เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1732 ตอบโต้อย่างไร้ปรานี

บทที่ 1732 ตอบโต้อย่างไร้ปรานี

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1732 ตอบโต้อย่างไร้ปรานี

สมรภูมิแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ

“พวกเขาพยายามทําสิ่งใด?” เฉินอี้และคนอื่นๆ ค้นพบพฤติกรรมที่ผิดปกติของฝ่ายตรงข้าม

ฟงจิวเก้อขมวดคิ้ว “พวกเขากําลังสร้างค่ายกล!”

“ค่ายกลภายในค่ายกลั้นหรือ?” เพ่ยกังซุ้ยก่นเสียงเย็น “พวกเขาประเมินเราต่ำเกินไป!”

การจัดตั้งค่ายกลภายในค่ายกลเป็นเรื่องยากโดยเฉพาะเมื่อคนผู้หนึ่งพยายามจัดตั้งค่ายกลในค่ายกลของศัตรู

เนื่องจากค่ายกลวิญญาณอมตะเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อม ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจะส่งอิทธิพลอย่างมากต่อค่ายกลวิญญาณอมตะส่วนใหญ่

วังสวรรค์ย่อมไม่ปล่อยให้ศัตรูประสบความสําเร็จ พวกเขากระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณอมตะและส่งคลื่นกระแทกเข้าโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะที่พึ่งสร้างขึ้นทันที

“อย่าหวัง!”

“มีพวกเราอยู่ที่นี่ พวกเจ้าสามารถจัดตั้งค่ายกลได้อย่างไร้กังวล!”

วูหยง เหยากวง และคนอื่นๆปกป้องอยู่รอบๆค่ายกลวิญญาณอมตะของพวกเขา

ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะ จื่อชิวหยู ผู้อมตะคลื่นทมิฬ และฟางหยวนทํางานอย่างเร่งรีบ

“วางอีกาเพลิงสามร้อยหกสิบตัว!” ผู้อมตะคลื่นทมิฬปาดเหงื่อบนหน้าผาก

“เรายังขาดวิญญาณดาบเดี่ยวระดับห้าอีกสี่สิบสี่ดวง พวกมันจะมาถึงเมื่อใด?” จื่อชิวหยูติดต่อผู้อมตะในสวรรค์สีเหลือง

ร่างกายของฟางหยวนสันเล็กน้อย วิญญาณอมตะในมือของเขาถูกส่งออกไปราวกับสายฝน

หลังจากไม่กี่ลมหายใจ เขาหยุดเคลื่อนไหว “วิญญาณโซ่อมตะระดับหกถูกวางไว้ในตําแหน่งที่เหมาะสมแล้ว”

จื่อชิวหยูและผู้อมตะคลื่นทมิฬชําเลืองมองฟางหยวนและคิดเหลือเชื่อ! ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาและเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวนสูงมาก นอกจากเขาจะสามารถอนุมานค่ายกลวิญญาณอมตะห้าภูมิภาคใหม่ทั้งหมด เขายังจัดตั้งมันได้อย่างรวดเร็ว

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวนอยู่ในระดับปรมาจารย์ มันต่ำกว่าจื่อชิวหยูและผู้อมตะคลื่นทมิฬ แต่เขามีประสบการณ์มากมายในการจัดตั้งค่ายกล

ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะชําระล้างตนเอง ค่ายกลวิญญาณอมตะท่องรอบทิศ ค่ายกลวิญญาณอมตะทะเลเกล็ดมังกร ค่ายกลวิญญาณอมตะตกอสูรปี ค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกสวรรค์ ค่ายกลวิญญาณอมตะสระแก่นแท้ปี และอื่นๆ พวกมันถูกสร้างขึ้นโดยเขาทั้งสิ้น

แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะห้าภูมิภาค แต่เขายังทํางานได้อย่างราบรื่น

หากข้าต้องจัดตั้งมันเพียงผู้เดียว ข้าต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก แต่ด้วยความช่วยเหลือจากจื่อชิวหยูและผู้อมตะคลื่นทมิฬ เราสามารถจัดตั้งมันได้อย่างรวดเร็ว เราต้องรีบทําให้สําเร็จ!” ฟางหยวนใช้ทุกวินาทีอย่างคุ้มค่า

สมรภูมิวังสวรรค์

“หลี่ฮวง ชิงเย่ และคนอื่นๆไปถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติแล้ว วายุไร้ขอบเขตของวูหยงถูกกําหราบโดยหอคอยวายุ ข้อมูลเกี่ยวกับองค์ชายฟังเซี่ยนยังไม่ถูกเปิดเผย แต่ข้าไม่เข้าใจเจตนาของฟางหยวนในการสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะ นอกจากนี้กําลังเสริมของเรากําลังจะไปถึงถ้ำมังกรเร้น” เทพธิดาคือเว่ยรายงานสถานการณ์ต่อราชันมังกร

ราชันมังกรตอบขณะต่อสู้ “แม้ข้อมูลขององค์ชายฟงเซี่ยจะไม่ถูกเปิดเผยในเวลานี้ แต่เราไม่สามารถละเลย ฟางหยวนรู้เรื่องนี้แต่ยังนิ่งเงียบ เจ้าต้องให้ความสําคัญกับประเด็นนี้ แจ้งสถานการณ์กับเฉินอี้และคนอื่นๆ เพื่อให้พวกเขาเตรียมพร้อมช่วยเหลือองค์ชายฟงเซี่ยน”

เทพธิดาจอเว่ยรับคําสั่ง “ทราบแล้ว”

ราชันมังกรกลับไปตั้งใจต่อสู้กับความสิ้นหวังทั้งเจ็ดอีกครั้ง

“ถึงเวลาแล้ว” ราชันมังกรกําหมัดแน่น

ท่าไม้ตายอมตะมังกรสวรรค์!

อายุขัยของราชันมังกรลดลงอย่างรวดเร็วขณะที่พลังการต่อสู้ของเขาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง

“โฮก….”

เสียงคํารามของมังกรดังขึ้นพร้อมกับปราณมังกรสีม่วงทองที่ปะทุออกมา

“บึม!”

ความสิ้นหวังทั้งเจ็ดไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา มันถูกส่งลอยกลับหลังราวกับอุกกาบาตและพุ่งชนกําแพงปราณอย่างรุนแรง

“บัดซบ! ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง!”

“ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของพวกเรากลายเป็นไร้ประโยชน์”

“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเราจะถูกจับ”

“พลังการต่อสู้ของราชันมังกรเหนือกว่าพวกเราไปแล้ว”

“ในกรณีนี้เราจะใช้การโจมตีเป็นการป้องกัน เราจะโจมตีราชันมังกรจากทุกทิศทาง!”

กลุ่มผู้อมตะเจ็ดดาวเหนือพูดคุยและบังคับความสิ้นหวังทั้งเจ็ดเข้าสู่สนามรบอีกครั้ง

ราชันมังกรปรากฏตัวขึ้นด้านบน

“ยังสามารถยืนขึ้นอีกสั้นหรือ?” ราชันมังกรเผยรอยยิ้มชั่วร้ายและส่งกรงเล็บมังกรพุ่งลงไป

“บึม!”

กรงเล็บมังกรราวกับมดตัวน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับร่างอันใหญ่โตของความสิ้นหวังทั้งเจ็ด อย่างไรก็ตามมันกลับสามารถสร้างบาดแผลขนาดใหญ่ให้กับยักษ์ตัวนี้

ศีรษะของความสิ้นหวังทั้งเจ็บถูกทุบเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ยักษ์ที่ขาดศีรษะล้มลงบนพื้น

ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ

ราชันมังกรลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและคํารามด้วยความพึงพอใจ

ในจังหวะนี้ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง เกล็ดมังกร หางมังกร และเขาบนศีรษะของเขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ราชันมังกร ไปตายซะ!” ผู้อมตะระดับแปดของภาคเหนือปรากฏตัวขึ้นด้านหลังราชันมังกร

“ปัง!”

แต่คนผู้นี้กลับถูกหางมังกรส่งลอยกลับหลังและกระอักเลือดคําโตออกมาจากปาก เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที สิ่งที่ร้ายแรงที่สุดคือผลกระทบย้อนกลับของท่าไม้ตายอมตะนําเขาไปสู่ความตาย

ผู้อมตะระดับแปดอีกสามคนของภาคเหนือเคลื่อนไหวพร้อมกัน ท่าไม้ตายอมตะสามท่าโจมตีราชันมังกรอย่างต่อเนื่อง

“เราประสบความสําเร็จ!”

แต่ใบหน้าแห่งความสุขของสามผู้อมตะระดับแปดของภาคเหนือกลับแข็งค้างเมื่อพวกเขามองเห็นราชันมังกรยังยืนตัวตรงอยู่ที่เดิม

ไม่มีแม้แต่รอยบาดแผล

“อันใด!?”

“เราคํานวณมาแล้ว ท่าไม้ตายอมตะสามประสานของพวกเราสามารถสนับสนุนซึ่งกันและกัน!”

“การป้องกันแข็งแกร่งนัก!”

สามผู้อมตะภาคเหนือรู้สึกกังวลและเร่งล่าถอย

“พวกเจ้าเกาหลังให้ข้างั้นหรือ?” ราชันมังกรหันหลังกลับอย่างช้าๆและมองไปที่สามผู้อมตะภาคเหนือ

สามผู้อมตะภาคเหนือรู้สึกถึงอันตราย หัวใจของพวกเขาราวกับถูกกดทับด้วยภูเขาทั้งลูก

“ราชันมังกร เราคือคู่ต่อสู้ของเจ้า!”

ความสิ้นหวังทั้งเจ็ดย้อนกลับมาหลังจากฟื้นตัว ศีรษะของมันกลับมาแล้ว

“พวกเจ้าไม่สามารถขัดขวางข้าได้อีกต่อไป” ราชันมังกรเย้ยหยันขณะชําเลืองมองความสิ้นหวังทั้งเจ็ดอย่างเฉยเมยก่อนจะหันหน้าไปทางแท่นบูชาแห่งโชค

ตราบเท่าที่แท่นบูชาแห่งโชคถูกโจมตีและได้รับความเสียหายในระดับหนึ่ง ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอดีตจะถูกทําลาย

หากไม่มีผู้อมตะภาคเหนือจากอดีต วังสวรรค์จะมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ ถ้ำสวรรค์นิรันดรจะไม่สามารถตอบโต้อีกต่อไป

ภายในแท่นบูชาแห่งโชค หน้าผากของปิงชายฉวนเต็มไปด้วยเหงื่อ

“บัดซบ! วิญญาณชะตากรรมกําลังฟื้นตัว ผู้อมตะของภาคเหนือจากอดีตกําลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ”

“ในทางตรงข้าม สมาชิกวังสวรรค์ได้รับการสนับสนุนจากท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางมนุษย์”

“สิ่งสําคัญที่สุดคือเราไม่สามารถหยุดราชันมังกร พลังการต่อสู้ของเขาก้าวข้ามระดับแปดไปแล้ว กระทั่งท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางมนุษย์ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเขา…”

ขณะที่ปิงช่ายฉวนคิดเรื่องเหล่านี้ ราชันมังกรก็ทุบทําลายความสิ้นหวังทั้งเจ็ดอีกครั้ง

หลังจากกําจัดสิ่งกีดขวาง ราชันมังกรพุ่งตรงไปยังแท่นบูชาแห่งโชค

“ฮืม!” ดวงตาของปิงช่ายฉวนส่องประกายด้วยความแน่วแน่ “นี่จะเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายของเรา!”

“บึม!”

แท่นบูชาแห่งโชคระเบิดแสงสว่างราวกับดวงอาทิตย์ออกมา

ผู้อมตะทั้งหมดปิดเปลือกตาลง กระทั่งราชันมังกรยังต้องหรี่ตา

เขางุนงง “ปิงช่ายฉวนใช้พลังอํานาจของแท่นบูชาแห่งโชค เขาไม่กลัวมันจะส่งผลกระทบต่อ ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอดีตงั้นหรือ?”

แสงสว่างหยุดการเคลื่อนไหวของทุกคนไว้ชั่วขณะ

แท่นบูชาแห่งโชคราวกับสัตว์ร้ายที่หลุดออกจากกรง มันพุ่งเข้ากระแทกค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมอย่างดุเดือด

“เร็ว หยุดเขา!” เทพธิดาจื่อเว่ยกรีดร้อง

“คือ?” ราชันมังกรประหลาดใจเมื่อพบว่าท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอดีตยังทํางานอยู่

แม้ภาพมายาของสายธารแห่งกาลเวลาจะเริ่มสลายตัว แต่ความเร็วในการสลายตัวของมันช้ามาก มันยังอยู่ได้อีกนาน

“บัวแดง!” ราชันมังกรเต็มไปด้วยความโกรธ

เขาตระหนักว่าตนเองตกลงสู่หลุมพรางของเทพปีศาจบัวแดง

ความเข้าใจที่เขามีเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอดีตมาจากความทรงจําเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะสนับสนุนอนาคต

ครั้งนั้นเขาโจมตีเทพปีศาจบัวแดงหลายครั้งและสามารถขัดขวางท่าไม้ตายอมตะสนับสนุนอนาคต

“ท่านอาจารย์ ท่านช่างมีไหวพริบ ท่านมองเห็นข้อบกพร่องของท่าไม้ตายนี้แล้ว” ในความทรงจําของราชันมังกร เทพปีศาจบัวแดงเผยรอยยิ้มพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากปาก

“ศิษย์เลว! เขากล่าวออกมาโดยเจตนา! นอกจากนี้ปิงช่ายฉวนก็เป็นคนเจ้าเล่ห์ เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระแต่กลับจงใจหยุดตัวเองเอาไว้!” ราชันมังกรโกรธมาก สิ่งนี้เกิดขึ้นโดยฉับพลัน เขาไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา

ผู้อมตะของวังสวรรค์เร่งใช้ท่าไม้ตายอมตะโจมตีแท่นบูชาแห่งโชค

แต่แท่านบูชาแห่งโชคทําให้ท่าไม้ตายอมตะเหล่านั้นล้มเหลวอย่างน่าสังเวช พวกเขาได้รับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรง

แท่นบูชาแห่งโชคยังพุ่งชนค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมอย่างไร้ปรานี

“บึม!”

ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมถูกทําลายเป็นส่วนใหญ่

ในที่สุดหอคอยดวงตาสวรรค์ก็เผยตัวออกมา

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท