เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1735 ลําแสงสีทอง

บทที่ 1735 ลําแสงสีทอง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1735 ลําแสงสีทอง

สมรภูมิแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ

“ศัตรูกลับเข้ามาในค่ายกล ดูเหมือนพวกเขาต้องการใช้ประโยชน์จากควันห้าสี หลี่ฮวงและคนอื่นๆกําลังมีปัญหา” เฉินอี้เฝ้ามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

“เราควรออกไปช่วยพวกเขาหรือไม่? หากรวมมือกัน บางทีเราอาจสามารถทําลายค่ายกลของศัตรู ตราบเท่าที่ค่ายกลของพวกเขาถูกทําลาย พวกเขาจะไม่เหลือโอกาส” เพ่ยกังซุ้ยเสนอ

เฉินอี้พิจารณาก่อนส่ายศีรษะ “ไม่จําเป็นต้องเสี่ยง พวกเรายังเป็นฝ่ายได้เปรียบ นําพวกเขาเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะเก้าสิบเก้ารูปแบบ”

เฉินอี้ไม่เต็มใจออกไปและต้องการนํากลุ่มของหลี่ยวงเข้ามา

เขาต้องการใช้กลยุทธ์ถ่วงเวลาต่อไป

ฟางหยวนเริ่มต่อสู้กับหลี่ฮวงอีกครั้ง

ท่ามกลางควันห้าสี พลังการต่อสู้ของหลี่ฮวงและคนอื่นๆถูกจํากัดอย่างมาก

หลี่ฮวงต้องออกคําสั่งล่าถอยเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะเก้าสิบเก้ารูปแบบ

ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่ค่ายกลของตนเอง สนามรบเหลือเพียงวายุไร้ขอบเขต

วูหยงและฟางหยวนปกป้องค่ายกลวิญญาณอมตะห้าภูมิภาค

วูหยงควบคุมวายุไร้ขอบเขตโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะเก้าสิบเก้ารูปแบบ

ฟางหยวนซ่อนตัวและเคลื่อนที่ไปข้างหน้าพร้อมกับควันห้าสีที่แผ่ขยายออกไปเรื่อยๆ

“อดทนไว้ ตราบเท่าที่การต่อสู้ในวังสวรรค์สิ้นสุดลง พวกเราจะชนะ” เฉินอี้ปลุกขวัญกําลังใจ

แต่เพียงเมื่อเขากล่าวจบประโยค เสียงระเบิดกลับดังขึ้น

มันเป็นการระเบิดจากค่ายกลวิญญาณอมตะห้าภูมิภาค ร่างหนึ่งพุ่งออกมาราวกับลูกศรจากภายในกลุ่มควันห้าสี

“องค์ชายฟงเซี่ยน เจ้าทําสิ่งใด?”

“ฆ่าเขาซะ เขาเป็นสายลับของวังสวรรค์!”

“ท่านจื่อซิวหยู ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? เร็วเข้า ช่วยท่านจือชิวหยู!”

เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน กองกําลังพันธมิตรภาคใต้และภาคเหนือตกอยู่ในความโกลาหล

“องค์ชายฟงเซี่ยน อย่าคิดหนี!” ฟางหยวนและวุหยงปิดล้อมองค์ชายฟงเซี่ยน

เพ่ยกังซุ้ยมีความสุขมาก “องค์ชายฟงเซียนทําลายค่ายกลของศัตรูจากภายใน ทําได้ดีมาก!”

ผู้อมตะบางคนที่ไม่รู้ข้อมูลตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้

“เร็วเข้า องค์ชายฟงเซี่ยนเป็นสมาชิกของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ ไปช่วยเขา!” ผู้อาวุโสของนิกายคฤหาสน์วิญญาณกระตุ้น

แม้เขาจะไม่กล่าว เฉินอี้ก็ออกคําสั่งไปแล้ว

หลี่ฮวง ชิงเย่ และเพ่ยกังซุ้ยบินออกไปเพื่อนําองค์ชายฟงเซี่ยนกลับมา

ฟางหยวนและวูหยงถูกขัดขวางโดยคนทั้งสาม

องค์ชายฟงเซี่ยนไม่อ่อนแอ ด้วยความช่วยเหลือจากกําลังเสริม เขาประสบความสําเร็จในการเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะเก้าสิบเก้ารูปแบบ

อย่างไรก็ตามผู้อมตะของวังสวรรค์ไม่รู้ว่าองค์ชายฟงเซี่ยนที่ถูกนําเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะของพวกเขาเป็นตัวปลอม!

ในที่สุดข้าก็เข้ามา” ฟางหยวนลอบเย้ยหยันอยู่ภายใน

ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย!

ท่าไม้ตายนี้ได้รับการดัดแปลงครั้งใหญ่โดยฟางหยวน ด้วยการเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เขาได้รับจากถ้ำสวรรค์นักรบอสูร พลังอํานาจของใบหน้าที่คุ้นเคยจึงพุ่งทะยานขึ้นอีกหลายเท่า

แม้วังสวรรค์จะเตรียมตัวรับมือมาแล้ว แต่พวกเขายังไม่พบตัวตนที่แท้จริงของฟางหยวน

สําหรับองค์ชายฟงเชี่ยนตัวจริง ตอนนี้เขายังอยู่ในค่ายกลวิญญาณอมตะห้าภูมิภาค

ค่ายกลวิญญาณอมตะห้าภูมิภาคถูกแก้ไขโดยฟางหยวนอีกครั้ง เขาผนวกค่ายกลอื่นเข้าไป ค่ายกลนี้เป็นกรงที่กักขังองค์ชายฟงเชี่ยนเอาไว้

ฟางหยวนที่อยู่ในควันห้าสีเป็นการปลอมตัวของอี้ห่าวฟาง

อี้ห่าวฟางเป็นผู้อมตะระดับแปดของภาคใต้ที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกาเปลี่ยนแปลง

แม้เขาจะไม่มีท่าไม้ตายอมตะที่เหมือนกับท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย แต่ควันห้าสีช่วยปกป้องเขาจากการตรวจสอบของฝ่ายตรงข้าม

สําหรับค่ายกลวิญญาณอมตะห้าภูมิภาค มันระเบิดจริงๆ วิญญาณระดับมนุษย์จํานวนมากจเสียชีวิต วิญญาณอมตะบางดวงได้รับความเสียหายเช่นกัน

การกระทํานี้เป็นการหลอกลวงศัตรู

กลุ่มของเฉินอี้ได้รับการแจ้งเตือนจากเทพธิดาจื่อเว่ยเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงขององค์ชายฟงเซียน ดังนั้นพวกเขาจึงให้ความสําคัญกับองค์ชายฟงเซี่ยนตลอดเวลา

หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ พวกเขาจะร่วมมือกับองค์ชายฟงเซียนเพื่อต่อต้านศัตรู

ตอนนี้องค์ชายฟงเชี่ยนทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะของศัตรูโดยตรง นี่ถือเป็นผลงานชิ้นใหญ่

กลุ่มของเฉินอี้เตรียมใจมาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงยอมรับฟางหยวนทันที

“เนื่องจากความลับเรื่องการกําเนิดใหม่ของข้าถูกเปิดเผย วังสวรรค์ย่อมระวังการเปิดเผยตัวตนขององค์ชายฟงเชี่ยนเช่นกัน สงครามครั้งนี้เกี่ยวข้องกับวิญญาณชะตากรรม ในช่วงเวลาสําคัญ วังสวรรค์จะใช้องค์ชายฟงเชี่ยนเพื่อรักษาสถานการณ์อย่างแน่นอน! นี่คือสิ่งที่ข้าสามารถใช้ประโยชน์!”

ฟางหยวนลอบเย้ยหยันอยู่ภายใน เขาปลอมตัวเป็นองค์ชายฟงเซียนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยความมั่นใจ

ผู้อาวุโสของนิกายคฤหาสน์วิญญาณต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน”

ฟางหยวนเตรียมเคลื่อนไหว

“ข้าไม่ใช่องค์ชายฟงเซี่ยนตัวจริง ข้าจะถูกเปิดเผยหากพูดคุยกับพวกเขา”

“ข้าไม่มีวิธีปกปิดกลิ่นอายเช่นวุหยง กลิ่นอายของข้าจะรั่วไหลออกมาเมื่อข้าเตรียมท่าไม้ตาย”

ดังนั้นเวลาที่เหมาะสมที่จะลงมือมากที่สุดคือทันทีที่ข้าเข้ามาในค่ายกลของศัตรูเพราะตอนนี้กลิ่นอายจากก่อนหน้าของเขายังไม่สลายไป

ฟางหยวนกําลังจะเคลื่อนไหวแต่การเปลี่ยนแปลงกลับเกิดขึ้นอีกครั้ง

การแสดงออกของทุกคนในสนามรบเปลี่ยนไป

“มันคือสิ่งใด?”

“ท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า! ดูเหมือนมันจะมาจากภาคเหนือ!”

“กลิ่นอายบนเส้นทางแห่งโชค!”

“ทิศทางของมันดูเหมือนจะเป็นวังสวรรค์!”

ทุกคนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

ลําแสงขนาดมหึมาพุ่งผ่านท้องฟ้าไปทางวังสวรรค์ด้วยความเร็วสูง

ลําแสงสายนี้มีขนาดเท่าแม่น้ำสายใหญ่ที่เคลื่อนผ่านท้องฟ้า ไม่ว่ามันจะไปที่ใด มันจะผลักอากาศทั้งหมดออกไปและสร้างเสียงที่น่าสะพรึงกลัวออกมา

ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังเช่นนี้ทําให้ทุกคนตกใจและมีนงง

เฉินอี้ วูหยง รวมถึงฟางหยวนรู้สึกว่าตนเองตัวเล็กและกลายเป็นไร้นัยสําคัญในเวลานี้

นี่คือพลังอํานาจของเทพอมตะ!

ลําแสงสายนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากสวรรค์สีดําของภาคเหนือ มันเจาะทะลวงกําแพงภูมิภาคและโจมตีวังสวรรค์โดยตรง

วังสวรรค์เกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ คฤหาสน์วิญญาณอมตะจํานวนนับไม่ถ้วนแตกสลายทันที

“นี่คือ!?” ราชันมังกรมองขึ้นไปด้านบน

เขาสามารถกําหราบแท่นบูชาแห่งโชคและความสิ้นหวังทั้งเจ็ดอย่างราบคาบ แต่ใบหน้าของเขากลับซีดเผือดเมื่อเขาเห็นลําแสงพุ่งเข้ามาหาเขา เขากลายเป็นปลาที่วางอยู่บนเขียงและไม่สามารถเคลื่อนไหว

“ท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า! มันเป็นท่าไม้ตายของเทพอมตะ!”

“เทพอมตะตะวันเดือดทิ้งวิธีการบางอย่างไว้เบื้องหลัง ไม่ เป้าหมายของมันไม่ใช่ข้าแต่เป็นวิญญาณชะตากรรม!”

ราชันมังกรพยายามดิ้นรนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาอย่างสิ้นหวัง

แต่สิ่งที่เขากลัวยังเกิดขึ้น ท่าไม้ตายอมตะของเขาล้มเหลวทั้งหมด เขาได้รับผลกระทบย้อนกลับและบาดเจ็บสาหัสทันที

กลุ่มผู้อมตะในวังสวรรค์รู้สึกสับสนและตกตะลึง บางคนประเมินตนเองสูงเกินไปและพยายามกีดขวางลําแสงจนถูกเผาทําลายกลายเป็นเถ้าถ่าน

ผู้อมตะระดับแปดไม่สามารถกีดขวางลําแสงสายนี้

“ท่านเทพอมตะตะวันเดือด!”

“นายท่าน…”

ดวงตาของปิงชายฉวนและเหมาหลี่ชิวส่องประกายขึ้น

แต่ในจังหวะที่ลําแสงกําลังจะปะทะค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอม รวมเสียงถอนหายใจสายหนึ่งพลันดังขึ้น

ภาพเงาร่างสองร่างที่กําลังเล่นหมากรุกปรากฏขึ้นในศาลาแห่งความเสียใจอีกครั้ง

เทพอมตะกลุ่มดาวคว้าตัวหมากรุกและโยนมันออกไป

แสงดาวจํานวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันและกลายใยแมงมุมกีดขวางการเคลื่อนที่ของลําแสงสีทองที่พุ่งเข้ามา

“เทพอมตะกลุ่มดาว!”

“มันคือความช่วยเหลือจากเทพอมตะกลุ่มดาว!”

กลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์รู้สึกยินดี พวกเขามองไปยังศาลาแห่งความเสียใจด้วยความเคารพและตื่นเต้น

ราชันมังกรถอนหายใจ ลําแสงสีทองเกือบสัมผัสใบหน้าของเขา แต่สุดท้ายมันถูกหยุดโดยใยแมงมุมแสงดาว

“บัดซบ! เกือบแล้ว” ปิงช่ายฉวนอารมณ์เสีย

หากราชันมังกรตาย ขวัญกําลังใจของฝายวังสวรรค์จะลดลงอย่างมาก ถ้ำสวรรค์นิรันดรจะยังมีความหวัง

“นางสารเลวกลุ่มดาว!” เหมาหลี่ชิวกัดฟันแน่น

เป็นเพียงเวลานี้ที่ลําแสงสีทองเกิดการเปลี่ยนแปลง มันเริ่มหมุนวนรอบตัวเอง

ภายในศาลาแห่งความเสียใจ ใบหน้าของเทพอมตะกลุ่มดาวปรากฏให้เห็นถึงความประหลาด

ลําแสงที่หมุนวนระเบิดขึ้นในที่สุด กระแสปราณสีทองนับร้อยสายพุ่งเข้าสู่ร่างกายของปิงช่ายฉวน เหมาหลี่ชิว และผู้อมตะภาคเหนือทั้งหมด

เหมาหลี่ชิวตกตะลึง

อาการบาดเจ็บทั้งหมดของมันหายไป พลังงานอมตะจํานวนมากควบแน่นขึ้นในมิติช่องว่างของมัน

รัศมีแสงสีทองปรากฏขึ้นบนร่างกายของผู้อมตะภาคเหนือและช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกเขา

มันกระทั่งยอดเยี่ยมกว่าท่าไม้ตายอมตะวีรบุรุษท่ามกลางผู้คนของวังสวรรค์หลายเท่า

“ราชันมังกร มาสู้กันอีกครั้ง!” ปิงช่ายฉวนตะโกนเสียงดัง

แท่นบูชาแห่งโชคเรืองแสงสีทองออกมาเช่นกัน ภายใต้การควบคุมของปิงช่ายฉวน มันบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

ราชันมังกรไม่หลบแต่เผชิญหน้ากับแท่นบูชาแห่งโชคโดยตรง

แต่แท่นบูชาแห่งโชคยังถูกส่งลอยกลับหลังราวกับกระสุนปืนใหญ่ มันหยุดลงก่อนจะปะทะกําแพงปราณ

อย่างไรก็ตามใบหน้าของราชันมังกรกลับซีดขาวขณะที่เขาพ่นเลือดคําโตออกมาจากปาก

หน้าอกของเขายุบ ซี่โครงของเขาหักเกือบทั้งหมด

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท