เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1736 ภาคเหนือพลิกสถานการณ์

บทที่ 1736 ภาคเหนือพลิกสถานการณ์

บทที่ 1736 ภาคเหนือพลิกสถานการณ์

สมรภูมิวังสวรรค์

“ฆ่า!”

การเคลื่อนไหวของเทพอมตะตะวันเดือดทําให้ขวัญกําลังใจและความแข็งแกร่งของผู้อมตะภาคเหนือพุ่งสูงขึ้น

“มันเป็นไปได้อย่างไร?” ผู้อมตะของวังสวรรค์ผู้หนึ่งหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศและไม่สามารถเคลื่อนไหว

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของภาคเหนือหลิวฮุ้ยถอนหายใจ “ก่อนหน้านี้ข้าเกือบถูกเจ้าฆ่า เกือบไปแล้วจริงๆ”

เหงื่ออันเย็นเยียบไหลลงมาจากหน้าผากของผู้อมตะวังสวรรค์ “ท่าไม้ตายอมตะของเจ้าไม่สามารถพันธนาการข้า ฮืม มันเป็นเพียงเพราะพลังอํานาจของเทพอมตะตะวันเดือด!”

หลิวฮุ้ยเย้ยหยัน “ก่อนหน้านี้พวกข้าไม่ได้ถูกกดพลังไว้โดยวิญญาณชะตากรรมงั้นหรือ? นอกจากนั้นผู้ใดจะสนว่ามันเกิดขึ้นเพราะเหตุใด? อยู่หรือตาย ชัยชนะหรือพ่ายแพ้ นี่คือสิ่งสําคัญที่สุด ไปตายซะ!”

เขาโบกมือเบาแต่สามารถสังหารศัตรูทันที

ดวงตาของหลิวฮุ้ยเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร “ผู้ใดจะเป็นรายต่อไป?”

“เจ้าไม่สามารถทําลายการป้องกันของข้า อย่าเสียเวลา” ผู้อมตะของวังสวรรค์ผู้หนึ่งยืนอยู่ภายใต้ปราการป้องกันที่แข็งแกร่ง

ผู้อมตะภาคเหนืออวี๋หยางจื่อเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ข้าในปัจจุบันไม่เหมือนเดิมแล้ว ท่าไม้ตายอมตะสลายตัว!”

ชื่อเดิมของอวี๋หยางจือคือเย่หลิวฮวา เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกฎ เขาประสบความสําเร็จอย่างมาก แต่เผ่าเย่หลิวไม่ได้ดูแลเขาอย่างเหมาะสม ด้วยความโกรธ เขาละทิ้งเผ่าและกลายเป็นปีศาจอมตะที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือ

หลายปีต่อมาเผ่าเย่หลิวถูกกดดันโดยเผ่าอื่น เย่หลิวฮวาในฐานะผู้อมตะระดับแปดกลับมาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของเผ่าเย่หลิวและนําเผ่าก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง

“เป็นไปได้อย่างไร?” ผู้อมตะของวังสวรรค์ตกใจมากเมื่อปราการป้องกันของเขาแตกสลายไปอย่างสมบูรณ์

ด้วยความช่วยเหลือจากเทพอมตะตะวันเดือด อวี๋หยางจื่อกลายเป็นฝ่ายเหนือกว่า สุดท้ายผู้อมตะของวังสวรรค์ก็ตกตายอยู่ในกํามือของเขา

สามผู้อมตะของวังสวรรค์กําลังต่อสู้กับหยวนเพิ่ง

หยวนเพิ่งบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกระดูกเป็นหลักและบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเป็นเส้นทางรอง เขาเคยเป็นผู้อมตะอันดับหนึ่งของภาคเหนือ แม้แต่อีกสี่ภูมิภาคยังรู้จักชื่อเสียงของเขา

ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยกระดูกสีขาว เขาถือหอกกระดูกในมือขวาและถือดาบกระดูกในมือซ้าย

หยวนเพิ่งคํารามและยิงหนามกระดูกจํานวนนับไม่ถ้วนออกจากเกราะกระดูก

ผู้อมตะของวังสวรรค์ผู้หนึ่งไม่สามารถหลบได้ทันเวลาและเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ

หยวนเพิ่งฉวยโอกาสนี้ใช้หอกกระดูกแทงทะลุหัวใจของผู้อมตะวังสวรรค์คนที่สอง ขณะเดียวกันเขาก็ใช้ดาบกระดูกตัดศีรษะของผู้อมตะวังสวรรค์คนที่สามออกจากร่าง

เขาสังหารสามผู้อมตะของวังสวรรค์ในครั้งเดียวแต่เขากลับไม่ตื่นเต้น “น่าเสียดายที่พวกเจ้าไม่มีวิญญาณอมตะและไม่สามารถแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมา นอกจากนี้ข้ายังได้รับการ สนับสนุนจากบรรพชนตะวันเดือด การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีเกียรติให้ได้รับ”

“บึม!”

เสียงระเบิดดังขึ้น ราชันมังกรถูกส่งลอยกลับหลังราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่

เสียงคํารามของมังกรดังขึ้น ราชันมังกรสามารถรักษาเสถียรภาพได้อย่างรวดเร็ว

เงาขนาดใหญ่เคลื่อนที่เข้าปกคลุมเขา

ราชันมังกรเงยหน้าขึ้นและพบแท่นบูชาแห่งโชคกําลังพุ่งลงมาราวกับภูเขาถล่ม

ราชันมังกรคํารามและไม่มีเจตนาที่จะหลบเลี่ยง

“ท่านราชันมังกร ให้ข้าช่วยท่าน!” ผู้อมตะของวังสวรรค์อู๋ซวงกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะกับราชันมังกร

ท่าไม้ตายอมตะไร้เทียมทาน!

ราชันมังกรสูดหายใจลึกและต่อยแท่นบูชาแห่งโชค

ท่าไม้ตายอมตะหมัดมังกรโกลาหล!

หมัดมังกรโกลาหลไร้เทียมทาน!

เงาหมัดจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมตีแท่นบูชาแห่งโชค

“ราชันมังกรผู้นี้แข็งแกร่งเกินไปจริงๆ!” ปิงช่ายฉวนกัดฟันแน่น

แท่นบูชาแห่งโชคได้รับการสนับสนุนจากเทพอมตะตะวันเดือด ความแข็งแกร่งของมันเพิ่มขึ้นหลายเท่าแต่มันยังไม่สามารถปราบปรามราชันมังกร

เป็นเพียงเวลานี้ที่ยักษ์ทองคําเข้าสู่สนามรบ

มันคือค่ายกลวิญญาณอมตะรูปแบบการต่อสู้โบราณความสิ้นหวังทั้งเจ็ด

“ราชันมังกร ตายซะ!” ยักษ์ทองคําพ่นเข็มสีดําจํานวนนับไม่ถ้วนไปยังราชันมังกร

“บัดซบ!” อู๋ซวงเฝ้ามองด้วยความโกรธ เขาต้องการเข้าไปช่วยแต่ถูกปิดกั้นโดยผู้อมตะภาคเหนือคนอื่นๆ

ผู้อมตะภาคเหนือเต็มไปด้วยประสบการณ์การต่อสู้ หลังจากต่อสู้มานาน พวกเขาสามารถประสานงานกันได้อย่างกลมกลืน

ราชันมังกรที่กําลังโจมตีแท่นบูชาแห่งโชคถูกโจมตีโดยความสิ้นหวังทั้งเจ็ด

เข็มสีดําทําให้ราชันมังกรรู้สึกเจ็บปวดแม้แต่ก่อนที่พวกมันจะสัมผัสร่างกายของเขา

ดวงตาของราชันมังกรส่องประกายขึ้น

ท่าไม้ตายอมตะดวงตามังกร!

ด้วยท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบ เขาสามารถมองเห็นรายละเอียดของเข็มสีดําเหล่านี้ มันเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความมืดและต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งความมืดในการป้องกันเท่านั้น หากเขารับมันด้วยเกล็ดมังกรหรือปราณมังกร ร่างกายของเขาจะเต็มไปด้วยรูพรุน เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส

“เช่นนั้นก็ใช้การโจมตีปะทะการโจมตี!” ราชันมังกรอ้าปากพ่นลมหายใจออกไป

ท่าไม้ตายอมตะลมหายใจดาบ!

ลมหายใจดาบปะทะเข็มสีดํากลางอากาศ

ลมหายใจดาบและเข็มสีดําหายไปมากกว่าครึ่ง แต่บางส่วนยังพุ่งเข้าโจมตีราชันมังกรและความสิ้นหวังทั้งเจ็ด

ราชันมังกรคํารามด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกโจมตี ร่างกายของยักษ์ทองคําถูกตัดออกไปบางส่วน

อาการบาดเจ็บเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อผู้อมตะเจ็ดดาวเหนือที่อยู่ภายในเช่นกัน

พวกเขาอดทนต่อความเจ็บปวดและยังไล่ล่าราชันมังกรต่อไป

ราชันมังกรทําได้เพียงล่าถอย

ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่ราชันมังกรถูกบังคับให้ล่าถอย

ท่าไม้ตายอมตะมังกรสวรรค์ทําให้ความแข็งแกร่งของราชันมังกรในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเหนือกว่าผู้อมตะระดับแปดทั้งหมด แต่ต่อหน้าท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า เขากลายเป็นไรนัยสําคัญ

ลําแสงสีทองของเทพอมตะตะวันเดือดถูกส่งมาจากภาคเหนือ มันข้ามผ่านภูมิภาคโดยไม่อ่อนกําลังลง การป้องกันของวังสวรรค์แข็งแกร่งมาก แต่มันยังไม่สามารถต่อต้านการโจมตีของเทพอมตะตะวันเดือด

โชคดีที่ในช่วงเวลาสําคัญเทพอมตะกลุ่มดาวเคลื่อนไหวและช่วยป้องกันการโจมตีของเทพอมตะตะวันเดือด

แต่หลังจากถูกสกัดกั้น การโจมตีของเทพอมตะตะวันเดือดกลับเปลี่ยนเป็นพลังที่ช่วยสนับสนุนกลุ่มผู้อมตะภาคเหนือและทําให้พวกเขาสามารถพลิกสถานการณ์

มันเป็นท่าไม้ตายต่อเนื่อง ผันแปร ทับซ้อน และแยกส่วน

ทักษะของเทพอมตะตะวันเดือดอยู่นอกเหนือความเข้าใจของราชันมังกรไปอย่างสมบูรณ์

“พลังของข้ากําลังจะหายไป”

“ดูเหมือนการสนับสนุนของบรรพชนตะวันเดือดจะอยู่ได้ไม่นาน!”

“เราต้องหยุดให้ความสําคัญกับการต่อสู้ สิ่งสําคัญคือเราต้องทําลายแนวป้องกันและบุกเข้าไปยึดครองวิญญาณชะตากรรม!”

เมื่อเวลาผ่านไปกลุ่มผู้อมตะภาคเหนือเริ่มตระหนักถึงบางสิ่ง

ความแข็งแกร่งของพวกเขากําลังลดลง

การสนับสนุนของเทพอมตะตะวันเดือดเหนือกว่าท่าไม้ตายอมตะวีรบุรุษท่ามกลางผู้คน แต่วีรบุรุษท่ามกลางผู้คนครอบคลุมพื้นที่กว้างกว่าและสามารถอยู่ได้นานกว่า

การแสดงออกของราชันมังกรเปลี่ยนไป

เขาแทบไม่สามารถต่อต้านแท่นบูชาแห่งโชคและความสิ้นหวังทั้งเจ็ด ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถช่วยปกป้องค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

ผู้อมตะของวังสวรรค์รวมตัวกันสร้างแนวป้องกันอยู่ด้านหน้าค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

ภายใต้ความบ้าคลั่งของผู้อมตะภาคเหนือ แนวป้องกันของวังสวรรค์กําลังจะแตกพ่าย

ท่าไม้ตายอมตะทุกประเภทพุ่งปะทะกัน ศพของผู้อมตะหลายคนร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า

ทั้งสองฝ่ายเดิมพันด้วยชีวิต

ผู้อมตะของวังสวรรค์ตื่นขึ้นจากสุสานอมตะอย่างต่อเนื่องและรีบเข้าไปเสริมแนวป้องกัน

ผู้อมตะภาคเหนือเดินออกมาจากสายธารแห่งกาลเวลาและเข้าสู่การต่อสู้โดยไม่กล่าวสิ่งใด

แนวป้องกันของวังสวรรค์กําลังจะพังทลาย แม้เทพธิดาจื่อเว่ยจะเข้าสู่สนามรบแล้ว แต่นางก็ไม่สามารถทําสิ่งใด

เป็นเพียงเวลานี้ที่เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นด้านข้างเทพธิดาจําอวเย

มันคือผู้อมตะภาคเหนือหลิวหลิว

คนผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับแปด เดิมทีเขาควรได้รับตําแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของเผ่าหลิว แต่เขาชอบรังแกคนอ่อนแอและไม่เคยต่อสู้อย่างเปิดเผย วิธีที่เขาเชี่ยวชาญคือการลอบโจมตี

ชื่อเสียงของเขาเลวร้ายมาก นั่นทําให้คนอื่นๆไม่ไว้วางใจเขา

หากเขารับตําแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของเผ่าหลิว เขาอาจทําให้ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของเผ่าหลิวพังทลาย

หลิวหลิวเป็นการดํารงอยู่ที่ผิดปกติและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เขาเป็นหนึ่งในตํานานที่เลวร้ายของภาคเหนือ แต่ด้วยธรรมชาตินี้ เขาจึงรอดชีวิตมาจนถึงเวลานี้

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท