เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1717 อัญเชิญอดีต

บทที่ 1717 อัญเชิญอดีต

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1717 อัญเชิญอดีต

“หลี่ฮวง อย่าบอกว่านี่คือพลังทั้งหมดของเจ้า!” ฟางหยวนเย้ยหยันและไล่ล่าหลี่ฮวง

หลี่ฮวงล่าถอยและกระตุ้นใช้เสื้อคลุมเพลิงสุริยันซ้ําแล้วซ้ําอีก อย่างไรก็ตามมันยังถูกตัดออกโดยกรรไกรฤดูใบไม้ผลิ

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นพร้อมกับกลิ่นอายของท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลัง

“บัดซบ!” หลี่ฮวงตระหนักถึงบางสิ่ง เขาเร่งเปลี่ยนทิศทาง

“ท่านหลี่ฮวง เรามาช่วยแล้ว!” เป็นเพียงเวลานี้ที่หอคอยวายุเข้ามาสนับสนุน

ฟางหยวนหัวเราะเย้ยหยัน “ไปให้พ้น”

ท่าไม้ตายอมตะพัดฤดูร้อน!

พายุหมุนรอบหอคอยวายุหยุดลงทันที มันไม่สามารถต่อต้านท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวน

หลี่ฮวงทําได้เพียงหลบหนีต่อไป

พลังการต่อสู้ที่เพิ่มสูงขึ้นของฟางหยวนทําให้ทุกคนตกตะลึง

ในเมืองจักรพรรดิ กลุ่มผู้ใช้วิญญาณอยู่ในการแข่งขันรอบสุดท้าย ผู้อมตะที่ปกป้องเมืองจักรพรรดิแยกเสียงรบกวนจากภายนอกทําให้ผู้เข้าแข่งขันมีสมาธิกับการหลอมรวมวิญญาณ

“ผู้ใดจะคิดว่ากระทั่งท่านหลี่ฮวงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน!”

“ปีศาจตนนี้น่าอัศจรรย์เกินไป เขาได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพมากมาย พลังของเขาน่ากลัวจริงๆ แต่ไม่จําเป็นต้องกังวล แม้เมืองจักรพรรดิจะเป็นคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์ เราก็ยังมีท่า ไม้ตายอมตะบนเส้นทางมนุษย์ ท่าไม้ตายนี้จะปกป้องพวกเรา”

กลุ่มผู้อมตะภาคกลางพยายามสร้างขวัญกําลังใจ

เมืองจักรพรรดิเป็นคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์อันดับหนึ่งของภาคกลาง แม้มันจะถูกย้ายมาหลายสิบครั้ง แต่มันก็มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มันถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะแรกกําเนิด

“ฟางหยวน อย่ายโสให้มากนัก รับมือข้า!” ผู้อมตะระดับแปดชิงเย่เข้าสู่การต่อสู้

หลี่ฮวงหยุดหลบหนีและต่อสู้เคียงข้างซิงเย่

ฟางหยวนไม่สนใจพวกเขาแต่โจมตีเมืองจักรพรรดิโดยตรง

หลี่ฮวงและชิงเยู่พยายามปิดกั้น แต่พวกเขากลับถูกบังคับให้ล่าถอย

ภาพนี้ทําให้กลุ่มผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกตะลึง

“ฟางหยวนดุร้ายมาก!”

“ไม่แปลกใจเลยที่เขาสามารถต่อต้านวังสวรรค์มานานหลายปี”

“เราจะอ้อมไป อย่ายั่วยุคนผู้นี้”

“ถูกต้อง เป้าหมายของเราคือการทําลายเมืองจักรพรรดิ

สมรภูมิแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ

“อําลาสหาย! มันคืออําลาสหายจริงๆ!” เมื่อเห็นท่าไม้ตายอมตะของหยง กลุ่มผู้อมตะของภาคกลางที่ซ่อนตัวอยู่ในค่ายกลวิญญาณอมตะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ท่าไม้ตายอมตะอําลาสหายมีต้นกําเนิดที่น่าเหลือเชื่อ มันถูกสร้างขึ้นโดยอัจฉริยะประหลาด

อัจฉริยะประหลาดถูกเรียกว่านักพรตใจดํา เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวายุ แต่เขาได้รับประโยชน์จากการอ่านตํานานมนุษย์คนแรกและสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะอําลาสหาย

มันเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งวายุและเส้นทางมนุษย์ที่ทรงพลังมาก

หลังจากสร้างท่าไม้ตายนี้ นักพรตใจดําเริ่มสร้างสายสัมพันธ์ไปทั่ว เขาเสียสละผลประโยชน์ส่วนตนเพื่อมิตรสหาย แรกเริ่มผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคยังไม่เข้าใจ พวกเขาผูกมิตรกับนักพรตใจดําที่มักจะมอบของขวัญล้ําค่าให้แก่พวกเขาเสมอ

แต่ทั้งหมดเป็นแผนการของนักพรตใจดํา

ท่าไม้ตายอมตะของเขาจะตรวจจับเป้าหมายเพื่อการโจมตีที่แม่นยํา มันคล้ายกับท่าไม้ตายอมตะนําวิญญาณสู่ความฝันที่จะตรวจจับจิตวิญญาณของศัตรู

แต่ท่าไม้ตายอมตะอําลาสหายจะตรวจจับมิตรสหายของผู้ใช้งานและโจมตีพวกเขา

แม้จะเป็นสหายจอมปลอมหรือสหายเพียงผิวเผินก็ยังตกเป็นเป้าหมาย

ท่าไม้ตายอมตะอําลาสหายทําให้ชื่อเสียงของนักพรตใจดําพุ่งทะยานขึ้นและไม่มีผู้ใดกล้ายั่วยุเขา

หลังจากผู้คนจํานวนมากถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายนี้ ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเริ่มอนุมาน ท่าไม้ตายอําลาสหายและทําให้ความลับของมันถูกเปิดเผยออกมาในที่สุด

ผู้อมตะหลายคนเรียนรู้ความลับนี้และตําหนินักพรตใจดําอย่างดุเดือด สหายของนักพรตใจดําต่างรู้สึกหวาดกลัวและไม่สบายใจ

อย่างไรก็ตามไม่มีท่าไม้ตายอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด ในไม่ช้าจุดอ่อนของท่าไม้ตายอมตะอําลาสหายก็ถูกเปิดเผย เพื่อกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายนี้ ผู้ใช้งานต้องสัมผัสร่างกายของเป้าหมายโดยตรง

แม้ท่าไม้ตายอมตะอําลาสหายจะแข็งแกร่ง แต่ด้วยเงื่อนไขสองประการนี้ มันจึงกลายเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการ

แม้นักพรตใจดําจะโด่งดัง แต่เขากลับรู้สึกโดดเดี่ยวในช่วงปีสุดท้ายของชีวิต ทุกคนหลีกเลี่ยงเขาราวกับเขาเป็นโรคระบาด ในบั้นปลายชีวิต เขาพบจุดจบที่ขมขึ้นเพียงลําพัง

การครอบครองท่าไม้ตายอมตะอําลาสหายของวูหยงทําให้ผู้อมตะทั้งหมดตกใจ

แต่ไม่ว่าอย่างไรท่าไม้ตายของวูหยงก็ประสบความสําเร็จ เฉินอี้กําลังจะตาย ทุกคนตระหนักถึงเรื่องนี้

เพียทั้งซุ้ยกรีดร้องและพุ่งเข้าโจมตีวูหยง

ร่างกายของวูหยงหายไปจากจุดนั้นอย่างกะทันหัน เพ่ยกังซุ้ยคว้าร่างของเฉินอี้เอาไว้ แต่เขา ไม่สามารถขยับเขยื้อนขณะที่ชั้นผิวหนังเริ่มสึกกร่อน

วูหยงปรากฏตัวอีกครั้งด้านหน้ากลุ่มผู้อมตะภาคใต้

สายตาของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้กลายเป็นซับซ้อน มีความระแวง ความหวาดกลัว และความเคารพอยู่ในนั้น

“วูหยงครอบครองท่าไม้ตายอมตะอําลาสหาย มันเทียบเท่ากับเกราะหวนคืนของฟางหยวน นี่คือไม่ตายสําคัญที่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์

“วูหยงเป็นสหายกับเฉินอี้ตั้งแต่เมื่อใด?”

“มันไม่ใช่เรื่องยาก ทุกคนที่ทําธุรกรรมในสวรรค์สีเหลืองมักเรียกกันว่าสหาย นั่นเป็นเรื่องปกติ แต่ข้าเกรงว่าแผนการของวูหยงจะลึกซึ้งกว่านั้น”

วูหยงมองเฉินอี้ที่อยู่ในระยะไกลและยกย่อง “ดังคาด สมกับเป็นสมาชิกวงสวรรค์ อดีตผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ เจ้ามีการป้องกันที่น่าทึ่งมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นร่างของเป้าหมายสลายตัวช้าถึงระดับนี้

ถ้อยคําของเขาเหมือนยกย่องศัตรู แต่ในเวลาเดียวกันมันก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขาเอง

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ตอบสนองอย่างรวดเร็ว

“ถูกต้อง ไม่มีผู้ใดรอดจากท่าไม้ตายอําลาสหาย!”

“เฉินอี้คือคนที่ตายไปแล้ว”

“ต่อหน้าท่านวูหยง สมาชิกวังสวรรค์ก็ไม่ใช่สิ่งใด!”

สมรภูมิวังสวรรค์

ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

“หอก!” ผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์เช่อเว่ยตะโกน

หอกสีดําขนาดใหญ่พุ่งเข้าโจมตีปรมาจารย์ห้าธาตุ

“ลูกศร!” เช่อเว่ยตะโกนอีกครั้ง

ลูกศรจํานวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าและพุ่งเข้าไปหาปรมาจารย์ห้าธาตุ

ปรมาจารย์ห้าธาตุยืนอยู่ที่เดิม แม้เขาจะถูกโจมตี แต่เขายังมีเวลากล่าว “น่าประทับใจ เช่อเว่ย เจ้ากําลังสร้างเส้นทางสายใหม่ ท่าไม้ตายเหล่านี้น่าสนใจจริงๆ อย่างไรก็ตามมันไร้ประโยชน์ เจ้าไม่สามารถทําลายการป้องกันของข้า”

“ดาบ!” เช่อเว่ยเพิกเฉยต่อปรมาจารย์ห้าธาตุ เขาถือดาบขนาดใหญ่พุ่งเข้าต่อสู้กับปรมาจารย์ห้าธาตุในระยะประชิด

อีกด้านหนึ่ง ปีศาจกระทิงกําลังโจมตีผู้อมตะระดับแปดกงเยี่ยนของวังสวรรค์

ปีศาจกระทิงเคลื่อนที่ราวกับภูตผีแต่พลังโจมตีของเขากลับทรงพลังมาก

ทุกครั้งที่กงเยี่ยนถูกโจมตี ร่างกายของเขาจะสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง

เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกฏ มีรอยสักสีน้ําเงินปรากฏอยู่ทั่วร่างของเขา

ดูเหมือนพวกเขาจะยังไม่สามารถผ่านเข้ามาได้” หยวนเชียงตู้ที่กําลังซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรมรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย

ผู้อมตะของถ้ําสวรรค์นิรันดรเลือกการต่อสู้ระยะประชิด พวกเขาจงใจจํากัดการโจมตีเพราะเกรงว่าพวกเขาจะทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะ

“ดูเหมือนพวกเขาจะต้องการฉกชิงวิญญาณชะตากรรมแต่พวกเขาก็มีข้อกําหนดบางอย่างเกี่ยวกับการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม”

หยวนเชียงตู้สามารถวิเคราะห์ความตั้งใจของถ้ําสวรรค์นิรันดรได้อย่างรวดเร็ว

“ข้าต้องใจเย็น หากเกิดความผิดพลาดจากมนุษย์ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต่ความสําเร็จก็ไม่สามารถช่วยเหลือ

“อดทนไว้

“ผู้อมตะหลายคนกําลังตื่นขึ้นจากสุสานอมตะ ความแข็งแกร่งของวังสวรรค์กําลังเพิ่มขึ้น ถ้ําสวรรค์นิรันดรจะถูกบังคับให้สิ้นหวัง

หยวนเชียงคู่กําลังคิดเรื่องนี้ขณะที่ปิงช่ายฉวนเผยรอยยิ้มเย็นชา “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงนําแท่นบูชาแห่งโชคออกมา? เพราะมันมีท่าไม้ตายที่น่าอัศจรรย์”

กลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์กําลังจะโจมตีแท่นบูชาแห่งโชค แต่ในจังหวะนี้มันกลับระเบิดแสงสีทองออกมา

ภาพสายธารแห่งกาลเวลาปรากฏขึ้นรอบๆแท่นบูชาแห่งโชค จากนั้นร่างหนึ่งก็เดินออกมา

คนที่เดินออกมาตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้าหมียักษ์ กินระเบิดสายฟ้าของข้า!”

“เปรี้ยง!”

หมียักษ์เจิ้งเฟยซึ่งถูกบังคับให้ล่าถอย ใบหน้าของมันถูกระเบิดและเต็มไปด้วยเลือด

“ผู้ใด? บอกชื่อของเจ้า!” ผู้อมตะของวังสวรรค์พุ่งเข้าโจมตีบุคคลลึกลับ

เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าไม่รู้จักกระทั่งข้า นูเอ๋อเปาซ่งงั้นหรือ? เช่นนั้นให้ข้าแสดงท่าไม้ตายอมตะระเบิดสายฟ้าของข้าให้เจ้าดู เมื่อข้าระเบิดเจ้า เจ้าจะสามารถจดจําชื่อของข้า”

“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง”

ผู้อมตะของวังสวรรค์ถูกส่งลอยกลับหลังราวกับว่าวสายปานขาดก่อนที่เขาจะร่วงลงบนพื้น และหมดสติทันที

“ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะสามารถเดินทางมายังอนาคตและมีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งใหญ่ ข้าช่างโชคดีนัก!” ผู้อมตะของภาคเหนือคนที่สองเดินออกมาจากสายธารแห่งกาลเวลาด้วยรอยยิ้ม

เขาชี้นิ้วไปที่แท่นบูชาแห่งโชคและปัดเป่าท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่หยุดการเคลื่อนไหวของมันออกไป

“เจ้าทําลายท่าไม้ตายอมตะของข้า เจ้าคือผู้ใด?” ดวงตาของกู้หลิวรูกลายเป็นมืดครื้ม

ผู้อมตะภาคเหนือเผยรอยยิ้มบางและมองไปที่กู้หลิวรู “ช่างบังเอิญนัก เราต่างบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา สําหรับชื่อของข้า มันค่อนข้างธรรมดา ข้าคือไห่ฟาน”

“โอ้ ช่างเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่นัก สวรรค์ ข้าควรซ่อนตัวอยู่บางแห่ง” ผู้อมตะคนที่สามของภาคเหนือปรากฏตัวขึ้น หลังกล่าวจบคํา เขาหายตัวไปทันที

ผู้อมตะของภาคเหนือปรากฏตัวขึ้นทีละคนและเข้าสู่สนามรบ

หัวใจของเทพธิดาอเว่ยเต้นแรง “นูเอ๋อเปาซ่ง ไห่ฟาน และหลิวหลิว พวกเขาเป็นผู้อมตะระดับแปดของตระกูลฮวงจีนในอดีต! ท่าไม้ตายชนิดใดที่สามารถนําผู้คนเหล่านี้เข้าสู่การต่อสู้?”

เทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกราวกับกําลังอยู่ในความฝัน

นางสับสน แต่ราชันมังกรไม่

ความทรงจําผุดขึ้นในใจของราชันมังกรอีกครั้ง

เทพปีศาจบัวแดงกระอักเลือดออกมา

“บัวแดง เจ้ายังไม่โจมตีอีกมั้นหรือ? แม้เจ้าจะมีท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคน แต่หลังจากกําเนิดใหม่ เจ้าก็ยังมีการบ่มเพาะระดับแปดเท่านั้น ท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคตของเจ้าอยู่ในระดับแปด เจ้ายังห่างไกลจากระดับเก้า!” ราชันมังกรแสดงออกอย่างเย็นชา

“ถูกต้อง ท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคตของข้ามีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่กระทั่งมันจะไม่บกพร่อง ข้าก็ไม่สามารถโจมตีท่านอาจารย์” เทพปีศาจบัวแดงเผยรอยยิ้มขมขื่น

“นั่นคือเหตุผลที่เจ้าพยายามหลบเลี่ยงข้าแทนที่จะโจมตีงั้นหรือ?” ราชันมังกรเย้ยหยัน “บัวแดง หากเจ้าเคารพข้าในฐานะอาจารย์จริงๆ เจ้าควรยอมรับชะตากรรมและกลายเป็นเทพอมตะอีกครั้ง เราสามารถลืมอดีตและเริ่มต้นใหม่”

“ท่านอาจารย์ ข้าเข้าใจความตั้งใจของท่าน แต่ท่านไม่เข้าใจข้า” เทพปีศาจบัวแดงถอนหายใจ

ราชันมังกรยิ่งโกรธมากขึ้น “หากเจ้าไม่โจมตีข้าและไม่เปลี่ยนความคิด เช่นนั้นข้าก็จะฆ่าเจ้า”

“ไม่” เทพปีศาจบัวแดงสายศีรษะ “ท่านอาจารย์ หลังจากรับการโจมตีของท่านมานาน ตอนนี้ท่าไม้ตายอมตะของข้าพร้อมใช้งานแล้ว โปรดพิจารณา”

หลังกล่าวจบคํา ภาพมายาของสายธารแห่งกาลเวลาก็ปรากฏขึ้น

การแสดงออกของราชันมังกรเปลี่ยนไป “มันคือท่าไม้ตายใด?”

“มันเป็นท่าไม้ตายคู่ ข้าเรียกมันว่า อัญเชิญอดีต และสนับสนุนอนาคต ท่าไม้ตายนี้สามารถอัญเชิญผู้อมตะที่มีความใกล้ชิดกับผู้ใช้งานมาจากอดีตเพื่อสนับสนุนการต่อสู้ในอนาคต ตอนนี้ข้ากําลังใช้ท่าที่สอง นั่นคือสนับสนุนอนาคต” เทพปีศาจบัวแดงเผยรอยยิ้มบาง

การแสดงออกของราชันมังกรกลายเป็นน่ากลัว เขาเต็มไปด้วยความโกรธ “เจ้ากําลังท้าทายสวรรค์! ธรรมชาติปีศาจของเจ้าหยั่งรากลึกเกินไป! แล้วท่าไม้ตายแรกเป็นอย่างไร ใช้มันออกมา!”

“ท่าไม้ตายอัญเชิญอดีตจะปรากฏต่อหน้าท่านวันใดวันหนึ่งในอนาคต” เทพปีศาจบัวแดงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท