เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1731 ค่ายกลห้าภูมิภาค

บทที่ 1731 ค่ายกลห้าภูมิภาค

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1731 ค่ายกลห้าภูมิภาค

สมรภูมิแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ

พายุหมุนขนาดใหญ่พุ่งเข้าโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะของวังสวรรค์

องค์ชายฟงเซี่ยนและปาซื่อปาที่อยู่ด้านนอกมองไปยังขอบฟ้า

ผู้อมตะระดับแปดสองคนค่อยๆปรากฏตัวขึ้น

พวกเขาคือหลี่ฮวงและชิงเย่

“ในที่สุดเราก็มาถึง!”

“มันยังไม่สาย”

ทั้งสองมาถึงในที่สุด

“วายร้ายฟางหยวนอยู่ที่ใด?” ดวงตาของหลี่ฮวงส่องแสงสีแดงออกมาและพยายามตรวจสอบ

เขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อฟางหยวน

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนจงใจล่าถอยไปในทิศทางตรงข้ามกับแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ เขาทําให้หลี่ฮวงและคนอื่นๆเคลื่อนที่ห่างออกไปไกลมาก หลังจากนั้นฟางหยวนก็ใช้ท่าไม้ตายท่องแดนอมตะเดินทางมายังแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติและทิ้งกลุ่มของหลี่ฮวงไว้ข้างหลัง

วังสวรรค์ไม่มีหอคอยดวงประทีป หลี่ฮวงและชิงเย่ต้องเดินทางไกลเพื่อมายังแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติด้วยความร้อนใจ

“พวกเขาร่วมมือกัน” ชิงเย่ตอบ สายตาของเขากวาดผ่านค่ายกลวิญญาณอมตะและวายุไร้ขอบเขต

“ท่าไม้ตายนี้แข็งแกร่งมาก! มันเป็นภัยคุกคามต่อค่ายกลวิญญาณอมตะ เราควรกําจัดมันออกไป”

“วูหยงมีท่าไม้ตายอมตะวายุไร้ขอบเขตและอําลาสหาย หากเป็นไปได้ เราควรฆ่าเขา หากเขาสามารถกลับภาคใต้ เขาจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของวังสวรรค์ในอนาคต!”

หลี่ฮวงและชิงเย่พูดคุยก่อนจะมุ่งหน้าไปยังวายุไร้ขอบเขต

องค์ชายฟงเซี่ยนและปาซื่อปารีบไปที่นั่นเช่นกัน

“ไป!” องค์ชายฟงเซี่ยนตะโกนและสะบัดมือส่งบอลเพลิงนับร้อยพุ่งออกไป

“ใช้ไฟโจมตีข้างั้นหรือ? น่าขัน!” หลี่ฮวงไม่หลบ

บอลเพลิงขององค์ชายฟังเซี่ยนปะทะเสื้อคลุมเพลิงสุริยันของหลี่ฮวงแต่ฝ่ายหลังไม่ได้รับบาดเจ็บ ตรงข้าม เสื้อคลุมเพลิงสุริยันของหลี่ฮวงกระทั่งทรงพลังขึ้น

การแสดงออกขององค์ชายฟังเซี่ยนไม่เปลี่ยน เขาชี้นิ้วไปที่หลี่ฮวง

เปลวเพลิงสีม่วงพุ่งออกไปพัวพันหลี่ฮวงเอาไว้

ทั้งสองต่อสู้กันอยู่บนท้องฟ้าและทําให้อุณหภูมิรอบๆพุ่งสูงขึ้น

ปาซื่อปาเฝ้ามองการต่อสู้ขององค์ชายฟงเซี่ยนและคิด “ฮืม องค์ชายฟงเซี่ยนยังทําหน้าที่ของเขาอยู่ เขาปกปิดตนเองได้ดี”

ปาซื่อปาได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับตัวตนขององค์ชายฟงเซี่ยนผ่านรูหยงแต่เขาแสร้งทําเป็นไม่รู้

วูหยงและฟางหยวนคาดเดาไว้แล้ว องค์ชายฟงเซี่ยนยังมีประโยชน์ต่อวงสวรรค์ ในสงครามหาภูมิภาค เขาจะมีประโยชน์มากขึ้น

องค์ชายฟงเซี่ยนและหลี่ฮวงต่างเป็นผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งไฟ การต่อสู้ของพวกเขาทําให้ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดง มวลอากาศร้อนทําให้สิ่งมีชีวิตต้องหลบหนี

ปาซื่อปาและชิงเย่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกฎและความมืดตามลําดับ แม้การต่อสู้ของพวกเขาจะไม่ทําให้เกิดความโกลาหลมากนัก แต่มันก็ยังไร้ปรานี

หลี่ฮวงล่วงรู้ตัวตนขององค์ชายฟงเซี่ยน พวกเขาเพียงแสดงละครเท่านั้น

แต่ปาซื่อปาและชิงเย่ต่อสู้กันจริงๆ

ปาซื่อปาคํารามและส่งแสงลึกลับจํานวนมากพุ่งเข้าโจมตีชิงเย่ราวกับดาบหรือกระบี่

มันเป็นการโจมตีต่อเนื่องที่ปาซื่อปาฝึกฝนมานาน

ท่าไม้ตายประเภทนี้สามารถสนับสนุนและเพิ่มพลังการโจมตีมากขึ้นเรื่อยๆ

เงื่อนไขคือปาซื่อปาต้องใช้ท่าไม้ตายเดิมและไม่สามารถเปลี่ยนเป็นท่าไม้ตายอื่น

ชิงเย่ถูกบังคับให้ล่าถอย เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของเขา “ข้าไม่สามารถปล่อยให้มันดําเนินต่อไป เมื่อเขาโจมตีต่อเนื่องถึงครั้งที่สิบแปด การป้องกันของข้าจะพังทลายลง”

ชิงเย์ใช้ท่าไม้ตายอมตะทําให้ร่างกายของเขาหายไปในความมืด

บนท้องฟ้า มันเหมือนหยดน้ำหมึกที่ตกลงสู่ผิวน้ำและกระจายออกไปเป็นวงกว้าง

ปาซื่อปาหรี่ตามอง “นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะเฉพาะตัวของชิงเย่ ท้องฟ้าสีดํา!”

ทั้งสองฝ่ายมีข้อมูลของกันและกัน

ท้องฟ้าสีดําเป็นท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ ในทางทฤษฎี มันสามารถขยายตัวออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ปาซื่อปาบินถอยหลัง

เขาตัดสินใจหลีกเลี่ยง

หากปาซื่อปาเข้าไปในเขตแดนนี้ พลังการต่อสู้ของเขาจะลดลง

แต่เหตุผลสําคัญคือองค์ชายฟงเซี่ยน

ปาซื่อปากรู้ว่าองค์ชายฟงเซี่ยนเป็นสายลับ หากเขาเข้าไปในเขตแดนอมตะ เขาจะไม่สามารถมองเห็นภายนอก ชิงเย่อาจอนุญาตให้องค์ชายฟงเซี่ยนและหลี่ฮวงเข้าไปในเขตแดนและร่วมมือกันกําจัดเขา

เมื่อเวลานั้นมาถึง ปาซื่อปาจะต้องต่อสู้กับศัตรูสามคนพร้อมกัน

ขณะที่การต่อสู้ของพวกเขาติดอยู่ในทางตัน คฤหาสน์วิญญาณอมตะจํานวนมากก็ปรากฏขึ้นที่เส้นขอบฟ้า

ท่ามกลางพวกมันมีคฤหาสน์มังกรน้ำแข็งและหอคอยวายุรวมอยู่ด้วย

เดิมที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะเหล่านี้อยู่ปกป้องเมืองจักรพรรดิ แต่ตอนนี้เมืองจักรพรรดิกลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว ดังนั้นคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งหมดจึงมาที่นี่เพื่อเป็นกําลังเสริม

คฤหาสน์มังกรน้ำแข็งเริ่มปล่อยแสงสีฟ้าออกมา

แสงสีฟ้าควบรวมเป็นมังกรไร้เขาสีฟ้าอ่อน มันเปิดปากและส่งก้อนน้ำแข็งจํานวนนับไม่ถ้วนไปยังปาซื่อปา

ความเร็วของปาซื่อปาลดลงอย่างมาก เขาพยายามหลีกเลี่ยงเขตแดนของชิงเย่ ในเวลาเดียวกันเขาก็ยังต้องต่อต้านการโจมตีของคฤหาสน์มังกรน้ำแข็ง

“บึม บึม บึม!”

คฤหาสน์มังกรน้ำแข็งถูกโจมตีและเริ่มส่งสัญญาณของการพังทลาย

มังกรไร้เขาสีฟ้าอ่อนสองตัวบินเข้าหดตัวอยู่รอบๆคฤหาสน์มังกรน้ำแข็งและพ่นแสงลึกลับออกมา

“คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้สามารถขับไล่ความเสียหายของตัวมังเอง!” หัวใจของปาซื่อปาจมดิ่งลง เขาไม่สามารถทําลายคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ได้ในเวลาอันสั้น หากเขายังดําเนินการต่อไป ท้องฟ้าสีดําจะกลืนกินเขาเข้าไปในที่สุด เขาต้องล่าถอย

ในจังหวะนี้หอคอยวายุก็เข้าสู่สนามรบ

มันไม่ได้ช่วยชิงเย่หรือหลี่ฮวงแต่กลับพุ่งเข้าไปในวายุไร้ขอบเขต

“เป็นลมที่ดี” ผู้ควบคุมหอคอยวายุหัวเราะเสียงดัง

ด้วยการรบกวนของหอคอยวายุ วายุไร้ขอบเขตจึงอ่อนกําลังลง

คฤหาสน์วิญญาณอมตะเข้าสู่สนามรบมากขึ้นเรื่อยๆ ฝ่ายของฟางหยวนกําลังตกอยู่ในอันตราย

“พวกเรามาแล้ว!”

ในช่วงเวลาสําคัญคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลายหลังก็บินออกมาจากค่ายกลวิญญาณอมตะเก้าสิบเก้ารูปแบบ หนึ่งในนั้นคือบ้านไม้ไผ่สายลม

ด้วยความช่วยเหลือจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะเจ็ดหลัง แรงกดดันของปาซื่อปาลดลงอย่างมาก

ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่การต่อสู้ที่โกลาหล คฤหาสน์วิญญาณอมตะต่อสู้กันอย่างดุเดือดและทําให้สถานการณ์กลายเป็นชะงักงัน

ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะ

ใบหน้าของวูหยงและคนอื่นๆกลายเป็นมืดครื้ม

แม้พวกเขาจะส่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกไปและสามารถรักษาเสถียรภาพ แต่พวกเขาก็ต้องใช้ไพ่ตายล่วงหน้า

พวกเขากําลังเสียเปรียบ

ตอนนี้การทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะเก้าสิบเก้ารูปแบบจะเป็นสิ่งตัดสิน

“ด้วยความเร็วของเรา โอกาสชนะจะลดลงเรื่อยๆ” ฟางหยวนถอนหายใจก่อนถาม “มรดกห้าภูมิภาคของเต๋าจูสามารถจัดการค่ายกลนี้หรือไม่?”

ย้อนกลับไปที่เทือกเขาห้าภูมิภาค วูหยงทําลายมันและได้รับมรดกที่แท้จริงของเต๋าจู

ด้วยการอนุมานของฟางหยวน มรดกห้าภูมิภาคของเต๋าจูสามารถเลียนแบบกําแพงภูมิภาค ภายในกําแพงภูมิภาค ผู้อมตะจะพบฟันเฟือนจากการใช้ท่าไมตายอมตะ

ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะหรือค่ายกลวิญญาณอมตะ พวกมันคือท่าไม้ตายอมตะ ชนิดหนึ่ง

ฟางหยวนคิดว่าหากเขาได้รับมรดกที่แท้จริงนี้ เขาจะมีวิธีต่อต้านค่ายกลวิญญาณอมตะของวังสวรรค์

วูหยงและจื่อชิวหยูมองหน้ากัน วูหยงกล่าว “ข้าได้รับมรดกนี้มีวิธีสร้างกําแพงภูมิภาคอยู่จริง แต่…”

จื่อชิวหยูกล่าวเสริม “แต่วิธีนี้ต้องใช้เส้นโลหิตปฐพีเพื่อสร้างค่ายกล มันยุ่งยากและซับซ้อนมาก”

เต๋าจูสร้างเทือกเขาห้าภูมิภาคขึ้นมาโดยพึ่งพาเส้นโลหิตปฐพีและค่ายกลวิญญาณอมตะ

วูหยงได้รับมรดกของเต๋าจูและค้นพบว่าแก่นแท้ของมันคือค่ายกลวิญญาณอมตะห้าภูมิภาค

ตระกูลวไม่เชี่ยวชาญด้านค่ายกล วูหยงจึงทํางานร่วมกับจือชิวหยูและสามารถค้นพบความลึกซึ้งของมัน

“เราต้องพึ่งพาเส้นโลหิตปฐพีจริงๆงั้นหรือ?” ฟางหยวนขมวดคิ้ว “เดี๋ยว! ข้าได้ยินว่าเมื่อไม่นานมานี้ผู้อมตะของตระกูลฮั่วได้รับวิญญาณอมตะเส้นโลหิตปฐพีจากร่องลึกใต้พิภาพ เราสามารถใช้วิญญาณอมตะดวงนี้แทนเส้นโลหิตปฐพีหรือไม่?”

วูหยงและจื่อชิวหยูมองหน้ากัน พวกเขาต้องถอนหายใจให้กับความคิดที่รวดเร็วของฟางหยวน

จื่อชิวหยูสายศีรษะ “ความจริงก็คือข้าได้รับวิญญาณอมตะเส้นโลหิตปฐพี่ผ่านการทําธุรกรรมกับตระกูลฮั่วมาแล้ว หากใช้มันแทนเส้นโลหิตปฐพี เราต้องดัดแปลงค่ายกลวิญญาณอมตะห้าภูมิภาค ข้าพยายามแล้วและมีความคืบหน้าอยู่บ้าง แต่มันยังห่างไกลจากความสําเร็จ”

โดยปกติผู้อมตะต้องใช้เวลาหลายปีในการดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะ

แม้จือชิวหยู่จะมีความสําเร็จบนเส้นาทางแห่งค่ายกล แต่เขายังขาดความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาไม่สามารถอนุมานได้เร็วนัก

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น “ค่ายกลวิญญาณอมตะห้าภูมิภาคจะเป็นโอกาสของเรา จื่อชิวหยู เจ้าไม่สามารถทําคนเดียว แต่เจ้าสามารถร่วมมือกับข้าและผู้อมตะคลื่นทมิฬ ด้วยวิธีนี้เราจะมีโอกาสประสบความสําเร็จ มาลองดูกันเถอะ”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท