เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1726 เพลงพรหมลิขิต

บทที่ 1726 เพลงพรหมลิขิต

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1726 เพลงพรหมลิขิต

ฮัวช่ายหยุนเผยรอยยิ้มขมขื่น

พวกเขาเกือบประสบความสําเร็จแต่มันกลายเป็นกับดักขนาดใหญ่ที่วังสวรรค์วางไว้อย่างพิถีพิถัน

“ถูกต้อง” จางหยินและคนอื่นๆยิ้ม

“เพื่อทําให้พวกเรามั่นใจ พวกเจ้าปล่อยให้ข้ากดขี่ตาแก่ไปเฟิง แผนการของพวกเจ้าช่างล้ำลึกนัก!” เฉินกงเจิ้งกล่าวเสียงเย็น

“นี่ไม่ใช่ความตั้งใจของเรา มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งในแผนการของท่านราชันมังกร” จางหยินสายศีรษะ “สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่เป็นส่วนหนึ่งในการอนุมานของเทพธิดาจื่อเว่ย นางเป็นผู้มอบภารกิจนี้ให้กับพวกเรา”

ซ่งฉีหยวนมองวังมังกรอีกครั้ง “นี่หมายความว่าวังมังกรเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งทาส มันสามารถกดขี่ผู้อมตะระดับแปดได้ถึงสี่คน หลังจากนั้นมันยังสามารถกําหราบตี้จางเฉิง นี่ต้องเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งทาสอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์!”

การแสดงออกของกลุ่มจางหยินไม่เปลี่ยนแปลง

ชิงอวี๋อัน ฮัวช่ายหยุน และเฉินกงเจิ้งมองซ่งฉีหยวน พวกเขายังไม่ยอมแพ้

แม้จะเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด แต่ซ่งฉีหยวนและคนอื่นๆเป็นผู้อมตะระดับแปด พวกเขาจะยอมแพ้ง่ายๆได้อย่างไร

แม้พวกเขาจะถูกลอบโจมตีและได้รับบาดเจ็บ แต่พลังการต่อสู้ของพวกเขายังอยู่ หากพวกเขายังสามารถต่อสู้ พวกเขาก็ยังมีความหวัง

มันไม่ง่ายที่จะโจมตีผู้อมตะระดับแปด ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังจะปลดปล่อยกลิ่นอายออกมา ด้วยเหตุนี้กลุ่มของจางหยินจึงไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายที่น่าสะพรึงกลัว พวกเขาต้องปกปิดกลิ่นอายไม่ให้รั่วไหลออกมา

ท่าไม้ตายอมตะที่สามารถปกปิดกลิ่นอายหาได้ยาก

ในปัจจุบันอาจมีเพียงวูหยงของภาคใต้เท่านั้นที่มีวิธีการดังกล่าว คนอื่นๆรวมทั้งสมาชิกวังสวรรค์ไม่มีวิธีการเช่นนี้

“บึม บึม บึม”

การต่อสู้ปะทุขึ้นอีกครั้ง

สมรภูมิแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ

เพียทั้งซุ้ยล่าถอยไปพร้อมกับเฉินอี้

วูหยงและผู้อมตะภาคใต้บังคับให้นางออกจากค่ายกลวิญญาณอมตะ

เพียงซุ้ยเคลื่อนที่ไปรอบๆเพื่อหลบการโจมตีที่รุนแรงซ้ำแล้วซ้ำอีก

ผู้อมตะภาคใต้กดดันนางเป็นอย่างมากโดยเฉพาะวูหยงที่สามารถซ่อนกลิ่นอายของท่าไม้ตายอมตะก่อนจะปลดปล่อยออกไป เพียทั้งซุ้ยต้องระวังตัวเป็นอย่างมาก แม้วหยงจะไม่โจมตี นางก็ยังต้องระวังเขาตลอดเวลา

“ปล่อยข้า เจ้าควรหนีไป” เฉินอี้กล่าว

เขาถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะอําลาสหาย เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวและทําได้เพียงรอคอยความตาย

ตอนนี้คิ้ว เส้นผม แขน และขาของเขาหายไปแล้ว ท่าไม้ตายอมตะอําลาสหายกําลังกัดเซาะร่างกายส่วนที่เหลือของเขา

โชคดีที่ท่าไม้ตายนี้ไม่แพร่กระจายไปสู่อีกคน มันมีเป้าหมายที่เฉินอี้เท่านั้น

“คิดว่าข้าต้องการปกป้องเจ้างั้นหรือ?” เพ่ยกังซุ้ยถ่ายทอดเสียงอย่างลับๆ

เฉินอี้ตะลึง

เพ่ยกังซุ้ยกล่าวต่อ “ข้าแสร้งทําเป็นไม่ยอมแพ้ต่อเจ้า ตกอยู่ในอันตราย และดึงดูดความสนใจของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้เพื่อซื้อเวลา เจ้ากําลังจะตายแต่เจ้ายังมีประโยชน์ ข้าอาจตาย ช่นกัน แต่เราต้องถ่วงเวลาเพื่อวังสวรรค์ เพื่อโลกใบนี้ มันไม่สําคัญหากเราจะเสียสละตนเอง”

เฉินอี้เงียบ

แม้เขาจะหมกมุ่นอยู่กับอํานาจ แต่เขาก็ไม่กลัวการเสียสละ มิฉะนั้นเทพธิดาจื่อเว่ยจะไม่อนุญาตให้เขาเข้าสู่วังสวรรค์

เขาต้องการเผยรอยยิ้มขมขื่นแต่ใบหน้าของเขาไม่สามารถขยับ เขาทําได้เพียงให้ความร่วมมือกับเพ่ยกังซุ้ยและหลอกลวงกลุ่มผู้อมตะภาคใต้เท่านั้น

“ให้ข้าทําประโยชน์ในวาระสุดท้ายของชีวิต” เฉินอี้ตั้งใจตาย

แต่ในจังหวะนี้เขากลับได้ยินเสียงเพลงดังขึ้น

ในการต่อสู้ที่ดุเดือด ผู้ใดยังกล้าร้องเพลง?

เฉินอีตะลึง เพ่ยกังซุ้ยและกลุ่มของวูหยงก็เช่นกัน

มันเป็นเพลงที่ลึกซึ้ง เต็มไปด้วยความขัดแย้ง และมีเอกลักษณ์

แรกเริ่มมันเหมือนลําธารเล็กๆที่ไหลช้าๆอยู่บนภูเขา ต่อมากระแสน้ำค่อยๆกลายเป็นลาวาไหลลงสู่แม่น้ำและเคลื่อนที่ผ่านช่องเขา

ธารลาวาบนภูเขากลายเป็นกระแสน้ำเชี่ยวกรากและสร้างคลื่นน้ำขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ลาวาและคลื่นน้ำปะทะกันทําให้เกิดไอน้ำปกคลุมท้องฟ้า ไอน้ำรวมตัวเป็นก้อนเมฆลอยขึ้นสู่สวรรค์ชั้นสูง

ทันใดนั้นสายฟ้าพลันแลบลั่นและส่งเสียงคํารามออกมาจากก้อนเมฆ ผู้อมตะทั้งหมดรู้สึกราวกับกําลังร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า มันทําให้พวกเขารู้สึกว่างเปล่า

จริงและลวง สูงและต่ำ ภูมิใจและสิ้นหวัง สงบสุขและภัยพิบัติ มันเต็มไปด้วยความขัดแย้ง

ผู้คนทั้งหมดหมกมุ่นอยู่กับบทเพลงและหลงลืมทุกสิ่ง

แต่เพลงกลับหยุดลงอย่างกะทันหัน ทุกคนตื่นขึ้นทันที

จ่อชิวหยูแสดงออกอย่างเคร่งขรึม “บทเพลงนี้ช่างน่ากลัวนัก มันทําให้พวกเราหมกมุ่นอยู่กับมันโดยไม่สามารถต่อต้าน!”

เฉียวงื่อไคกล่าวด้วยความหวาดกลัว “โชคดีที่มันหยุดลงแล้ว มิฉะนั้นพวกเราจะสูญเสียตัวตนและอาจถูกโจมตีอย่างรุนแรง”

“มันคือสิ่งใด?” อี้ห่าวฟางถาม

ผู้อมตะระดับแปดผู้หนึ่งเดินออกมาจากค่ายกลวิญญาณอมตะ เขาอยู่ในชุดคลุมสีขาวแดง เขาเผยรอยยิ้มที่สง่างาม “นี่คือเพลงพรหมลิขิตที่ข้าพึ่งสร้างขึ้น”

มันคือฟงจิวเก้อ!

“โอ้ พรหมลิขิต? ช่างกล้าพูด!” ปาชื่อปากนเสียงเย็น

“เหลือเชื่อ! เพลงพรหมลิขิตช่วยชีวิตข้าไว้” เฉินอี้มีความสุข เขาเหลือเพียงร่างกายและศีรษะ แต่ท่าไม้ตายอมตะอําลาสหายหยุดทํางานแล้ว แม้เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เขายังสามารถรักษาชีวิต

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ตกตะลึง

ท่าไม้ตายอมตะอําลาสหายของวูหยงเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปด เพลงพรหมลิขิตของฟงจิวเก้อใช้วิญญาณอมตะเกราะโชคชะตาเป็นแกนกลาง มันเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปดเช่นกัน

“เป็นเจ้าอีกครั้ง!” วูหยงมองฟงจิวเก้อด้วยความโกรธ

คราวก่อนวูหยงต้องการฆ่าฟางหยวนแต่ฟงจิวเก้อหยุดเขา

คราวนี้วหยงต้องการฆ่าเฉินอี้แต่ฟงจิวเก้อยังหยุดเขาอีกครั้ง

ฟงจิวเก้อทําลายแผนการของวูหยงถึงสองครั้ง!

ทั้งสองครั้งล้วนเป็นช่วงเวลาสําคัญ

แม้วหยงจะมีความอดทนสูง แต่เขาก็ยังโกรธมาก

“ฟงจิวเก้อ เจ้าเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง” วูหยงหรี่ตามองและกล่าวเสียงเย็น “มาเถอะ แสดงทุกสิ่งที่เจ้ามีให้ข้าเห็น”

หลังกล่าวจบคํา สายลมกรรโชกแรงก็พัดมา

นี่คือวายุไร้ขอบเขตของวูหยง มันเหมือนเสาขนาดใหญ่ที่ค้ำยันสวรรค์กับพื้นพิภพ

มันเป็นท่าไม้ตายที่ต้องใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋นับหมื่นร่องรอยเพื่อกระตุ้นใช้งาน

ลมพายุขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆและพุ่งเข้าไปหาฟงจิวเก้อด้วยพลังอํานาจอันน่าสะพรึงกลัว

ฟงจิวเก้อเผยรอยยิ้มขมขื่น “ท่านรูหยงช่างทรงพลังนัก ข้าคงต้องขอหลีกเลี่ยง”

เพ่ยกังซุ้ยเร่งกล่าว “ถึงเวลาแล้ว ไปกันเถอะ!”

ค่ายกลวิญญาณอมตะฟื้นตัวขึ้นแล้ว พวกเขาประสบความสําเร็จในการล่าถอยกลับเข้าไป

ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะ ฟงจิวเก้อกระอักเลือดคําโตออกมา ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดขาว ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างไม่หยุดยั้ง

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” เพ่ยกังซุ้ยเร่งสนับสนุน

ฟงจิวเก้อเผยรอยยิ้มอ่อนแรง “เพลงพรหมลิขิตยังไม่สมบูรณ์ ข้าสร้างมันขึ้นอย่างเร่งรีบ มันยังไม่ถึงครึ่งเพลง แต่ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้มันออกมา ดังนั้นข้าจึงได้รับบาดเจ็บสาหัส

“ท่านฟังเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยข้า ข้าจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้!” เฉินอี้ถอนหายใจ

“ตอนนี้ภาคกลางกําลังตกสู่ความโกลาหล ข้าช่วยท่านเพราะเห็นแก่ส่วนรวม” ฟงจิวเก้อส่ายศีรษะ

เฉินอี้มองฟงจิวเก้อและเพ่ยกังซุ้ย “ไม่ว่าจะอันตรายเพียงใด คนเช่นพวกเราก็ไม่กลัวการเสียสละ ภาคกลางต้องชนะ วังสวรรค์ต้องชนะอย่างแน่นอน!”

วังสวรรค์

เทพธิดาอเว่ยเผยรอยยิ้มเมื่อสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่แดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ

“ช่างน่าเหลือเชื่อนัก ฟงจิวเก้อและเพลงพรหมลิขิต!”

เทพธิดาจื่อเว่ยรู้แผนการของวังสวรรค์และถ้ำสวรรค์นิรันดร ทั้งสองฝ่ายต่างต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะพรหมลิขิต อย่างไรก็ตามคนที่มีความคืบหน้ามากที่สุดกลับไม่ใช่สองกองกําลังใหญ่แต่เป็นผู้อมตะผู้หนึ่ง

“ฟงจิวเก้อ!” เทพธิดาจื่อเว่ยพึมพํา

แม้นางจะตระหนักถึงพรสวรรค์และความสามารถของฟงจิวเก้อมาตลอดแต่ตอนนี้นางรู้สึกว่านางยังประเมินเขาต่ำเกินไป

ในมุมมองของเทพธิดาจื่อเว่ย ท่าไม้ตายอมตะอําลาสหายไม่สามารถยกเลิก แต่ผู้ใดจะคิดว่ามันจะถูกทําลายโดยฟงจิวเก้อในวันนี้

สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ปฏิเสธไม่ได้ว่าฟงจิวเก้อเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยตัวเขาเองอีกครั้ง

สมรภูมิเมืองจักรพรรดิ

เสียงโห่ร้องดังขึ้นในเมืองจักรพรรดิ

การแข่งขันรอบสุดท้ายสิ้นสุดลงแล้ว นี่หมายความว่ามันไม่ใช่จุดอ่อนของวังสวรรค์อีกต่อไป

กลุ่มผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกตระหนักถึงสถานการณ์และเร่งหลบหนี

พวกเขาไม่สามารถทําลายเมืองจักรพรรดิหรือการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

“ทุกอย่างจบแล้ว”

“เห้อ.วังสวรรค์ประสบความสําเร็จในที่สุด”

กลุ่มผู้อมตะจากทะเลทรายตะวันตกรู้สึกหมดหนทาง มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะล่าถอย

หัวใจของฟางหยวนหนักอึ้ง

เขาพยายามอย่างดีที่สุดแล้วแต่ยังไร้ประโยชน์

วิธีการของวังสวรรค์เหนือความคาดหมายของเขา เขาไม่สามารถรับมือมันได้จริงๆ

แม้พลังการต่อสู้ของฟางหยวนจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่วังสวรรค์สะสมรากฐานมานานถึงสามล้านปี ฟางหยวนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท