให้ผู้คนสัมผัสกับความเจ็บปวดเมื่อเดินผ่านกิ่งก้าน หลั่งน้ําตาเมื่อเหยียบย่ําหนามแต่ไม่รู้สึกโศกเศร้า”

หลังกล่าวจบ เทพอมตะบัวสวรรค์ก็เดินเข้าไปในส่วนลึกของป่าไผ่

“ท่านคือเทพอมตะบัวสวรรค์งั้นหรือ?” ราชันมังกรมองไปยังเทพอมตะบัวสวรรค์ที่อยู่ท่ามกลางป่าไผ่

เขาทิ้งประโยคสุดท้ายเอาไว้ “จําไว้ท่าไม้ตายนี้เรียกว่าเดินผ่านกิ่งและใบ”

ในเวลาต่อมาราชันมังกรก็ตื่นขึ้นจากภวังค์

ตอนนี้เขายืนขึ้นแล้ว โซ่สีเงินที่พันธนาการเขากลายเป็นใบไผ่ร่วงหล่นลงสู่พื้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท