เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1725 สี่แม่ทัพมังกร

บทที่ 1725 สี่แม่ทัพมังกร

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1725 สี่แม่ทัพมังกร

สมรภูมิเมืองจักรพรรดิ

หลังจากชั่วครู่ฟางหยวนก็ค้นพบข้อเท็จจริงบางอย่าง

ท่าไม้ตายอมตะวีรบุรุษท่ามกลางผู้คนอาจเป็นสิ่งท้าทายสวรรค์แต่มันไม่ใช่ไม่มีค่าใช้จ่าย

แสงสีขาวบนร่างของหลี่ฮวงและชิงเย่อ่อนกําลังลงอย่างต่อเนื่อง มันถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามแสงสีขาวสามารถเติมเต็ม

ดวงแสงสีขาวจากบนท้องฟ้าหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของหลี่ฮวงและชิงเย่ราวกับไร้ขีดจํากัด

ฟางหยวนพยายามตอบโต้แต่ยังไร้ประโยชน์

“จุดอ่อนของท่าไม้ตายนี้ชัดเจนมาก” ฟางหยวนคิดอย่างรวดเร็ว

“เราเพียงต้องทําลายดวงแสงบนท้องฟ้าเท่านั้น”

“หากดวงแสงเหล่านี้หายไป หลี่ฮวงและชิงเย่จะไม่สามารถเติมพลัง เมื่อเวลาผ่านไป พลังการต่อสู้ของพวกเขาจะลดลง

“แต่ข้าไม่มีวิธีทําลายดวงแสงเหล่านี้

ฟางหยวนพยายามหลายครั้งแต่ยังไม่สามารถทําสิ่งใด

การทําสิ่งนี้ต้องพึ่งพาความเข้าใจบนเส้นทางมนุษย์

ในความเป็นจริงเส้นทางมนุษย์เป็นเส้นทางแห่งการบ่มเพาะเส้นทางแรกของมนุษย์ แต่ผู้อมตะที่บ่มเพาะบนเส้นทางมนุษย์มีน้อยมาก ในประวัติศาสตร์มีอัจฉริยะเพียงไม่กี่คนที่สามารถทําความเข้าใจบางสิ่งเกี่ยวกับเส้นทางมนุษย์

ฟางหยวนไม่มีวิธีการใดๆเกี่ยวกับเส้นทางมนุษย์ กระทั่งผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกก็ไม่มีวิธีการดังกล่าว

หากเป็นเส้นทางสายอื่น ฟางหยวนยังสามารถจัดการ แต่เส้นทางมนุษย์ เขาไม่คุ้นเคยกับมัน

แท้จริงแล้วผู้อมตะส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ก็ไม่คุ้นเคยกับมันเช่นกัน

ดังนั้นวิธีบนเส้นทางมนุษย์จึงส่งผลกระทบที่ยิ่งใหญ่เสมอ

“ดูเหมือนข้าต้องอ่านและทําความเข้าใจตํานานมนุษย์คนแรกให้มากขึ้น โดยปราศจากวิธีบนเส้นทางมนุษย์ มันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการวงสวรรค์

“ในสงครามห้าภูมิภาค กองกําลังใหญ่ทั้งหมดอาจมีวิธีบนเส้นทางมนุษย์บางอย่างอยู่เช่นกัน”

“ข้าขาดรากฐานในด้านนี้อย่างมาก

ฟางหยวนตระหนักถึงข้อบกพร่องของตนเอง

พลังการต่อสู้ของเขาสูงมากแล้ว ในแง่ของพลังการต่อสู้ เขายืนอยู่ในอันดับต้นๆของโลกใบนี้

ในแง่ของทรัพยากร ฟางหยวนสามารถพึ่งพาตนเอง เขาสามารถจัดการมิติช่องว่างจักรพรรดิ ให้อาหารวิญญาณอมตะจํานวนมาก และสามารถทํากําไรจากธุรกิจ สําหรับการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปด เขายังต้องสะสมทรัพยากรมากกว่านี้

อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังมีจุดอ่อนหลายอย่าง

เขามีความสําเร็จบนเส้นทางหลายสาย แต่ยังมีเส้นทางอีกหลายสายเช่นเส้นทางแห่งความฝัน เส้นทางแห่งห้วงมิติ เส้นทางแห่งดาบ และอื่นๆที่เขายังขาดรากฐาน พวกมันล้วนเป็นจุดอ่อนของเขา

เช่นเดียวกับเส้นทางมนุษย์

หลี่ฮวงและชิงเย่ที่ได้รับการสนับสนุนจากท่าไม้ตายอมตะวีรบุรุษท่ามกลางผู้คนสามารถกําหราบฟางหยวน

ฟางหยวนทําได้เพียงตั้งรับ

คฤหาสน์วิญญาณอมตะของวังสวรรค์เริ่มโจมตีและปิดล้อมคฤหาสน์วิญญาณอมตะของทะเลทรายตะวันตกและคฤหาสน์วิญญาณอมตะของไปหนิงปิง

สมรภูมิถ้ำมังกรเร้น

“เร็ว!” ซึ่งหยวนพยายามปรับแต่งวังมังกร

นอกจากเขายังมีผู้อมตะของทะเลตะวันออกอีกเจ็ดคนได้แก่ชิงอวี๋อัน ฮัวช่ายหยุน เฉินกงเจิ้ง จางหยิน ยายหรง ซือเมี่ยว และหยางจื่ออี้

พวกเขาร่วมมือกันปรับแต่งวังมังกร

เนื่องจากพลังส่วนใหญ่ของวังมังกรถูกใช้กําหราบจางเฉิง มันจึงไม่สามารถต่อต้านการปรับแต่งของกลุ่มผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออก

“ระวัง เราไม่สามารถล้มเหลวในวินาทีสุดท้าย!”

“ถูกต้อง ข้ารู้สึกสังหรณ์ร้ายอย่างไร้เหตุผล”

“แม้เราจะโจมตีสถานที่แห่งนี้แต่วังสวรรค์กลับไม่ส่งกําลังเสริมมา”

“อย่ากังวล วังสวรรค์กําลังยุ่งอยู่กับการต่อสู้ของพวกเขา ข้าแน่ใจว่าพวกเขายอมแพ้ที่นี่ไปแล้ว”

“เฒ่าไป่เฟิงไปปกป้องทางเข้าถ้ำ ฆ่าทุกคนที่น่าสงสัย หากวังสวรรค์ส่งกําลังเสริมมา เจ้าไม่สามารถล่าถอยแม้เจ้าจะตาย!” เฉิงกงเจิ้งตะโกนออกคําสั่ง ผู้อมตะเฒ่าไปเฟิงถูกกดขี่และกลายเป็นทาสของเขาไปแล้ว

ผู้อมตะเฒ่าไปเฟิงต้องเชื่อฟังเฉินกงเจิ้ง

เขาถอนหายใจและทําตามคําสั่งโดยทิ้งหลานชายของเขาเอาไว้

ฟงชานจื่อเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก เขาไม่มีนัยสําคัญใดๆต่อผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออก ผู้อมตะเฒ่าไปเฟิงตกเป็นทาส ฟงชานจื่อก็เช่นกัน

“ดูเหมือนครั้งนี้พี่เฉินจะได้กําไรมากที่สุด” จางหยินหัวเราะ

ตามข้อตกลงพันธมิตร วังมังกรจะถูกใช้งานร่วมกัน แต่เฉินกงเจิ้งจะได้รับผู้อมตะเฒ่าไปเฟิงและฟงชานจื่อเป็นทาส ผู้อมตะเฒ่าไปเฟิงเป็นผู้อมตะระดับแปดที่แท้จริง ปัญหาเดียวของเขาคือ อาการบาดเจ็บที่ทําให้พลังการต่อสู้ของเขาลดลงอย่างมาก

เฉินกงเจิ้งเงียบ เขารู้ว่ากําไรของเขามหาศาล แม้คนอื่นๆจะนิ่งเฉยแต่ทุกคนต่างมีความคิดของตนเอง

ตระกูลเฉินได้รับผู้อมตะระดับแปดคนใหม่ สิ่งนี้จะทําลายสมดุลของทะเลตะวันออก

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินกงเจิ้งจึงต้องเปิดปากกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เฒ่าไปเฟิงผู้นี้จะถือเป็นสิ่งใด? เขาทั้งแก่และได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาต้องใช้เวลาและพลังงานอีกมากในการฟื้นฟูตัวเอง มันเทียบไม่ได้กับวังสวรรค์!”

เขาพยายามลดคุณค่าของผู้อมตะเฒ่าไปเฟิงและเบี่ยงเบนความสนใจของคนอื่นๆไปที่วังมังกร

“วังมังกรสามารถกดขี่จางเฉิง เมื่อห้าภูมิภาครวมเป็นหนึ่ง เราจะสามารถต่อต้านอีกสี่ภูมิภาค” เขาพยายามกล่าวถึงภัยคุกคามจากภายนอกและเตือนทุกคนว่าเขาเป็นพันธมิตร ศัตรูที่แท้จริงของพวกเขาคืออีกสี่ภูมิภาค

“วังมังกรมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความฝัน ข้าหวังว่าราชันมังกรจะไม่นํามันออกไป!” เฉินกงเจิ้งกล่าวเสริมทุกคนเงียบ

วาทศิลป์ของเฉินกงเจิ้งทําให้ความรู้สึกอิจฉาของคนอื่นๆลดน้อยลง

“โดยพื้นฐานวังมังกรเป็นของเราแล้ว แต่ตอนนี้เราควรทําอย่างไรต่อไป?” ยายหรงถาม

“หลังจากยึดครองวังมังกร เขาจะร่วมมือกันปราบปรามจางเฉิง หลังจากนั้น” ซ่งฉีหยวนคิด

“กําลังเสริมของวังสวรรค์ไม่มา นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขากําลังเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่ดุเดือด บางทีเราอาจช่วยคนอื่นๆแม้จะเป็นฟางหยวนก็ตาม”

“ถูกต้อง ภาคกลางแข็งแกร่งที่สุด เราต้องทําให้พวกเขาอ่อนแอลง”

“ฮ่าฮ่า ผู้ใดบอกว่าวังสวรรค์ไม่มีกําลังเสริม?” เป็นเพียงเวลานี้ที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

จางหยิน ยายหรง ซือเมียว และหยางจื่ออี้โจมตีซ่งฉีหยวน ชิงอรี่อัน ฮัวช่ายหยุน และเฉินกงเจิ้งอย่างกะทันหัน

ซ่งฉีหยวนและคนอื่นๆไม่คาดหวังว่าพันธมิตรของพวกเขาจะโจมตี พวกเขากระอักเลือดออกมาและถูกบังคับให้ล่าถอย

รากฐานของผู้อมตะระดับแปดไม่สามารถดูแคลน แม้กลุ่มของจางหยินจะโจมตีอย่างกะทันหันแต่ไม่มีผู้ใดถูกสังหาร

อย่างไรก็ตามมันเพียงพอแล้ว

กลุ่มของซ่งฉีหยวนได้รับบาดเจ็บปานกลางและต้องล่าถอยออกไป

กลุ่มของจางหยินยืนปกป้องอยู่รอบๆวังมังกร

ซ่งฉีหยวนและคนอื่นๆทั้งโกรธและตกใจ

ชิงอว์อันตะโกน “จางหยิน พวกเจ้าบ้าไปแล้ว พวกเจ้าต้องการฉกชิงวังมังกรงั้นหรือ?”

จางหยินหัวเราะ “พวกเราทั้งสี่ทํางานร่วมกันและจะไม่แยกจากกัน”

เฉินกงเจิ้งกล่าวอย่างจริงจัง “อย่าลืมว่าพวกเรามีข้อตกลงพันธมิตร พวกเจ้ากําลังละเมิดข้อตกลง เตรียมรับผลกระทบจากมันได้เลย”

หยางจื่ออี้กล่าวเสียงเรียบ “ต่อให้ตาย เราก็จะปกป้องวังมังกร พวกเจ้าจะไม่ได้รับมัน”

ฮัวช่ายหยุนขมวดคิ้ว “มีบางสิ่งผิดปกติ”

กลุ่มของจางหยินเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะระดับแปดของทะเลตะวันออก พวกเขาเป็นคนของทะเลตะวันออก แม้พวกเขาจะมีความขัดแย้งกับกองกําลังฝ่ายธรรมะของทะเลตะวันออก มันก็แปลกเกินไปที่พวกเขาจะเสี่ยงชีวิตและยอมตายเพื่อปกป้องวังมังกร

“เหตุใดพวกเจ้าจึงทําเช่นนี้?” ซ่งฉีหยวนตะโกนถาม

กลุ่มของจางหยินเผยรอยยิ้มน่าขนลุก

ต่อมาร่างกายของพวกเขาก็ขยายใหญ่ขึ้น มือและเท้าของพวกเขากลายเป็นกรงเล็บ เกล็ดปรากฏขึ้นบนผิวหนัง เขาปรากฏขึ้นบนหน้าผาก ขณะที่รูม่านตากลายเป็นแนวตั้ง

รูปลักษณ์ของพวกเขาเปลี่ยนไปมาก

กลุ่มของซ่งฉีหยวนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

สิ่งนี้คล้ายกับการเปลี่ยนแปลงของราชันมังกร

ชิงอรี่อันไม่สามารถระงับความโกรธ “พวกเจ้าละทิ้งสถานะมนุษย์และเปลี่ยนตนเองเป็นมนุษย์มังกรงั้นหรือ?”

“พวกเจ้าจะไปรู้สิ่งใด?”

“มนุษย์มังกรเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงและจะเป็นผู้ปกครองโลกใบนี้ในอนาคต!”

“มนุษย์จะถูกกําจัดออกไปจากโลกใบนี้!”

กลุ่มของจางหยินกล่าวทีละคนก่อนจะตะโกนอย่างพร้อมเพรียง “เราคือผู้พิทักษ์วังมังกร สี่แม่ทัพมังกร!”

กลุ่มของซ่งฉีหยวนตกตะลึจนพูดไม่ออก

“ข้าเข้าใจแล้ว” ดวงตาของฮัวช่ายหยุนส่องประกายขึ้น “พวกเจ้าตกเป็นทาสของวังมังกร ก่อนหน้านี้พวกเจ้าต่อสู้กับราชันมังกรเพราะมันเป็นหน้าที่ของพวกเจ้า หลังจากราชันมังกรปรับแต่งวังมังกร เขาจึงกลายเป็นเจ้านายของพวกเจ้า ราชันมังกรช่างเจ้าเล่ห์นัก เขาไม่ได้ส่งคนอื่นมาแต่กลับทิ้งสายลับไว้ข้างกายพวกเรา กําลังเสริมของวังสรรค์มาถึงนานแล้ว พวกเขาอยู่กับพวกเรามาตลอด!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท