เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1750 ได้รับวิญญาณขโมยชีวิต

บทที่ 1750 ได้รับวิญญาณขโมยชีวิต

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1750 ได้รับวิญญาณขโมยชีวิต

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์กลุ่มใหญ่กําลังรออยู่ด้านหน้าค่ายกลวิญญาณอมตะขนส่งด้วยความคาดหวัง

ทันใดนั้นค่ายกลวิญญาณอมตะขนส่งก็ปลดปล่อยแสงอันเจิดจ้าออกมา

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะโกนด้วยความสุข “เขากลับมาแล้ว เขากลับมาแล้ว!”

กลุ่มมนุษย์หิมะ มนุษย์หิน และมนุษย์หมึกที่ยืนอยู่ด้านหลังมีการแสดงออกที่ซับซ้อน

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกรุนรานโดยวังสวรรค์ ด้วยข้อตกลงพันธมิตร เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสามต้องช่วยเหลือแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

แม้พวกเขาจะไม่เต็มใจแต่พวกเขาก็ต้องมาด้วยความขมขื่น

พวกเขาไม่สามารถฝ่าฝืนข้อตกลงพันธมิตร

ในปัจจุบันเผ่ามนุษย์ปกครองโลก เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ต้องซ่อนตัวและร่วมมือกันเท่านั้น

กลยุทธ์นี้ไม่ผิด แต่เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสามเผ่าไม่คิดว่าแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะดึงดูดภัยคุกคามเช่นวังสวรรค์

วังสวรรค์คือสิ่งใด?

พวกเขาคือกองกําลังอันดับหนึ่งของมนุษยชาติมาตลอดหลายล้านปี

เปรียบเทียบกับพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ พวกเขายังเล็กเกินไปและไม่สามารถต่อต้านฝ่ายตรงข้าม

ดังนั้นเมื่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาขอความช่วยเหลือ พวกเขาจึงไม่เต็มใจนัก

อย่างไรก็ตามผู้ใดจะคิดว่าตอนนี้ฟางหยวนจะนํากระดูกซี่โครงของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าไปวางขายในสวรรค์สีเหลือง สิ่งนี้ทําให้หัวใจของผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์สั่นไหวอย่างรุนแรง

พวกเขาเห็นความหวังในการต่อต้านวังสวรรค์

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาครอบครองพลังการต่อสู้ระดับแปด!

หากพวกเขาปฏิเสธคําขอของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา นอกจากพวกเขาจะเผชิญหน้ากับฟันเฟืองของข้อตกลงพันธมิตร พวกเขายังต้องเผชิญหน้ากับฟางหยวนที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปด

ความคิดของกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มนุษย์หิมะเป็นเผ่าแรกที่เปลี่ยนจุดยืนและแสดงการสนับสนุนแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอย่างเต็มที่ ตามมาด้วยเผ่ามนุษย์หมึกและเผ่ามนุษย์หิน

“มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องจริงๆที่ข้ารับฟางหยวนเป็นผู้อาวุโสสูงสุดนอก!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกมีความสุขมาก

หลังจากได้รับข้อความจากฟางหยวนและรู้ว่าเขากําลังจะกลับมา จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงนํากลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ออกมารอต้อนรับเขา

แสงสว่างจางหายไปขณะที่ฟางหยวนปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์มีการแสดงออกที่แตกต่างกันขณะที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเริ่มทักทายฟางหยวน

ฟางหยวนกวาดตามองและลอบหัวเราะอยู่ในใจ “มันเป็นฉากเดียวกับชีวิตก่อนหน้า จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีทักษะทางการเมืองบางอย่างจริงๆ เขาใช้ข้ากําหราบมนุษย์กลายพันธุ์เผ่าอื่นๆ

แต่ฟางหยวนไม่ต้องการพูดคุยไร้สาระและเสียเวลาไปโดยไร้ประโยชน์ เช่นเดียวกับชีวิตก่อนหน้าเขาพยักหน้าให้เชี่ยเอ๋อและจากไป

อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวเล็กๆนี้ทําให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะตื่นเต้นมากขณะที่เผ่ามนุษย์หินและเผ่ามนุษย์หมึกรู้สึกอิจฉา

การต่อสู้กับจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าทําให้สถานะของฟางหยวนในใจของทุกคนพุ่งสูงขึ้นแต่จิตใจของฟางหยวนยังสงบนิ่ง

หลังจากกําเนิดใหม่พลังการต่อสู้ของเขาตกลงมาอยู่ที่ระดับเจ็ดอีกครั้ง เขาไม่สามารถต่อสู้กับวังสวรรค์

ฟางหยวนพูดคุยกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเป็นการส่วนตัว จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาส่งคืนวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋ให้กับฟาหงยวนและอธิบายเกี่ยวกับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่วังสวรรค์ทิ้งไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากังวลมาก

เขาพยายามทําลายร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋เหล่านั้นแต่ไม่สามารถทําสิ่งใด

ฟางหยวนรู้ว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของท่าไม้ตายอมตะทางผ่านดาราของวังสวรรค์ที่ฟงจิวเก้อตั้งใจทิ้งไว้

ในชีวิตก่อนหน้าเมื่อวังสวรรค์บุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเป็นครั้งที่สอง ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋เหล่านี้กลายเป็นอุโมงค์แสงที่สามารถขนส่งผู้อมตะระดับแปดเข้ามาโดยตรง

ในการต่อสู้ครั้งนั้นฟางหยวนได้รับวิญญาณท่องแดนอมตะระดับเจ็ดแต่เขาก็เปิดเผยท่าไม้ตายอมตะราชันภูตและอัตลักษณ์ของซวนจินรวมถึงสูญเสียพันธมิตรที่ชื่อว่านิกายหลางหยา

ฟางหยวนล่าถอย วังสวรรค์ก็เช่นกัน ถ้ําสวรรค์นิรันดรกลายเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์สูงสุด

ฟางหยวนตอบจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา “ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง ไม่จําเป็นต้องกังวลเกินไปให้ข้าอนุมานและวางแผนจัดการกับสถานการณ์ก่อนดีหรือไม่?”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถอนหายใจ “ตกลง”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกประหลาดใจที่ฟาหงยวนไม่รีบร้อนร้องขอความหมายที่แท้จริงของบรรพชนผมยาว แต่เขาก็ไม่กล่าวถึงเพราะเขาไม่เต็มใจมอบมันให้ฟางหยวนอยู่แล้ว

ตอนนี้วิญญาณสติปัญญายังอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนไปหาวิญญาณสติปัญญาและนั่งอนุมานอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามวันสามคืน

การเกิดใหม่ครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษเมื่อเปรียบเทียบกับครั้งก่อนหน้า

ระยะเวลาในการย้อนอดีตค่อนข้างนาน มันย้อนมาไกลหลายปีจากอนาคต

แต่นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

เนื่องจากร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนมีการบ่มเพาะระดับเจ็ดขณะที่วิญญาณกาลเวลาก็เป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด นอกจากนั้นเขายังใช้ท่าไม้ตายอมตะหวนคืนสําเร็จเพื่อกําเนิดใหม่

ร่างหลักของฟางหยวนถูกสังหารโดยราชันมังกรแต่ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่อยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิสามารถใช้วิญญาณกาลเวลาและท่าไม้ตายอมตะหวนคืนสําเร็จย้อนเวลากลับมาเกิดใหม่

สําหรับการกําเนิดใหม่ครั้งแรกที่ฟางหยวนย้อนเวลากลับไปห้าร้อยปีด้วยการบ่มเพาะระดับหกมันเป็นผลงานของเจตจํานงสวรรค์ มันเป็นกรณีพิเศษ

“แท้จริงแล้วยังมีท่าไม้ตายอมตะจุดหมายหวนคืนอยู่ในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงมันสามารถระบุช่วงเวลาที่ต้องการย้อนกลับมากําเนิดใหม่ แต่ท่าไม้ตายนี้ไม่รับประกันความสําเร็จของการกําเนิดใหม่ ดังนั้นข้าจึงเลือกใช้ท่าไม้ตายอมตะหวนคืนสําเร็จเพื่อขจัดความเป็นไปได้ที่จะล้มเหลว

ฟางหยวนชําเลืองมองวิญญาณกาลเวลา

วิญญาณกาลเวลาในปัจจุบันไม่ใช่วิญญาณอมตะระดับเจ็ด มันยังเป็นวิญญาณกาลเวลาระดับหก

ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากกําเนิดใหม่มันยังอ่อนแรงและดูเหมือนใกล้ตาย มันต้องการเวลาพักฟื้น

“มรดกของเทพปีศาจบัวแดงมีท่าไม้ตายอมตะมากมายที่สามารถเร่งการฟื้นตัวของวิญญาณ กาลเวลา กล่าวไปแล้ววิญญาณกาลเวลาสมกับเป็นวิญญาณหลักของเทพปีศาจบัว แดง มันทรงพลังเกินไปจริงๆ”

ฟางหยวนถอนหายใจอยู่ภายใน

เขาไม่ใช่ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์อีกต่อไป ดังนั้นวิญญาณกาลเวลาจึงไม่สามารถระเบิดมิติช่องว่างของเขา

ด้วยสถานะปัจจุบันของฟางหยวน แม้เขาจะไม่ใช้วิธีเร่งการฟื้นตัวของวิญญาณกาลเวลามันก็จะฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ก่อนจะถึงการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

“แต่วังสวรรค์แข็งแกร่งมาก แม้ข้าจะสามารถกําเนิดใหม่ซ้ําแล้วซ้ําอีก แต่มันจะไร้ประโยชน์หากข้าไม่หาวิธีเอาชนะพวกเขา”

เมื่อคิดถึงชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนรู้สึกราวกับถูกภูเขาทั้งลูกกดทับ

รากฐานของวังสวรรค์ยิ่งใหญ่เกินไป

ฟางหยวนไม่สามารถบอกได้ว่ามีผู้อมตะจําศีลอยู่ในสุสานอมตะมากเพียงใด

ราชันมังกรมีพลังการต่อสู้กึ่งระดับเก้า อาจมีเพียงโป้ชิงเท่านั้นที่สามารถแข่งขันกับเขาฟางหยวนถูกราชันมังกรสังหาร ราชันมังกรเพียงผู้เดียวที่ทําให้แผนการของฟางหยวนพังทลายลงอย่างสมบูรณ์

โดยธรรมชาติแล้วผู้อมตะระดับเก้าคือตัวตนบนจุดสูงสุด แม้แต่ราชันมังกรก็ไม่สามารถต่อต้านท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าของพวกเขา

แต่ด้วยสิ่งนี้ มันยิ่งทําให้สถานการณ์วุ่นวายและซับซ้อนมากขึ้น

การจัดเตรียมของผู้อมตะระดับเก้าส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทั้งหมดซ้ําแล้วซ้ําอีก นี่ทําให้ฟางหยวนรู้สึกปวดหัว

นอกจากราชันมังกรยังมีเทพธิดาอเว่ย เฉินอี้ หลี่ฮวง ชิงเย่ หยวนเชียงตู้ และคนอื่นๆ

ผู้อมตะเหล่านี้ล้วนเป็นชนชั้นสูงที่ไม่สามารถดูแคลน

ความคิดที่จะเสียสละตนเองเพื่อวังสวรรค์ยิ่งน่ากลัวกว่า พวกเขาเต็มใจเสียสละทุกสิ่งโดยไม่เกรงกลัวต่อความตาย

ความบ้าคลั่งของวังสวรรค์ทําให้ฟางหยวนรู้สึกกังวล

“หากข้าไม่สามารถหาวิธีเอาชนะวังสวรรค์ มันก็ไร้ประโยชน์แม้ข้าจะเกิดใหม่อีกกี่ครั้งก็ตามเพื่อเอาชนะวังสวรรค์ ข้าต้องพยายามอย่างสุดความสามารถและไม่ปล่อยโอกาสใดๆที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง

“ข้าต้องวางแผนอย่างรัดกุม

ฟางหยวนเริ่มวางแผน ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันต้องใช้ทักษะและการมองการณ์ไกลเพื่อใช้ประโยชน์จากการกําเนิดใหม่

แม้ฟางหยวนจะได้รับประโยชน์จากการกําเนิดใหม่ แต่มันก็เป็นเพียงความรู้ในอนาคต เท่านั้นเขาไม่สามารถทําสิ่งเดิม นอกจากนั้นทุกการกระทําของเขาก็ยังจะส่งอิทธิพลในวงกว้าง

หากเขาเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างมากเกินไปเพียงเพื่อผลกําไรเพียงเล็กน้อย อิทธิพลที่เกิดขึ้นอาจทําให้อนาคตเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ความได้เปรียบในการกําเนิดใหม่ของเขาจะลดลงอย่างมาก

ในทางตรงข้ามหากเขาลังเลมากเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ เขาจะไม่มีความก้าวหน้ามากพอที่จะต่อต้านวังสวรรค์

เขาจําเป็นต้องสร้างสมดุล

สิ่งสําคัญอีกประการก็คือเขาต้องป้องกันไม่ให้คนอื่นๆรู้ว่าเขาเกิดใหม่แล้ว

ยิ่งเขาสามารถรักษาความลับนี้ได้นานเท่าใด มันก็ยิ่งมีประโยชน์ต่อเขามากเท่านั้น

ฟางหยวนใช้เวลาสิบหกชั่วโมงในการวางแผนการอย่างพิถีพิถัน

หลังจากนั้นเขาก็เรียกจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามาพบ “ท่านมีวิญญาณอมตะที่ดวง? ให้ข้าดูรายการทั้งหมด ข้ารู้สึกว่าความหมายที่แท้จริงของบรรพชนผมยาวไม่เป็นประโยชน์ต่อข้ามากนักหากมีวิญญาณอมตะที่เหมาะสมกับข้า ข้าอาจยอมแพ้ต่อความหมายที่แท้จริงของบรรพชนผมยาวและเลือกวิญญาณอมตะเหล่านั้น”

“อา…” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกใจและดีใจมาก “ตกลง ข้าจะให้เจ้าดูรายการ วิญญาณอมตะทั้งหมดเดี๋ยวนี้!”

ความหมายที่แท้จริงของบรรพชนผมยาวมีค่ามากสําหรับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางห ยามันเหมือนวิญญาณชะตากรรมของวังสวรรค์ มันมีคุณค่าทางจิตใจ

ภูเขาตงฮันถูกปล้นชิง ตามข้อตกลง จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องชดเชยให้ฟางหยวนด้วยความหมายที่แท้จริงของบรรพชนผมยาวแต่เขาไม่เต็มใจมากนัก

ฟางหยวนมองรายการวิญญาณอมตะทั้งหมดและพบวิญญาณอมตะขโมยชีวิตรวมอยู่ในนั้น

เขาพยักหน้าพึงพอใจ เขาสามารถเห็นความจริงใจของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจากจุดนี้

ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนได้รับความหมายที่แท้จริงของบรรพชนผมยาว นั่นทําให้ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขาพุ่งขึ้นสู่ระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุด

ทางเลือกนี้ไม่ผิดเนื่องจากความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมช่วยเหลือเขาได้มาก

แต่ตอนนี้ฟางหยวนเกิดใหม่แล้ว ระดับความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขาเท่ากับชีวิตก่อนหน้า มันยังอยู่ในระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุด ดังนั้นความหมายที่แท้จริงของบรรพชนผมยาวจึงไม่มีประโยชน์สําหรับฟางหยวนอีกต่อไป

เกี่ยวกับระดับความสําเร็จบนเส้นทางสายต่างๆ ร่างหลักและร่างแยกของฟางหยวนจะ แบ่งปันกันเสมอทั้งสองมีความสําเร็จในทุกแง่มุมเท่ากัน

เรื่องนี้แตกต่างจากร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เหตุผลหลักของฟางหยวนในการสร้างร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพราะเขาต้องการให้ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาอาบแสงแห่งปัญญาและช่วยเขาอนุมานสิ่งต่าง หากปราศจากความสําเร็จในแง่มุมต่างๆเขาจะอนุมานได้อย่างไร?

เมื่อร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลากําเนิดใหม่ ระดับความสําเร็จของร่างแยกยังเท่าเดิมดังนั้นระดับความสําเร็จของร่างหลักจึงเพิ่มขึ้นด้วยการแบ่งปันความสําเร็จจากร่างแยก

ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงเลือกทางอื่นในชีวิตนี้ “ข้าเลือกวิญญาณอมตะขโมยชีวิตและสิ่งเหล่านี้อืม…ข้าต้องการวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเช่นกัน”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามึนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบรับอย่างรวดเร็ว “ตกลง!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท