เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1743 โอกาสสุดท้าย

บทที่ 1743 โอกาสสุดท้าย

บทที่ 1743 โอกาสสุดท้าย

“มันสายเกินไปที่จะถอย ทุกคน โปรดร่วมมือกันต่อต้านวังสวรรค์ พวกเขาจึงใช้วิญญาณชะตากรรม พวกเขาไม่สามารถใช้มันได้ในระยะเวลาสั้นๆ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเรา!” ปิงช่ายฉวนตะโกนเสียงดัง

กลุ่มผู้อมตะตอบสนองทันที พวกเขาพุ่งไปข้างหน้าด้วยฟันที่กัดแน่น

ปิงช่ายฉวนกล่าวได้ถูกต้อง หอคอยดวงตาสวรรค์รวดเร็วเกินไป พวกเขาไม่สามารถหลบหนี

ไม่ใช่ว่าไม่มีผู้ใดคิดใช้ประโยชน์จากผู้อื่นเพื่อถ่วงเวลาให้ตนเองหลบหนี แต่สิ่งสําคัญก็คือภาคกลางใหญ่โตเกินไป แม้พวกเขาจะหลบหนีไปในทิศทางที่แตกต่างกัน หอคอยดวงตาสวรรค์ ก็ยังมีเวลาพอที่จะไล่ล่าและกําจัดพวกเขา

ผู้อมตะภาคใต้และภาคเหนือเข้าใจสถานการณ์ พวกเขาต้องต่อสู้เท่านั้น

ทุกคนใช้ทุกสิ่งที่ตนเองมีออกมาอย่างสิ้นหวัง

สถานการณ์กลายเป็นชะงักงัน

“จื่อเว่ย ประกาศข่าวการกลับมาของวิญญาณชะตากรรมให้โลกรู้หรือยัง?” ราชันมังกรติดต่อเทพธิดาจื่อเว่ย

หลังจากไม่นานเทพธิดาจื่อเว่ยก็ตอบกลับ “ข่าวถูกเผยแพร่ออกไปในสวรรค์สีเหลือง แล้ว นอกจากนั้นฉากการต่อสู้ในขณะนี้ของท่านราชันมังกรก็กําลังถูกเผยแพร่อยู่ทุกหนทุกแห่ง ด้วยวิธีบนเส้นทางมนุษย์”

การเผยแพร่ข่าวการฟื้นคืนของวิญญาณชะตากรรมเป็นการยกขวัญกําลังใจผู้อมตะภาคกลาง และข่มขู่ศัตรูของพวกเขา

ผู้อมตะและผู้ใช้วิญญาณจํานวนนับไม่ถ้วนได้ยินข่าวและได้เห็นฉากการต่อสู้ในปัจจุบัน

การกระทําของวังสวรรค์แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในชัยชนะของพวกเขา

ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณชะตากรรมระดับเก้า วังสวรรค์จะไม่แพ้

เทพธิดาจื่อเว่ยต้องการใช้โอกาสนี้แสดงความแข็งแกร่งของวังสวรรค์โดยการจับกุมผู้อมตะภาคใต้และภาคเหนือในครั้งเดียว

ราชันมังกรเข้าใจความคิดของเทพธิดาจื่อเว่ยแต่เขายังขมวดคิ้ว

“ผู้อมตะภาคใต้และภาคเหนือตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย พวกเขาเหมือนสัตว์ร้ายที่ถูกต้อนเข้ามุมและพยายามดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย นี่ทําให้เรากลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แม้มันจะเป็นเรื่องชั่วคราวก็ตาม…”

เนื่องจากเทพธิดาจื่อเว่ยลงมือทําไปแล้ว ราชันมังกรจึงต้องให้ความร่วมมือกับนาง

พวกเขาต้องแสดงพลังอํานาจของวังสวรรค์ที่ไม่สามารถต่อต้านออกมา

ท่าไม้ตายอมตะจํานนต่อโชคชะตาเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

มันเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า หลังจากวิญญาณชะตากรรมฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ พลังอํานาจของท่าไม้ตายนี้ยิ่งน่ากลัวมากกว่าเดิม

แต่ท่าไม้ตายอมตะจํานนต่อโชคชะตาไม่สามารถใช้งานติดต่อกัน มันต้องใช้เวลาพักฟื้นชั่วระยะเวลาหนึ่ง

“ดูเหมือนข้าต้องเคลื่อนไหวด้วยตนเอง มิฉะนั้นการแสดงของเราอาจดูไม่ดี”

ราชันมังกรออกคําสั่งให้ผู้อมตะหลายคนเข้าควบคุมหอคอยดวงตาสวรรค์ขณะที่เขาบินออกไป

“ราชันมังกรออกมาแล้ว ระวังเขาให้มาก!” ชิงช่ายฉวนเตือนคนอื่นๆ

“โจมตีพร้อมกัน!” เหยากวงตะโกน

บ้านไม้ไผ่สายลมและคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังอื่นๆเคลื่อนไหวเช่นกัน

ราชันมังกรถูกปิดล้อมทันที

ท่าไม้ตายอมตะระดับแปดจํานวนนับไม่ถ้วนถูกปลดปล่อยออกมาและทําให้โลกตกตะลึง

“ระวัง!”

“บัดซบ!”

“หลบ!”

ทั่วทั้งภาคกลางโดยเฉพาะสิบนิกายโบราณ ผู้อมตะจํานวนมากอุทานด้วยความตกใจ

พวกเขาเห็นราชันมังกรถูกปิดล้อมและรู้สึกกังวล

“บึ้ม บึ้ม บึ้ม!”

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ภายใต้ฝุ่นควัน ราชันมังกรยังไม่เคลื่อนไหว

ปราณมังกรทั้งเก้าที่เกิดจากท่าไม้ตายอมตะเก้ามังกรคุ้มภัยรัดพันอยู่รอบตัวราชันมังกรและ พ่นลมหายใจออกมาปัดเป่าฝุ่นควันออกไป

ราชันมังกรลอยอยู่ที่เดิมด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง

เขามองไปรอบๆอย่างไม่แยแส “พวกเจ้าต้องการเกาที่คันให้ข้างั้นหรือ?”

“แข็งแกร่งนัก!” หัวใจของเหยากวงและคนอื่นๆสั่นไหว แม้พวกเขาจะได้รับข้อมูลมาแล้ว แต่ พวกเขายังตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของราชันมังกร

ปิงช่ายฉวนกัดฟันแน่น “เขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า! ตอนนี้เราไม่มีค่ายกลวิญญาณอมตะรูปแบบการต่อสู้โบราณความสิ้นหวังทั้งเจ็ด เราไม่สามารถต่อสู้กับเขา ข้าควรทําอย่างไร?”

ท่าไม้ตายอมตะหมื่นภูตมังกร!

ท่าไม้ตายอมตะร้อยตะขาบ!

ฟางหยวนและจักรพรรดิสวรรค์ไปซูส่งท่าไม้ตายอมตะของพวกเขาออกไปพร้อมกัน

กองทัพภูตมังกรดาบบรรพกาลและตะขาบสีเทาบินไปทั่วสนามรบ

ผู้ชมของภาคกลางกรีดร้องด้วยความตกใจและห่วงใยราชันมังกร

ท่ามกลางทะเลตะขาบ เสียงที่ไร้กังวลของราชันมังกรดังขึ้น “เป็นท่าที่ดี แต่ยังไม่พอ”

ท่าไม้ตายอมตะลมหายใจดาบ!

“บึม!”

กองทัพภูตมังกรดาบบรรพกาลและตะขาบสีเทาถูกทําลายในครั้งเดียว

ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์มีความคิดที่แตกต่างกัน

“ท่านแม่ คนที่มีเขามังกรเป็นผู้อมตะภาคกลางของเราใช่หรือไม่?”

“ท่านราชันมังกรเป็นอาจารย์ของเทพปีศาจบัวแดง เขาแข็งแกร่งมาก!”

“วังสวรรค์เคลื่อนไหวแล้ว ถอยกันเถอะ”

“ข้าปล้นทรัพยากรมามากมายแล้ว ข้าควรจากไปเดี๋ยวนี้”

เป็นไปตามคําทํานายของราชันมังกรและเทพธิดาจอเว่ย ผู้อมตะที่บุกภาคกลางเริ่มล่าถอย ขวัญกําลังของคนภาคกลางพุ่งสูงขึ้น

“กลยุทธ์ของพวกเราไร้ประโยชน์ต่อหน้าเขา” ใบหน้าของจักรพรรดิสวรรค์ไปซูกลายเป็นซีดเผือด

“ถึงคราวของข้าแล้ว” ราชันมังกรกล่าวเบาๆก่อนจะหายตัวไปอย่างกะทันหัน

“เร็วมาก!”

“เขาอยู่ที่ใด?”

อี้ห่าวฟางรู้สึกสังหรณ์ร้าย เขารีบเงยหน้าขึ้นและพบกับราชันมังกร

กรงเล็บมังกรพุ่งลงมา อี้ห่าวฟางยกมือขึ้นป้องกัน

“ยิ้ม!”

อี้ห่าวฟางพุ่งลงจากท้องฟ้าและสร้างหลุมขนาดใหญ่ไว้บนพื้น

เขากระอักเลือดคําโตออกมาและอยู่ในสภาพที่น่าอนาถ การโจมตีนี้ทําลายการป้องกันของเขาและยังทําให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที

ปราณมังกรปรากฏขึ้นด้านหน้าอี้ห่าวฟางอีกครั้ง

แต่ปรมาจารย์ห้าธาตุกับขื่อชิวหยูปรากฏตัวขึ้นด้านข้างราชันมังกรอย่างกะทันหัน

“ราชันมังกร เจ้าตกหลุมพรางแล้ว!”

“เจ้าต้องติดอยู่ที่นี่!” ผู้อมตะทั้งสองกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะ

“มดปลวกต้องการจับข้างั้นหรือ?” ราชันมังกรเย้ยหยัน ร่างของเขาระเบิดแสงออกมา

“เพล้ง!”

ค่ายกลวิญญาณอมตะระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวกับกระจกแตก ปรมาจารย์ห้าธาตุและจื่อชิวหยูได้รับบาดเจ็บจากผลกระทบย้อนกลับ

แต่ราชันมังกรก็พลาดโอกาสสังหารอี้ห่าวฟางเช่นกัน

อี้ห่าวฟางบินขึ้นมาจากหลุมและรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองด้วยความหวาดกลัว

พลังของราชันมังกรเหนือจินตนาการมากเกินไป

อี้ห่าวฟางเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีชื่อเสียงของภาคใต้ แต่เขาเกือบถูกสังหารโดยการโจมตีไม่ถึงสามกระบวนท่าของราชันมังกร

“อาจมีเพียงผู้อมตะระดับเก้าเท่านั้นที่สามารถปราบปรามเขา”

“ไม่ว่าจะเป็นการโจมตี การป้องกัน หรือการเคลื่อนไหว ราชันมังกรเหนือกว่าในทุกด้าน แม้เราจะปิดล้อมเขา เขาก็ยังสามารถตอบโต้ได้อย่างง่ายดาย

“ผู้ใดจะสามารถหยุดคนเช่นนี้”

ผู้อมตะภาคใต้และภาคเหนือรู้สึกหวาดกลัว

พวกเขาไม่สามารถก้าวข้ามราชันมังกรโดยไม่ต้องกล่าวถึงหอคอยดวงตาสวรรค์ที่มีวิญญาณชะตากรรมระดับเก้า

แล้วพวกเขาควรทําอย่างไร?

ราวกับการตอบคําถามของกลุ่มผู้อมตะ เสียงคํารามสายหนึ่งดังขึ้นและทําให้พื้นดินแตกแยก

“ครื่น…”

พื้นดินแยกออกขณะที่มังกรยักษ์ที่น่าสะพรึงกลัวทะยานร่างขึ้นมา

“ราชันมังกร ข้าจะฉีกร่างเจ้าออกเป็นชิ้นๆ!” มังกรยักษ์คํารามเสียงดัง

มันคือสัตว์อสูรแรกกําเนิดในตํานาน จางเฉิง!

“หือ?” ราชันมังกรรู้สึกประหลาดใจ เขากุนเสียงเย็นและพุ่งเข้าเผชิญหน้าโดยไม่หลบเลี่ยง

การต่อสู้ระหว่างผู้อมตะและสัตว์อสูรแรกกําเนิดในตํานานปะทุขึ้นทันที

สถานการณ์กลายเป็นชะงักงัน

“ตั้งแต่เมื่อใดที่ตี้จางเฉิงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้?” ผู้อมตะวังสวรรค์ตกตะลึง

“ห้าภูมิภาคกําลังรวมเป็นหนึ่ง ความโกรธแค้นของผู้คนทําให้จางเฉินแข็งแกร่งขึ้น!”

“แต่ไม่ใช่ว่าตี้จางเฉิงถูกขังอยู่ในถ้ํามังกรเร้นงั้นหรือ? เหตุใดมันจึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่?” กลุ่มผู้อมตะรู้สึกมึนงง

แต่พวกเขารู้ว่าราชันมังกรเป็นคนปราบปรามจางเฉิง ดังนั้นการมาแก้แค้นของจางเฉิงจึงเป็นเรื่องปกติ

เป็นไปตามคํากล่าวของราชันมังกรก่อนหน้านี้ ตอนนี้พลังอํานาจของตี้จางเฉิงเทียบเท่ากับเขาแล้ว

“หากมันไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ตี้จางเฉิงจะกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!”

“มหัศจรรย์นัก โอกาสมาถึงแล้ว”

“ฉวยโอกาสนี้ถอย!”

“เราถอยไม่ได้!” ฟางหยวนตะโกน “นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการโจมตี ราชันมังกรถูกหยุดโดยตี้จางเฉิง ตอนนี้เราสามารถไปที่หอคอยดวงตาสวรรค์และทําลายวิญญาณชะตากรรม!”

หลังกล่าวจบคํา ฟางหยวนเป็นผู้นําบินเข้าไปหาหอคอยดวงตาสวรรค์

ปิงช่ายฉวนเป็นคนแรกที่ตอบสนอง เขาเรียกผู้อมตะภาคเหนือและติดตามไปอย่างใกล้ชิด

ผู้อมตะภาคใต้เข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายเช่นกัน

“พวกเจ้ากล้างั้นหรือ?” ราชันมังกรกังวลแต่เขาถูกเหนี่ยวรั้งไว้โดยตี้จางเฉิง เขาทําได้เพียงมองฟางหยวนและคนอื่นๆพุ่งไปข้างหน้าเท่านั้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท